xs
xsm
sm
md
lg

กห.เห็นชอบปฏิรูปกองทัพปรับลดนายพล ขอระวังใช้สื่อออนไลน์ เกาะติดก่อการร้าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม (แฟ้มภาพ)
“โฆษกกลาโหม” เผยประชุมสภากลาโหมเห็นชอบปรับลดขนาดกำลังพลชั้นยศสูง ทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ-ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตามแผนปฏิรูปกลาโหม-กองทัพ ปัดคุยเรื่องโยกย้าย ขอให้ดูบทเรียนการใช้สื่อออนไลน์ ไตร่ตรองข่าวสารก่อนเผยแพร่ สั่งหนุนภารกิจประชามติคอยดูแลความเรียบร้อย มุ่งให้ ปชช.มาใช้สิทธิมากที่สุด ขอให้ติดตามข่าวสารก่อการร้าย อย่าประมาท เข้ม รปภ.พื้นที่สำคัญ

วันนี้ (28 ก.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 12.00 น. พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหมว่า ที่ประชุมเห็นชอบการปฏิรูปกระทรวงกลาโหม เพื่อรองรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยการปรับระบบงานด้านกําลังพล ซึ่งปัจจุบันกระทรวงกลาโหมประสบปัญหาความคับคั่งของกําลังพลในชั้นยศสูง จึงต้องปรับลดให้มีขนาดที่เหมาะสม โดยส่วนแรกได้ปรับลดกําลังพลในตําแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิ นายทหารปฏิบัติการลงร้อยละ 2.5 ต่อปี โดยเริ่มดําเนินการตั้งแต่ปี 2551 และสิ้นสุดในปี 2571 ซึ่งจะสามารถลดจํานวนกําลังพลดังกล่าวได้ถึงร้อยละ 50 โดยปี 2551 มีนายทหารระดับ พลตรี พลโท พลเอก ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษทั้งหมด 768 นาย และจะลดลงในปี 2571 เหลือ 384 นาย เช่นเดียวกับนายทหารชั้นยศพันเอกพิเศษในตำแหน่งนายทหารปฏิบัติการ (นปก.) ที่มีอยู่ตั้งแต่ปี 2551 จำนวน 2,698 นายจะต้องลดลงในปี 2571 เหลือ 1,349 นาย

โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า การลดจำนวนนายพลโดยลดอัตราผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ จะเริ่มค่อยๆ ดำเนินการต่อไปเพราะที่ผ่านมาก็เริ่มทำมาแล้วตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งจะสอดคล้องกับการผลิตนักเรียนจากโรงเรียนเตรียมทหารและนายร้อยฯ ทุกเหล่าทัพที่จะลดไปตามลำดับด้วย สำหรับการตั้งข้อสังเกตว่าในช่วงหลังมีตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษในโผทหารจำนวนมากนั้นก็เป็นปัญหาความคับคั่งในระดับรองลงไป ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมได้จัดทําโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกําหนดจํานวน 3 โครงการ เพื่อเป็นกลไกรองรับต่อภารกิจดังกล่าว ทั้งระดับชั้นยศนายพล และทุกชั้นยศ มีกําลังพลเข้าร่วมโครงการใน 3 ปีที่ผ่านมากว่า 15,000 นาย

พล.ต.คงชีพกล่าวอีกว่า ยังมีการจัดทําระบบข้าราชการพลเรือนกลาโหมซึ่งเป็นระบบงานกําลังพลที่สามารถจําแนกกําลังพลตามลักษณะงานได้อย่างเหมาะสม กล่าวคือ งานใดที่เป็นภารกิจทางทหาร ทหารเป็นผู้ปฏิบัติ งานใดที่เป็นงานสนับสนุนภารกิจทางทหารก็มอบให้ข้าราชการพลเรือนกลาโหมเป็นผู้ปฏิบัติซึ่งจะส่งผลให้กําลังพลในสังกัดกระทรวงกลาโหมมีความเป็นมืออาชีพ และจะประหยัดงบประมาณในด้านกําลังพลในอนาคตได้ การดําเนินการในปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทํากฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนกลาโหม และคาดว่าจะเสนอต่อสภากลาโหมเพื่อพิจารณาภายในปีงบประมาณนี้ (ก.ย. 2559)

นอกจากนี้ยังมีการบรรจุกําลังพลสํารองที่ผ่านการฝึกมาบรรจุทดแทนในอัตราทหารเป็นการชั่วคราวตามระยะเวลาของสัญญาที่กําหนด เพื่อให้หน่วยทหารมีอัตรากําลังพลเพียงพอในการปฏิบัติภารกิจ และมีการหมุนเวียนกําลังพลอย่างต่อเนื่องซึ่งจะส่งผลให้กองทัพประหยัดงบประมาณด้านกําลังพล แต่ยังคงขีดความสามารถไว้เช่นเดิม อีกทั้งสามารถช่วยแก้ปัญหาความคับคั่งของกำลังพลในระยะยาวได้ ปัจจุบันกระทรวงกลาโหมได้วางหลักเกณฑ์ คือ พ.ร.บ.กําลังพลสํารอง พ.ศ. 2558 มาตรา 30 กระทรวงกลาโหมอาจ รับสมัครกําลังพลสํารองเพื่อทําหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราวได้ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการทหาร และกฎกระทรวง กําหนด ระยะเวลาการทําหน้าที่ เงินเดือน และค่าตอบแทนอย่างอื่น สิทธิประโยชน์ ระเบียบและวินัยของบุคคลเข้าทําหน้าที่ทหารเป็นการ ชั่วคราว พ.ศ. 2553 ไว้เรียบร้อยแล้ว

โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวอีกว่า ในการประชุมวันนี้ไม่ได้มีการพูดเรื่องปรับย้ายนายทหารประจำปี โดยคงมีการคุยกันอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้วเพราะเป็นวาระที่จะปรับย้ายอยู่พอดี โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้แจ้งให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพเตรียมข้อมูลมาให้พร้อม เพื่อเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการปรับย้ายทหารชั้นนายพล แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าเป็นวันไหน

พล.ต.คงชีพกล่าวต่อว่า รมว.กลาโหมขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพได้ศึกษาบทเรียน จากการส่งต่อและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จหรือคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงในสื่อสังคมออนไลน์ ที่แพร่กระจายและสร้างความตื่นตระหนกหรือความเสียหายต่อสังคมทั้งในและต่างประเทศอย่างรวดเร็ว โดยร่วมกันติดตามตรวจสอบที่มาของข่าวสารที่ได้รับ พร้อมทั้งร่วมสร้างการตระหนักรู้และความเข้าใจต่อข้าราชการและประชาชน ให้ร่วมกันใช้วิจารณญาณไตร่ตรองอย่างรอบคอบกับข้อมูลข่าวสารที่ได้รับก่อนเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลดังกล่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันและจำกัดความเสียหายที่อาจกระทบต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของสังคม

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้สั่งการให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมสนับสนุนภารกิจของศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยการลงประชามติที่มีกระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นหน่วยงานหลักดำเนินการ ไม่เข้าไปก้าวก่ายหรือมีการจัดทหารไปอยู่ในหน่วยลงประชามติ เป้าหมายของเราอยากให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด ภายใต้ความคิดของตนเอง ทหารทำหน้าที่สนับสนุนดูแลให้เกิดความโปร่งใส บังคับใช้กฎหมายเพื่อให้การลงประชามติเดินหน้าไปสู่ความสงบเรียบร้อยเท่านั้น

พล.ต.คงชีพกล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ก่อการร้ายที่เกิดขึ้นหลายครั้งในทวีปยุโรป ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจํานวนมาก ปัญหาดังกล่าวมีผลกระทบเชื่อมโยงต่อความมั่นคงของภูมิภาค ซึ่งหลายประเทศได้ยกระดับการรักษาความปลอดภัยและแจ้งเตือนประชาชน ทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพติดตามข่าวสารและตั้งอยู่ในความไม่ประมาท โดยให้ความสําคัญกับมาตรการด้าน การข่าว ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน พร้อมทั้งเพิ่มความเข้มงวดกวดขันการรักษาความปลอดภัยที่ตั้งหน่วยและสถานที่สําคัญที่อยู่ในความรับผิดชอบหรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ตามความเหมาะสมและความจําเป็นของสถานการณ์เพื่อป้องกันมิให้การก่อเหตุร้ายเกิดขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น