MGR Online - “มาสเตอร์โพล” เผยประชาชนมีความเข้าใจและยอมรับทุกประเด็นร่างรัฐธรรมนูญเพิ่มมากขึ้น เชื่อจะนำไปสู่ประชาธิปไตย พร้อมมั่นใจการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองเก่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการลงประชามติ
รศ.ดร.เชษฐ รัชดาพรรณาธิกุล ประธานชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน (Thai Researchers in Community Happiness Association, TRICHA) เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจมาสเตอร์โพล (Master Poll) เรื่อง “คนไทยเข้าใจรัฐธรรมนูญแล้วหรือยัง” กรณีศึกษาตัวอย่างแกนนำชุมชนทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 1,104 ชุมชน จาก 26 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ พะเยา นครสวรรค์ ตาก อุตรดิตถ์ อ่างทอง ลพบุรี จันทบุรี นครนายก กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสาคร ชัยภูมิ นครราชสีมา สุรินทร์ อุบลราชธานี กาฬสินธุ์ เลย หนองคาย สกลนคร อุดรธานี นครศรีธรรมราช ระนอง ตรัง และยะลา ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2559
ผลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างแกนนำชุมชนเกือบร้อยละ 97.6 ระบุทราบมาก่อนแล้วว่าจะมีการลงประชามติในวันที่ 7 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ขณะที่ร้อยละ 96.7 ระบุว่าทราบจากรายการเดินหน้าประเทศไทย ร้อยละ 85.8 ระบุทราบจากรายการคืนความสุขให้คนในชาติ และร้อยละ 76.7 ระบุว่าทราบจากเจ้าหน้าที่ทหาร/หน่วยทหารในพื้นที่
ส่วนประเด็นการรับรู้สาระสำคัญในร่างรัฐธรรมนูญ ผลสำรวจพบว่า แกนนำชุมชนกว่าร้อยละ 64.6 ระบุว่า เคยอ่านร่างรัฐธรรมนูญบ้างแล้ว (เพิ่มจากเดือนมีนาคมมีเพียงร้อยละ 19.4) และร้อยละ 26.8 ระบุว่า ยังไม่ได้อ่านแต่ทราบจากสื่อมวลชน เหลือเพียงร้อยละ 8.8 ระบุว่ายังไม่เคยอ่าน
ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจการยอมรับต่อประเด็นสำคัญในร่างรัฐธรรมนูญ ที่พบว่าสัดส่วนของแกนนำชุมชนยอมรับประเด็นสำคัญในร่างรัฐธรรมนูญ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกประเด็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็น “เป็นรัฐธรรมนูญสร้างประชาธิปไตยที่ส่งเสริมบทบาทหน้าที่พลเมือง ร้อยละ 96.6 ระบุยอมรับ เพิ่มจากเดือนมีนาคมมีเพียงร้อยละ 91.1 เปิดโอกาสการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นอย่างกว้างขวางและทั่วถึง มีถึงร้อยละ 95.8 (เพิ่มจากเดือนมีนาคม ร้อยละ 93.9) และ “ความเป็นสากลที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย” ที่พบว่าแกนนำชุมชนร้อยละ 93.6 ระบุยอมรับ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการสำรวจเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่มีอยู่ร้อยละ 85.0
นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่า แกนนำชุมชนส่วนใหญ่ คือร้อยละ 93.5 ระบุเห็นด้วยว่าการทำประชามติในร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นหนทางไปสู่ประชาธิปไตย และมากกว่าครึ่งหนึ่งคือร้อยละ 65.7 ระบุไม่รู้สึกกังวลกรณีที่มีกลุ่มการเมืองเก่าออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการลงประชามติ ในขณะที่ประมาณ 1 ใน 3 หรือร้อยละ 34.3 ระบุรู้สึกกังวลในเรื่องนี้
สำหรับประเด็นความมั่นใจเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของการลงประชามตินั้นพบว่า แกนนำชุมชนส่วนใหญ่คือ ร้อยละ 84.5 ระบุมั่นใจว่าการลงประชามติในร่างรัฐธรรมนูญในเดือนสิงหาคมนี้ จะเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย และยังพบว่ามากกว่าร้อยละ 90 เห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่บอกว่าถ้าทำประชามติไม่ผ่านก็ทำใหม่ เพราะอย่างไรก็ต้องมีการเลือกตั้ง ในขณะที่ร้อยละ 7.8 ระบุไม่เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่า ถ้าครั้งแรกที่ประชาชนไม่ยอมรับครั้งต่อไป ก็ยากที่จะยอมรับ/น่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ / ทุกอย่างก็จะล่าช้าออกไป/การเลือกตั้งจะทำตอนไหนก็ได้ ประชาชนพร้อมให้ความร่วมมือ รวมถึงคิดว่าการเลือกตั้งไม่จำเป็นต้องทำประชามติก็ได้ (พิจารณารายละเอียดในตารางที่ 7-8)
อย่างไรก็ตาม แกนนำชุมชนร้อยละ 69.2 คิดว่าการลงประชามติในครั้งนี้ “น่าจะผ่าน” ในขณะที่ร้อยละ 6.0 ระบุคิดว่าไม่ผ่าน และร้อยละ 24.8 ระบุยังไม่แน่ใจ และพบว่าสัดส่วนของแกนนำชุมชนที่มีข้อมูลเพียงพอที่จะตัดสินใจได้แล้วนั้นมีอยู่ถึงร้อยละ 70.0 ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตัวจากการสำรวจเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีอยู่ร้อยละ 24.2
ทั้งนี้ เมื่อสอบถามถึงการตัดสินใจของแกนนำชุมชนหากว่าวันนี้เป็นวันลงประชามติในร่างรัฐธรรมนูญ พบว่าแกนนำชุมชนร้อยละ 91.7 ระบุคิดว่าจะรับร่างรัฐธรรมนูญ (ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการสำรวจเมื่อเดือนมีนาคมที่มีอยู่ร้อยละ 70.0) โดยให้เหตุผลว่า เพื่อความสงบสุขของประเทศ/รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีประโยชน์ต่อประชาชน/เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีช่วยพัฒนาประเทศให้ดีขึ้น และเป็นรัฐธรรมนูญที่ทำเพื่อประชาชนและประชาชนมีส่วนร่วมทำให้ประชาชนมีความพึงพอใจ
นอกจากนี้ แกนนำชุมชนยังแสดงความเชื่อมั่นว่า การตั้งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 นั้น ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้การดำเนินการลงประชามติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และยังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนมากยิ่งขึ้นด้วย