“รองโฆษกรัฐบาล” โต้ “ผู้แทนพิเศษยูเอ็น” หลังประณามไทยจับกุมผู้ต้องหาประชามติ ลั่นบังคับใช้กฎหมายเพื่อรักษาความสงบและเดินหน้าประเทศ พร้อมให้เสรีภาพสื่อและประชาชนเต็มที่หากไม่จุดชนวนขัดแย้งหรือบิดเบือน แนะระวังแสดงความเห็นอย่างเหมาะสม ไม่ก้าวล่วงกฎหมายประเทศอื่น
วันนี้ (26 ก.ค.) พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติ ได้ออกแถลงการณ์ประณามการจับกุมและตั้งข้อหาประชาชนภายใต้คำสั่ง คสช.และ พ.ร.บ.ประชามติ ว่ารัฐบาลเข้าใจถึงความหวังดีของผู้แทนองค์กรต่างประเทศที่พยายามทำหน้าที่ของตนเองเพื่อให้สังคมรับรู้ถึงผลงานที่ได้ทำ แต่อย่างไรเสีย รัฐบาลก็ยืนยันมาโดยตลอดถึงเหตุผลของการจับกุมและดำเนินคดีว่าขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน จึงจำเป็นต้องมีกฎกติกาที่แตกต่างจากช่วงปกติ เพื่อบังคับใช้กฎหมายและรักษาความสงบเรียบร้อยให้บ้านเมืองเดินหน้าไปตามขั้นตอนต่างๆ ได้อย่างราบรื่นซึ่งเชื่อว่าหลายประเทศมีความเข้าใจดีถึงข้อเท็จจริงนี้
“หากท่านมีความกังวลตามที่ระบุในแถลงการณ์ รัฐบาลก็รู้สึกกังวลใจเช่นเดียวกันในเรื่องความเหมาะสมของการแสดงความเห็นส่วนบุคคลที่อาจก้าวล่วงกฎหมายไทย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยินดีรับฟังหากข้อเสนอแนะเหล่านั้นเป็นประโยชน์
ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังเคารพกฎกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองอยู่เสมอ สื่อมวลชนไทยยังมีเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างเต็มที่ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้จากข้อความและการแสดงความเห็นที่ปรากฏให้เห็นรายวัน ขณะที่สื่อมวลชนบางกลุ่มจงใจนำเสนอข้อมูลบิดเบือน ละเมิดกฎหมาย และพยายามจุดชนวนสร้างความแตกแยก ซึ่งเชื่อว่าไม่มีรัฐบาลใดในโลกยอมรับได้
นอกจากนี้ การเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ถกเถียงกันเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่เคยปิดกั้น และสนับสนุนให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น กกต. จัดเวทีอภิปรายรับฟังความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ส่วนการตัดสินใจจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นสิทธิส่วนบุคคลของประชาชน ไม่ควรมีผู้ใดไปชี้นำหรือบังคับกะเกณฑ์ แต่ควรแสดงความเห็นหรือกเถียงกันด้วยหลักการที่ไม่สร้างความขัดแย้ง จึงอยากเรียกร้องไปยังผู้แทนองค์กรต่างประเทศให้ทำความเข้าใจข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ พร้อมทั้งเคารพการตัดสินใจของรัฐบาลซึ่งอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย เหตุผล และความเป็นธรรม และไม่ต้องการให้ประเทศไทยตกเป็นเหยื่อของการวิพากษ์วิจารณ์ที่ปราศจากความถูกต้องเช่นนี้อีก”