รองนายกฯ มองต้องแยกแสดงความสุจริตออกจากการชักชวน ชี้ฉีกรายชื่อไม่ถึงขั้นเลื่อนประชามติ รับมีวิชามารแยะเหนือมากที่สุด แต่ไม่กังวล เย้ยมารไม่เคยชนะ เตือน “วรเจตน์” บอกกาช่องขวาเสี่ยงมีความผิด เมินร่วมวงดีเบต ยังไม่มีข่าวเชิญ รบ. ให้ พศ.อำนวยความสะดวกคดี “สมเด็จช่วง” ดัก รบ.ไม่ควรพูดถูกแจ้งข้อหาควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ มองยังไม่ขาดความเป็นพระ
วันนี้ (25 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมืองและภาคีเครือข่ายภาคประชาชนรวม 43 องค์กร แถลงจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่เข้าใจว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตว่าตัวเองเห็นอย่างไร เพราะที่ติดตามยังไม่ได้สะดุดเนื้อหาอะไร ต้องแยกการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวออกจากการชักชวนคนอื่น ต้องดูเนื้อหาที่พูด แต่อย่าไปจับผิด อะไรที่ไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวายให้มันผ่านไป ส่วนกรณีที่มีการฉีกทำลายรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติในหลายพื้นที่นั้น ส่วนตัวมองว่ายังไม่เป็นเหตุที่จะทำให้การลงประชามติวันที่ 7 ส.ค.นี้เกิดความวุ่นวายและยังไม่มีเหตุให้เลื่อนออกไป ซึ่งทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เคยบอกว่าการฉีกรายชื่อเป็นเรื่องไม่ควรเกิด แต่ในการเลือกตั้งมักจะเกิดขึ้นเสมอ
นายวิษณุกล่าวว่า บรรยากาศการลงประชามติครั้งนี้กับเมื่อปี 2550 ต่างกัน บรรยากาศตอนนั้นชวนให้ลงประชามติมากกว่าครั้งนี้ เพราะยังไม่เกิดความแตกแยก ยังไม่มีสีเสื้อถึงขนาดนี้ เราจึงเห็นวิชามารสารพัดของทุกฝ่ายที่จะงัดขึ้นมา ตนได้รับรายงานเข้ามา ทั้งวิธีการและเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญซึ่งมีมากสุดในพื้นที่ภาคเหนือ แต่ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ และตอบไม่ถูกว่าจะมีผลต่อการตัดสินของประชาชนหรือไม่ แต่ไม่กังวลอะไร ส่วนคนอื่นกังวลหรือไม่ตนไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะมีวิธีการชนะวิชามารหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า “ไม่ทราบ แต่ผมรู้อย่างเดียวว่ามารไม่เคยชนะ ต้องไหว้พระปางสะดุ้งมาร”
เมื่อถามว่า นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ พูดทำนองว่าจะกาในช่องขวามือของบัตรลงประชามติ ซึ่งเป็นช่องไม่รับร่างรัฐธรรมนูญถือว่ามีความผิดหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ถ้าพูดแบบนั้นเสี่ยง เพราะสิ่งที่ตนอธิบายว่าไม่ผิดคือการพูดความคิดเห็นส่วนตัว แต่การแนะนำคือบอกว่าคนอื่นว่าตัวเองจะกาช่องไหนถือเป็นคนละเรื่อง มันอาจจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61
เมื่อถามว่า กกต.จัดดีเบตฝั่งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ มีการเชิญให้รัฐบาลเข้าร่วมหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามีการเชิญรัฐบาลหรือไม่ แต่ส่วนตัวยังไม่ถูกรับเชิญ และหากมีการเชิญคงไม่ไป เพราะตนไม่ใช่คนร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนกรณีที่ กกต.ระบุว่าเวทีดีเบตต่างจังหวัด อาจจะจัดได้แค่จังหวัดใหญ่นั้น หากเวลาน้อยแล้วทำไม่ทัน ก็ให้ทำเท่าที่จะทำได้ เราไม่ได้บังคับ แต่ให้ กกต.ประสานกระทรวงมหาดไทย รัฐบาลไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไร และในช่วง 7 วันสุดท้ายที่เขาห้ามทำโพล แม้เวทีแสดงความคิดเห็นยังทำได้แต่ควรระมัดระวังมากขึ้น
นายวิษณุยังกล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งข้อกล่าวหาสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กรณีครอบครองรถหรูโดยมิชอบว่า เรื่องดังกล่าวสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) คงจะต้องเข้ามาร่วมอำนวยความสะดวกให้แก่ทั้งสองฝ่าย
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีบางฝ่ายระบุว่าแค่มีการแจ้งข้อกล่าวหาก็ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ควรจะมีคำพูดแบบนั้นออกไปจากรัฐบาล เพราะไม่อย่างนั้นจะมีคนคิดทำอะไรอีกมาก ขณะเดียวกันเห็นว่าพระที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหายังไม่ถือว่าสิทธิ์ขาดจากความเป็นพระ
เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวทั้งฝ่ายต้าน และฝ่ายสนับสนุนควรจะต้องทำอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ มันไม่มีอะไรรุนแรงอย่างที่รู้สึกในตอนแรก แต่ตอนนี้เมื่อรู้แล้วก็จะทราบว่าเป็นไปตามกระบวนการปกติ