กกต.ชี้ทำลายบัญชีประชามติยังเล็กน้อย หนุนดีเบตแบบปิด แย้มจัดแค่จังหวัดใหญ่

ปธ.กกต.เผยรับรายงานทำลายบัญชีผู้มีสิทธิประชามติรวม 10 หน่วย มีบัญชีรายชื่อหาย ฉีกเผา ชี้เรื่องเล็กน้อยยังไม่ถือว่าผิดปกติ กำชับ จนท.สอดส่องดูแลพบเหตุรีบแจ้ง ขู่ทำผิดติดคุก แจงมีรายชื่อเกินแจ้งเพิกถอนได้ “สมชัย” แนะจัดดีเบตแบบปิด กันเกิดปัญหาขัดแย้ง แย้มจัดแต่จังหวัดใหญ่ๆ รับได้หัวข้อและบุคคลเสวนา รธน.ผ่านทีวีแล้ว เตรียมนำถก “มีชัย“ แจงมีป่วนวันประชามติเลื่อนได้

วันนี้ (22 ก.ค.) นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ได้รับรายงานกรณีการทำลายบัญชีผู้มีสิทธิ์ออกเสียงประชามติแล้ว 8 หน่วยทั่วประเทศ ประกอบด้วย เผาสองแห่ง ฉีกทำลาย 1 แห่ง และที่เหลืออีก 5 แห่งบัญชีผู้มีสิทธิหายไปทั้งเล่ม ได้แก่ กรณีเมื่อวันที่ 16 ก.ค. หน่วยที่ 5 ต.สลกบาตร อ.ขานุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร เป็นเด็กอายุ 8 ขวบ 2 คนฉีกทำลายบัญชี พนักงานสอบสวนได้เชิญผู้ปกครองมาและดำเนินการไปตามกฎหมายแล้ว, กรณีเมื่อวันที่ 19 ก.ค. เวลาประมาณ 18.00 น. ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.บ่อสุวรรณ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี รายงานว่าบัญชีผู้มีสิทธิหายไปจากป้ายประกาศ และได้แจ้งความ ขณะนี้ กกต.จังหวัดได้ดำเนินการตรวจสอบหาตัวผู้ทำความผิด, กรณีเมื่อวันที่ 20 ก.ค. หน่วยที่ 5 หมู่ที่ 4 โรงเรียนบันนังปุเลา ต.เจ๊ะบิลัง อ.เมือง จ.สตูล มีการดึงบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกมาเผา เหตุเกิดกลางดึก อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง

กรณีเมื่อวันที่ 20 ก.ค. เวลา 13.25 น. หน่วยที่ 20 หมู่ที่ 11 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ผู้ใหญ่บ้านพบว่าบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิหายไป ได้แจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ต่อมา ผอ.กกต.จ.กาญจนบุรีได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบชายผู้ต้องสงสัยขับขี่จักรยานยนต์มาจอมหน้าป้ายปิดประกาศ กำลังติดตามตัวผู้ต้องสงสัยอยู่, กรณีเมื่อ 21 ก.ค. ผู้นำชุมชนใหม่สามัคคี ต.ไชยสอ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ได้ไปแจ้งต่อนายอำเภอชุมแพเมื่อ 10.30 น. ว่าบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิจำนวน 4 แผ่นถูกฉีกออกมาเผาเมื่อกลางดึกวันที่ 20 ก.ค. ทาง ผอ.กกต.จ.ขอนแก่นได้ไปแจ้งความ โดยผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ขอนแก่น ได้ลงมาที่ สภ.อ.ชุมแพเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งมีรายงานจากพนักงานสอบสวนสัญนิษฐานสองข้อ คือ 1. โดยวัยรุ่นคึกคะนอง 2. กลุ่มการเมืองในท้องถิ่น และกรณีเมื่อ 21 ก.ค. หน่วยที่ 1 หมู่ 9 ต.หนองอิเฒ่า อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เวลา 16.00 น. พบว่าบัญชีรายชื่อสูญหาย อยู่ระหว่างการตรวจสอบ วันที่กรณี 21 ก.ค. หมู่ 4 ต.โคกกุม อ.แก้งค้อ จ.ชัยภูมิ พบว่าบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิสูญหาย

ขณะเดียวกันยังได้รับรายงานเบื้องต้นจากอนุกรรมฯ เขตบางซื่อ และเขตบึงกุ่ม กรณีบัญรายชื่อสูญหาย ประกอบด้วย เขตบางซื่อ บัญชีรายชื่อสูญหาย หน่วยอาสาสมัครที่ 101 แขวงบางซื่อ ขณะนี้ได้ตัวผู้ต้องหาแล้ว ส่วนเขตบึงกุ่มนั้นบัญชีรายชื่อหายที่หน่วยอาสาสมัครที่โลตัส นวมินทร์ และประกาศที่ออกเสียงหาย ที่หน่วยอาสาสมัครที่วัดสุวรรณประสิทธิ์ นวมินทร์ ทั้งนี้ ทางเขตได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้วซึ่งจะรายงานให้สำนักงาน กกต.กทม.ได้ดำเนินการแจ้งความต่อไป

นายศุภชัยกล่าวว่า เหตุการณ์การฉีก การเผาบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิครั้งนี้ยังถือเล็กน้อย ไม่ถือว่าผิดปรกติ เพราะเป็นเพียง 10 หน่วยในจำนวนกว่าแสนหน่วยทั่วประเทศ ขณะที่ใน กทม.ได้จับกุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้แล้ว ทังนี้ ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากวัยรุ่นคึกคะนองหรือการเมืองท้องถิ่นเนื่องจากในท้องถิ่นดังกล่าวมีความขัดแย้งมายาวนาน การเผาบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิหรือทำลาย ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็เคยเกิดขึ้นและมากกว่าครั้งนี้ บางทีหัวคะแนนไปดึงเอาบัญชีจากที่ติดประกาศไว้เพื่อนำดำเนินการบางอย่าง จึงได้กำชับให้เร่งกวดขันและกำชับเครือข่ายพลเมืองอาสาของเราให้ช่วยกันสอดส่องดูแล ถ้าพบเหตุให้รีบแจ้ง รวมถึงสามารถใช้แอปพลิเคชันตาสับปะรดแจ้งเข้ามาได้

ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวถือมีความผิดทางกฎหมาย ถ้าตีความว่าก่อความวุ่นวาย จะเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฯ มาตรา 61 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท ถ้ามีจำนวน 5 คนขึ้นไป ความผิดจะเพิ่มมากขึ้นคือจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่่นถึง 2 แสนบาท เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี นอกจากนี้ยังอาจเข้าข่ายความผิดมาตรา 57 ฐานขัดขวางการลงประชามติ

“การกระทำดังกล่าวอาจเป็นคึกคะนอง รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ลัทธิเอาอย่าง มันไม่มีประโยชน์ การฉีกบัญชีดังกล่าวเราสามารถไปก็ติดใหม่ได้ เรามีสำรองไว้ แต่ท่านทำผิดติดคุก อย่าไปทำเลย และคิดว่าไม่บานปลายจนทำให้การทำประชามติต้องล้มเลิกไป ส่วนเรื่องการก่อความวุ่นวายต่างๆ ฝ่ายความมั่นคงก็ดูแลอยู่”

เมื่อถามถึงกรณีมีรายชื่อผู้ใช้สิทธิเกินในบ้านนายวีระพงศ์ รามางกูร อดีตรองนายกฯ นายศุภชัยกล่าวว่า ถ้ามีรายชื่อเกินสามารถไปแจ้งให้เพิกถอนออกจากบัญชีได้เห็น ขณะนี้เห็นว่ามีที่บ้าน ดร.โกร่งคนเดียวเท่านั้น

ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงการจัดเวทีดีเบตของกระทรวงมหาดไทยที่จะจัดในทุกจังหวัดว่า ในฐานะหน่วยราชการกระทรวงมหาดไทยสามารถเป็นเจ้าภาพจัดเองได้ตามเงื่อนไขที่ กกต.เคยบอกไว้ คือ หน่วยงานราชการ สื่อมวลชน สถานศึกษา ถ้าให้ กกต.เป็นเจ้าภาพต้องขอคุยกันก่อน แต่เห็นว่าการจัดเวทีแบบปิดผ่านสื่อน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า เพราะทำให้เผยแพร่ความเห็นประชาชนวงกว้าง การจัดเวทีต่างจังหวัดอาจมีคนฟังไม่มาก เสี่ยงเกิดปัญหาขัดแย้งในพื้นที่และคาดว่าเวลาที่เหลืออยู่ไม่สามารถจัดได้ทุกจังหวัด อาจทำได้ในจังหวัดใหญ่ๆ เท่านั้น ขณะเดียวกัน สำหรับการจัดเวทีสนทนาร่างรัฐธรรมนูญของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสนั้นได้กำหนดหัวข้อและตัวบุคคลแต่ละฝ่ายเรียบร้อยแล้ว และเวลา 14.00 น.ตนจะนำประเด็นดังกล่าวไปหารือกับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.และ กรธ.ว่าหัวข้อและบุคคลเหมาะสมหรือไม่ หรือ กรธ.จะส่งบุคคลมาร่วมรายการหรือไม่ แต่ไม่ใช่เป็นการไปกดดัน ถ้า กรธ.ไม่สะดวก ไทยพีบีเอสต้องหาคนมาแทน การพูดคุยเป้าหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนในการตัดสินใจ แม้จะร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน ความเห็นจะถูกบันทึกไว้เพื่อออกแบบกฎหมายต่างๆ ต่อไป

เมื่อถามถึงเหตุป่วนที่เกิดขึ้นในขณะนี้หากเกิดขึ้นในวันออกเสียงฯ กกต.สามารถประกาศเลื่อนการออกเสียงได้หรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า สามารถประกาศเลื่อนวันลงคะแนนออกไปได้เฉพาะหน่วยที่เกิดปัญหาซึ่งต้องออกเป็นมติของ กกต.ในการออกประกาศดังกล่าว