อดีต รมว.พลังงานสวนรัฐบาล บอกปีหน้า ศก.โต 4-5% ยาก ชี้สมองกลจะทดแทนแรงงาน ถ้าไม่ปรับตัวลำบาก ยกร่าง รธน.นี้สืบทอดอำนาจ จี้ ปชช.พิจารณาให้ดีมีผล ศก. ย้อนรัฐไม่เข้าใจไทยแลนด์ 4.0 ที่ต้องปรับทุกด้าน ไม่ใช่แบ่งเกรด ปชช.
วันนี้ (13 ก.ค.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลบอกว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะโตได้ถึง 4-5% คงเป็นไปได้ยากเพราะไม่รู้จะเติบโตได้ในภาคส่วนไหน การที่เศรษฐกิจขยายตัวต่ำตั้งแต่มีการรัฐประหาร และการส่งออกที่ลดลงต่อเนื่อง อีกทั้งการลงทุนที่หดหายทำให้ตัวเลขการว่างงานเพิ่มขึ้นมาก และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นไปอีก ตามที่ได้เคยเตือนแล้ว ผลคือจะทำให้นักศึกษาที่จบใหม่จะหางานทำยาก อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในโลกนี้ที่จะใช้แรงงานน้อยลง โดย WEF คาดการณ์ว่า 72% ของงานในไทยจะถูกทดแทนโดยสมองกลภายในไม่ถึง 20 ปี ซึ่งหากประเทศไทยยังไม่ปรับตัว และยังไม่สามารถเพิ่มการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสูงจากต่างประเทศได้ โอกาสที่ไทยจะล้าหลังและประชาชนจะตกงานเพิ่มขึ้นจะเป็นไปได้สูงมาก ทั้งนี้ การปรับประเทศไทยให้เป็นไทยแลนด์ 4.0 จึงเป็นเรื่องที่จำเป็น ซึ่งจะต้องปรับประเทศในทุกด้าน โดยเฉพาะการเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลกน่าจะเป็นความจำเป็นอย่างแรกที่ต้องรีบทำ โดยหากรัฐธรรมนูญใหม่นี้ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ต่างประเทศได้ ถึงขนาดที่ล่าสุดสภาผู้แทนเยอรมนีที่ไทยอ้างว่าไปลอกแบบระบบสัดส่วนผสมของรัฐธรรมนูญเยอรมนีมา ยังออกมาวิจารณ์รัฐธรรมนูญนี้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่สืบทอดอำนาจก็จะยิ่งสร้างปัญหาความไม่เชื่อมั่น ดังนั้นประชาชนจะต้องพิจารณาให้ดีในการลงประชามติในครั้งนี้ เพราะจะมีผลต่อเศรษฐกิจและการว่างงานในอนาคต
ทั้งนี้ รัฐบาลดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจในเรื่องไทยแลนด์ 4.0 ที่ต้องปรับประเทศในทุกด้าน แต่ที่รัฐบาลอธิบายกลับกลายเป็นการแบ่งเกรดประชาชนเป็น คนไทย 1.0 คนไทย 2.0 ที่อาจกลายเป็นการแบ่งแยกชนชั้นของประชาชนให้เพิ่มขึ้น ซึ่งหากรัฐบาลยังไม่สามารถอธิบายไทยแลนด์ 4.0 อย่างง่ายๆ ให้ประชาชนเข้าใจได้ และอาจจะดูเหมือนว่ารัฐบาลเองก็ยังสับสนและไม่เข้าใจ โอกาสที่จะพัฒนาประเทศไทยให้เป็นไทยแลนด์ 4.0 จะเป็นไปไม่ได้เลย จึงอยากให้ศึกษาให้ดีก่อนพูด อย่าทำให้ไทยแลนด์ 4.0 สับสนเหมือนการลงประชามติ