นายกฯ ปาฐกถาย้ำแก้ปัญหาประเทศต้องปฏิรูปใหม่หมด แจงข้าราชการต้องทำให้งบประมาณไปทุกที่ สร้างความเข้มแข็ง นำร่องกระจายอำนาจวันหน้า แนะแก้เศรษฐกิจอย่ามองแค่กระเป๋าตัวเอง โอดเจอแท็กซี่ยุไม่ให้ไปลงประชามติ ย้ำเข้ามาวางรากฐานให้ทกคน แต่คนไม่ทำ เอาแต่บิดเบือน ประเทศเป็นแบบนี้ เรื่องดีๆ ไม่พูด เดือดปฏิรูปตำรวจ ปัญหามากนักปลดให้หมดไหมจะได้จบ ถ้าทุกอย่างไม่เรียบร้อยเดี๋ยวเขียนกฎหมายเอง ยึดความรู้สึกประชาชน ขอนักสิทธิมนุษยชนนึกถึงคนจน
วันนี้ (11 ก.ค.) ที่ห้องรอยัล จูบิลลี บอลรูม อาคารอิมแพค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในงานมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2559 และแสดงปาฐกถาต่อหนึ่งว่า ขอบคุณความตั้งใจของทุกหน่วยงาน ทำให้เห็นถึงศักยภาพของกองทุนหมุนเวียนต่างๆ ทำให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและสังคม กองทุนหมุนเวียนนั้นเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนงานตามยุทธศาสตร์การบริหารและการพัฒนาประเทศ รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก จึงจำเป็นต้องใช้งบประมาณจากทุกส่วนให้คุ้มค่า ทั้งในส่วนของรัฐและกองทุน ไม่มีใครสามารถแก้ปัญหาให้ประเทศได้ด้วยคน หน่วยงาน หรือวิธีการเดียว จะต้องมีการปฏิรูปใหม่ทั้งหมด ทั้งการบริหารจัดการ วิธีการ เจ้าหน้าที่ การทำงานประสิทธิภาพ และการประเมินผล เพราะฉะนั้น ขอมอบหมายให้กระทรวงการคลังสรุปตามความรับผิดชอบมาว่า ช่วงก่อนปี 2557 มีผลสำเร็จอะไรออกมาบ้าง และหลังจากพฤษภาคม 2557 เกิดอะไรบ้างที่เป็นความแตกต่าง และผลสำเร็จทั้งความไว้วางใจ และความไว้เนื้อเชื่อใจ ตนไม่สามารถพูดได้ว่ามีการทุจริตหรือไม่ เพราะไม่ใช่เรื่องของตน แต่เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมที่จะดำเนินการ แต่ตนจะเน้นที่ประสิทธิภาพของตนในฐานะเจ้าหน้าที่ และการบังคับใช้กฎหมาย ความมุ่งหวังของกองทุนฯ เพื่อทำให้ทุกอย่างมีความเข้มแข็งมากขึ้น ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดของประเทศ ทั้ง 170 กองทุน ได้รับรางวัลทั้งหมด
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลต้องจ่ายทุกอย่าง ไม่ว่าเรียนฟรี สังคมผู้สูงอายุ บัตรทอง 30 บาท อย่างคนพิการมาเรียกร้องตนก็เห็นใจ แต่เราไม่มีเงินขนาดนั้น ต้องเริ่มต้นใหม่ อะไรที่ทำไปแล้วจะไม่ยุ่ง แต่หาทางทำให้เกิดความโปร่งใส ทำให้ดีที่สุด มากหรือน้อย ดีกว่าไม่ได้ ส่วนอันใหม่ที่ต้องได้ต้องทำเป็นขั้นบันได ที่วันนี้ติดขัดข้อกฎหมายและงบประมาณ โดยปีนี้ประเมินรายได้ของประเทศ 2.3-2.5 ล้านล้านบาท ต้องคิดว่าจะทำให้ 2.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นได้อย่างไร ไม่ใช่ปล่อยให้ส่วนราชการทำกันเอง เรื่องอะไรก็ตามถ้าใช่เรื่องของการเมือง นักการเมืองก็บอกว่าเป็นหน้าที่ข้าราชการ เป็นเรี่องของธุรการ แต่ตนไม่คิดว่าข้าราชการเป็นฝ่ายธุรการ แต่ท่านเป็นผู้ปฏิบัติงาน การเมืองมีหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบาย มีการแก้ปัญหาอย่างเป็นธรรมทั่วประเทศ ไม่ใช่ที่ใดที่หนึ่ง
นายกฯ กล่าวว่า ข้าราชการต้องทำให้เงินไปถึงทุกพื้นที่ ให้ประชาชนพึ่งพอใจ สร้างความเข้มแข็ง แล้วนำไปสู่การกระจายอำนาจได้ในวันหน้า หากเขาไม่รู้จักใช้เงินที่มีจำนวนน้อยให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากวันหน้ามีเงินมากกว่านี้ ก็ใช้ไม่เป็นอีก ก็จะทำให้เกิดความเสียหายไปทั้งหมด ตนไม่ได้ดูถูกเขา แต่คนที่เป็นนายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) และข้าราชการระดับกระทรวง จะต้องคิดอย่างไร เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดในประเทศไทยอีก มันมีโอกาสมากมาย ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันให้พัฒนาอย่างรอบด้าน มองเศรษฐกิจประเทศอย่ามองแค่กระเป๋าเราเอง เพราะทุกคนเดือดร้อนหมด พวกหนึ่งไม่เอาอะไรเลย แต่บอกรัฐบาลต้องช่วย ซึ่งช่วยไม่รู้จนจะช่วยอย่างไรแล้ว เพราะเขาไม่รู้ว่าตกเป็นเครื่องมือ ต้องช่วยตลอดเวลา
อย่างเรื่องการเกษตรจะเอามาจากไหน ทั้งข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย ปาล์ม วนเวียนอยู่อย่างนี้ทุกปี แล้วจะทำอะไรได้ จะต้องมีการปรับเปลี่ยนอะไรไหม กองทุนต่างๆ ต้องช่วยกันด้วย อย่าทำงานตามฟังก์ชัน ตามกฎหมาย แต่ต้องคิดนอกกรอบว่า ทำอย่างไรประสิทธิภาพของกองทุนจะดีขึ้น ไปหารือแล้วมาบอกต้องการอะไร ไม่ใช่ให้ตนสั่งเข้าไป แล้วกลับมาบอกทำไม่ได้ ซึ่งมันทำไม่ได้เพราะตนคิดผิด หรือกฎหมายทำไม่ได้ ถ้าตอนคิดผิดก็เอาสิ่งที่ท่านคิดว่าถูกมาสู้ ตนก็พร้อมที่จะเปลี่ยน ถ้าอะไรคิดถูกแล้วคุณไม่ทำ อย่างนั้นมีเรื่อง อะไรที่ติดกฎหมายให้มาบอก แล้วตนจะพิจารณาว่าจะใช้กฎหมายอย่างไร หรือต้องใช้อำนาจที่ตนมีอยู่ อย่างการใช้มาตรา 44 เพื่อให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า มันมีอยู่แค่นั้น ไม่อย่างนั้นไม่มีประโยชน์
วันนี้ลดค่าเช่านาก็ลดให้ เคยมีใครคิดไหม ลดหนี้นอกระบบก็ทำให้ ลดไปกี่ล้านเคยฟังกันไหม มีแต่ยัดกัน อุดหนุน ให้กันเข้าไป แล้วเมื่อไหร่จะพอ ลดหนี้ ลดดอกเบี้ยกี่ครั้งแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาถ้าไม่แก้ไข ล่มสลายแน่นอน วันหน้าจะไม่มีเงิน เพราะทุกอย่างต้องให้หมด จนบางคนคิดไม่ออก ช่วยตัวเองไม่ได้ เหมือนเด็กที่ไม่โต ซึ่งต้องโตได้แล้ว วันนี้มีประชาชนแข็งแรงเยอะแยะ ที่พร้อมจะรวมกลุ่มกัน ซึ่งรัฐบาลจะเข้าไปสนับสนุนแต่ละกลุ่ม ดีกว่ารัฐบาลเดิมที่ให้เฉพาะคน แล้วเมื่อไหร่จะพอ ให้เป็นรายคนมันอันตราย ต้องร่วมกันรับผิดชอบ และตอนนี้มีชาวบ้านมาบอกแล้วว่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเอาแต่พวกตัวเอง ต้องช่วยกันดูแลรักษา ประชาชนต้องร่วมเป็นเจ้าของ ไม่ใช่สร้างเสร็จแล้วทิ้ง แล้วรัฐบาลไปหาให้ใหม่
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ประเทศต้องการความรัก ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความไว้วางใจ เราไม่สามารถปล่อยให้เกิดความเข้าใจผิด หรือบิดเบือนอะไรต่อไปได้แล้ว
“เมื่อเช้าผมได้รับแจ้งมาว่า มีคนนั่งรถแท็กซี่แล้วบอกว่าการไปลงประชามติครั้งนี้ไม่ต้องไป ถ้าไปจะผ่านหรือไม่ผ่านก็ไม่รู้ ผมพูดไม่ได้ เพราะไม่ได้เชียร์ทั้งสองอย่าง เรื่องนี้แล้วแต่ทุกคน แต่เขาบอกกันว่าถ้ารัฐบาลเข้ามา หรือมีการเลือกตั้งครั้งหน้า เกิดไม่ใช่รัฐบาลเขา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขานั้นคือใคร สิทธิ 30 บาท หรือบัตรทอง การเรียนฟรี 15 ปีก็จะหายไป ผมอยากถามว่าใครคิดแบบนี้บ้าง แล้วทำไมจึงมีการพูดลักษณะนี้อยู่แบบนี้ มันทำให้เกิดความสับสนทั้งหมด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทุกคนต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ปัญหาลักษณะนี้ยังเกิดขึ้นตลอด ผมเข้ามาเพื่อต้องการให้เกิดความชัดเจนแล้วผมก็ไป ผมเข้ามาว่างพื้นฐานให้กับทุกคน แต่ถ้ายังไม่คนทำแบบนี้สร้างความบิดเบือน ประเทศก็ยังคงเป็นอยู่แบบนี้ วันข้างหน้าปัญหาทุกอย่างก็จะกลับมาใหม่ทั้งหมด จึงเป็นหน้าที่ของทุกคน และผมที่ต้องแก้ไข และทำทุกอย่างใหม่ให้ปัญหาเดิมกลับมา ด้วยการทำกฎหมายที่ชัดเจนมากขึ้น ผมจึงเน้นในเรื่องของการทำกฎหมายใหม่ ให้เกิดความเท่าเทียม เป็นธรรม ทั้งเจ้าหน้าที่ และผู้ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่คนไหนละเว้นก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย ผู้กระทำความผิดก็ต้องถูกลงโทษตามบทบัญญัติที่มี ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องโดนทั้งคู่ ไม่ว่าเป็นเรื่องทุจริตหรืออะไรก็ตาม ถ้ามันไม่มีคนเสนอ ก็ไม่มีคนเรียกรับผลประโยชน์ เมื่อไม่มีคนเรียกก็ไม่มีคนจ่าย กฎหมายทำให้แรงขึ้นไปเรื่อยๆ จนไม่มีอะไรสามารถแก้ได้ สุดท้ายต้องกลับมาที่หัวใจและจิตสำนึกของทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า แล้วตนจะมายืนตรงนี้ทำไม เสียเวลา เสียสมอง เรื่องที่รัฐบาลทำอย่างกองทุนการออมแห่งชาติ ที่มีการแก้ไขมาตรา 39 มาตรา 40 ในเรื่องของการเพิ่มอายุที่ได้ดำเนินการ
“ทำไมเรื่องแบบนี้ไม่มีใครพูดในแท็กซี่บ้าง เรื่องดีๆ มีไหม ไม่มี ต่างประเทศก็ไปพูดว่า รัฐบาลจับนักข่าวขัง ปิดหนังสือพิมพ์ ปิดทีวี ฆ่าคน แล้วมีใครตายสักคนไหม มีใครตายบ้างตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2557 มีใครตายบ้าง ท่านต้องช่วยผมพูด อย่าให้เขามองว่าการที่ผมเข้ามามันคือการปฏิวัติรัฐประหารเหมือนที่คนอื่นในโลกเขาทำกัน ถ้าทำแบบนั้นผมทำง่าย จะเปลี่ยนให้เป็นแบบนั้นหรือเปล่า ที่นึกจะปิดอะไรก็ปิด นึกจะยึดอะไรก็ยึด นึกจะให้มีการปฏิรูปตำรวจใหม่ ก็ปลดตำรวจแม่งทั้งหมดทีเดียว จะเอาไหม จะได้จบเสียที ถอดยศกันให้หมด แล้วตั้งใหม่ สตาร์สิบตรีมา คิดอย่างนี้ซิว่าอะไรที่มีอยู่แล้ว จะทำอย่างไร ซึ่งทุกอย่างเริ่มที่คนทั้งสิ้น ผมไม่อยากจะโทษใคร แต่ถ้าทำกันแล้วมีปัญหากันมากๆ เดี๋ยวผมจะทำเองให้ทั้งหมด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทำไมวันนี้เราต้องใช้คำว่าประชารัฐ อย่าลืมว่าถ้ารัฐคนเดียวก็มีปัญหา ความไว้เนื้อเชื่อใจไม่เกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องให้หลายส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งรัฐ ภาคประชาสังคม กองทุน ต้องร่วมมือกันเพื่อเดินไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งตนได้วางยุทธศาสตร์ชาติไว้ถึงปี 2560 แล้ว แต่หากมีเรื่องใดที่แก้ไม่ได้ก็ต้องส่งต่อไปตามแผนปฏิรูป รัฐธรรมนูญ และกฎหมายต่างๆ วันนี้เราต้องเร่งสร้างความเข้าใจอย่างถูกต้องที่ผ่านมายังไม่ค่อยมีความเข้าใจ หลายคนมุ่งเน้นที่เรื่องปากท้องของตัวเอง ให้ความสนใจน้อยมากกับเรื่องที่ทำ และทะเลาะกันอยู่ทุกวันนี้ ร้อยละ 70-80 ไม่รู้เรื่อง ถึงเวลาก็กลับมาเหมือนเดิม ซึ่งตนคิดว่ามันเป็นชะตากรรม โดยตนเองทำได้แค่นี้ จึงต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย และตนเองก็ไม่ใช่จะรู้ทุกเรื่องเพียงแต่รู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน และวิธีการควรจะแก้อย่างไร รวมทั้งวิธีการปฏิบัติทหารรู้แค่นี้ และต้องการทำงานให้เสร็จเร็วๆ โดยการเข้าตีที่หมายให้เร็วที่สุด ถ้ายึดที่หมายช้าทหารก็ตายมาก และยึดที่หมายใหญ่ให้ได้ ให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด
“วันนี้เราปล่อยให้ไม่มีแม่ทัพ ปล่อยให้เดินกันไปมากี่ปีมาแล้ว ที่หมายต่างๆ สะเปะสะปะ การประเมินจากต่างประเทศก็ลดต่ำลง ให้ความสำคัญกันบ้างหรือไม่ ผมเข้ามาต้องการทำเพื่ออนาคตทั้งสิ้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า กองทุนยุติธรรมก่อนนี้คนจนไม่มีโอกาสมาสู้คดี หนีง่ายกวง่า แค่เห็นทหารและตำรวจก็กลัวแล้ว ถามซิว่าประชาชน ตำรวจ และทหาร รักกันดูดดื่มไหม แค่เห็นตำรวจและทหารก็วิ่งกันแล้ว ยังไม่รู้ผิดอะไรเลย แค่คิดว่าตัวเองผิด ฉะนั้นจะต้องไม่กล้วกันแบบนั้น ถ้าไม่ทำความผิดไม่ต้องกลัว ถ้าทำอะไรผิดก็ต้องสู้คดีไป สังคมและอนาคตต้องเป็นแบบนี้ ต้องทำให้ประชาชนเข้าใจ กฎหมายออกมาเพื่ออะไร อย่าให้เข้าใจว่า กฎหมายออกมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปบังคับประชาชน ซึ่งต้องมีบทที่บังคับเจ้าหน้าที่บ้าง ก็จะทำให้เป็นกฎมายที่ประชาชนไว้วางใจ ตนถึงบอก
“ถ้าไม่เรียบร้อย ผมเขียนเองก็ได้ จะเขียนแบบที่ประชาชนต้องการ ผมไม่ได้เขียนแบบที่อยากเขียน ผมไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย ผมอ่านเอา และเอาความรู้สึกของประชาชน ที่ต้องการอะไรมาเขียน แล้วจะดูว่ามันผ่านหรือไม่ผ่าน หรือจะไม่มีผ่านมากกว่าเดิม มันอยู่ที่ใจของทุกคน หากใจทุกคนอยากจะทำก็ทำได้หมดนโลกใบนี้ ไม่มีอะไรในโลกใบนี้ที่ทำไม่ได้” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ต้องสนองต่อภาครัฐและภาคประชาชน รวมถึงสื่อมวลชน โดยเฉพาะการให้ข้อมูลต้องชัดเจน เพื่อให้สื่อลงข้อมูลให้ครบ ไม่ใช่แต่หัวกับท้าย และวันนี้ตนพูดถึงการบริหาร ประสิทธิภาพกองทุน การทุจริต ต้องรอดูว่าสื่อจะลงอย่างไร ส่วนการประเมินผลข้าราชการ ตนไม่เข้าไปยุ่ง แต่ต้องดูว่าหน่วยงานนั้นทำอะไรแก่ตัวเองและภายนอก ประชาชนพึงพอใจหรือไม่ นี่คือคะแนนประเมินสมัยของตน ไม่ใช่ประเมินกันแบบเดิม และตอนนี้กำลังตรวจทุกกระทรวง ถ้าทำงานไม่มีประสิทธิภาพจะปรับทุกกระทรวง ต้องอย่าให้เขาว่าได้ว่าข้าราชการเกียร์ว่าง ตนไม่ได้คิด แต่ทำไมสังคมมองแบบนั้น ทั้งนี้เราได้ทำงานเชิงรุกแล้วเอาปัญหามาแก้หรือยัง และขออย่างเดียวอย่ามาตอบว่าเพราะ คสช. สั่ง แต่ก่อน คสช. ไม่เคยสั่งทำไมยังทำ ตนให้ไล่ดูจากข้างล่างทุกที่ จะตอบแบบนี้ไม่ได้ เพราะที่เข้ามาเพื่อให้ท่านทำตามกฎหมายที่มีอยู่
“ทีแรกว่าจะพูดตามสคริปต์ แต่วันเสาร์ อาทิตย์เก็บกด ทำให้วันจันทร์ต้องพูดแบบนี้ คิดว่าอังคารจะดีขึ้น วันพุธเบาลง ปรากฎว่าหนักขึ้นทุกวัน เพราะโดนทุกวัน ปัญหาต้องแก้วันนี้ให้ได้ สิ่งต่างๆ ที่ผมเข้ามาจัดระเบียบไม่ว่าจะเป็นทางเท้า พวกสมาคมคนพิการพูดมาคำนึง บอกว่าแปลกใจเวลาคนพิการจะได้อะไร มักได้จากรัฐบาลปฏิวัติทุกที ผมยังบอกว่าพูดผิดรึเปล่า ก็ยืนยันว่าไม่ผิด เพราะที่ผ่านมาขออะไรไม่เคยได้ แต่พอปฏิวัติแล้วทำนี่ทำนู่นให้ ผมบอกไม่อยากให้เป็นอย่างนี้อีกแล้ว อย่าไปคาดหวังปฏิวัติ โลกวันนี้มันไม่ได้ ผมรู้ว่าเสี่ยง แต่ตัดสินใจมาแล้ว มันไม่ควรต้องเกิด และไม่ได้เกิดเพราะผม แต่เพราะสถานการณ์ทำให้เกิด อย่าให้กลับไปเป็นอย่างนั้นโดยเด็ดขาด” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หลายอย่างกำลังจะเกิดขึ้นทั้งด้านไฟฟ้า พลังงาน อีกทั้งยังจะพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินนานาชาติ แต่ก็ยังมีคนค้าน ดังนั้นเราต้องสร้างความเข้าใจให้กับคน ขออย่ามาบิดเบือน และอยากให้นักสิทธิมนุษยชนสงสารคนจน บางทีนักสิทธิมนุษยชนเหล่านี้อาจไม่ได้รับเงินเดือนจากประเทศไทย จึงต้องค้านโดยที่ไม่มองถึงประโยชน์ที่จะได้รับ แต่ยืนยันว่ารัฐบาลจะคำนึงถึงผลกระทบทั้งสิ่งแวดล้อมและอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ที่พูดมากวันนี้ไม่ได้ห่วงความรักชาติไว้เพียงคนเดียว แต่ที่พูดเพราะว่าเป็นห่วง เพราะรัฐบาลมีเวลาน้อย เรื่องดีที่ตนได้ทำก็ขอให้แยกแยะ อย่าเอาไปเหมารวมกับเรื่องอื่นๆ