xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” บ่นเบื่อประชามติ ซัดอดีต รมต.เสี้ยม ศก.ตก แย้ม “ป้อม” โอดขอไขก๊อก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกฯ มอบนโยบายขับเคลื่อนปฏิรูป ชี้ ต้องปรับตัวสอดคล้องโลกภายนอก พัฒนาแบบไม่ใช่ “ประชาธิปไตยเทียม” เปรียบกำลังปฏิรูปประเทศครั้งที่ 2 เหมือนสมัย ร.5 อัดอดีต รมต. เศรษฐกิจเสี้ยม เศรษฐกิจตก คนจะตายกันหมด เชื่อปรับตัวได้ เผยพกมือถือ 4 เครื่อง มีแต่คนมาด่า ชมวอลเลย์สาวไทยเก่ง แต่ต้องพัฒนาวิทยาศาสตร์การกีฬาคู่จิตวิทยา ตื่นมาหมดแรงดูข่าวไฟไหม้หอพักนักเรียน บ่นกูล่ะเบื่อ “ป.ประชามติ” ย้ำไม่เลิกมาตรา 44 บอกอันตรายน้อยกว่า ย้ำไม่มีปรับ ครม. ทิ้ง แม้ “พี่ป้อม” โอดอายุจะ 70 ไม่ไหวแล้วขอลาออกก็ตาม

วันนี้ (23 พ.ค.) ที่ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซนทรา ศูนย์ราชการ คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เมื่อเวลา 14.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวมอบนโยบายในการประชุมสัมมนา การขับเคลื่อนและปฏิรูปประเทศไทยแบบบูรณาการ หัวข้อ “บูรณาการเพื่อนำประเทศสู่ความมั่นคง มั่นคั่ง และ ยั่งยืน” ตอนหนึ่ง โดยได้ขอให้ทุกคนปรบมือให้กับตัวเองที่ได้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคร่วมกันมา 2 ปีเต็ม พร้อมกล่าวว่า วันนี้หลายคนยังไม่เข้าใจคำว่าบูรณาการการประสานงานกัน ยุทธศาสตร์ชาติ ทุกคนอยากให้ตนใช้อำนาจตามกฎหมายมาตรา 44 แก้ไขปัญหาทั้งหมด แต่ทุกคนจะต้องมีความเข้าใจ และตระหนักถึงความร่วมมือเสียก่อน โดยมองไปข้างหน้าคือการแก้ไขทำใหม่คิดใหม่ เพื่อนำประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ดำเนินการไปตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไปพร้อม ๆ กับการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ ความท้าทายวันนี้ คือ การเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ซึ่งเราต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมของโลก โดยจะต้องปฏิรูปประเทศเพื่อไม่ให้ถูกกดดันจากโลกภายนอก พัฒนาประเทศไทยไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างภาคภูมิใจ เป็นสังคมประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาล ไม่มีความขัดแย้งประเทศมีเสถียรภาพ ไม่ใช่ประชาธิปไตยเทียม

“วันนี้ผมไม่ใช่เป็นนักการเมือง แต่เข้ามาทำงานการเมืองร่วมกับทุกคน แม้แต่ข้าราชการที่นั่งอยู่ในที่นี่ก็ทำงานการเมืองด้วย อย่าลืมว่าผลงานที่ผ่านมา ข้าราชการทุกระดับต่างก็ทำงานการเมืองทั้งสิ้น รัฐบาลมีเพียงหน้าที่ดำเนินนโยบายเท่านั้น ประเทศไทยได้ผ่านประสบการณ์มามากพอสมควร ตั้งแต่โชติช่วงชัชวาล มาจนถึงวันนี้ ความท้าทายของเรามีอยู่มากมาย ที่ผ่านมา เราไม่มียุทธศาสตร์ชาติที่ชัดเจน การทำงานของกระทรวง ทบวง กรม ก็ต่างคนต่างทำ ทำงานแบบรูทีน รัฐบาลไม่ได้มองภาพในเชิงบูรณาการ หรืออนาคต ก็ต้องตุปัดตุเป๋ไปมา ความเข้มแข็งจึงไม่เกิดขึ้น ยิ่งเมื่อเติมด้วยความขัดแย้งเข้าไปอีก ก็ทำให้ปัญหามีมากขึ้น ดังนั้น การที่รัฐบาลวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นเพียงการตีกรอบกว้าง ๆ แต่ได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มานำทางในการพัฒนาประเทศ ความมั่นคง มั่นคั่ง และยั่งยืน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ส่วนใหญ่ข่าวไม่ดีมักจะดังออกไปทั่วโลก ทำให้เราเองมักติดกับในเรื่องภายใน ซึ่งตนเข้าใจว่าส่วนใหญ่สนใจแต่เรื่องการเมือง ซึ่งตนเองไม่ปฏิเสธว่ามันไม่จำเป็น แต่เราก็ต้องเดินหน้าประเทศไปให้ได้ แต่ขอร้องว่าอย่ามามัวทะเลาะเบาะแว้งกันในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่ใช่อะไรก็พูดแต่เรื่องของเสรีภาพ สิทธิจนลืมคำว่าหน้าที่ จนทำให้เกิดความยากในการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่ไม่เป็นไรวันนี้ยังสู้ได้ เพื่ออนาคตของเยาวชนและประเทศ

“วันนี้เรากำลังปฏิรูปประเทศครั้งที่ 2 ครั้งแรกเราปฏิรูปประเทศในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการจัดระเบียบข้าราชการ ส่วนราชการ กระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ ซึ่งเราได้ผ่านช่วงเวลานั้นมานานแล้ว วันนี้เรากำลังจะปฏิรูปประเทศเป็นครั้งที่ 2 บางคนบอกว่าไม่ต้องแต่มันไม่ได้ ถ้าเราไม่ปฏิรูปก็จะถูกกดดันจากภายนอกในทุกมิติ และถูกกดดันจากภายในประเทศด้วย เรายังมีปัญหาอีกมาก ส่วนโลกภายนอกก็แบ่งกันเป็นกลุ่มเป็นฝ่าย ขณะเดียวกันก็มีคนของเราเองไปทำให้ข้างนอกกดดันประเทศอีก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องสร้างความเข้มแข็งและความเป็นธรรมให้กับชุมชน ทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน รวมถึงการจัดสรรทรัพยากร ให้เกิดความสมดุล ต้องมีการจัดระเบียบที่ชัดเจน ที่ผ่านมา มีการบุกรุกทำลายป่ากระทบสิ่งแวดล้อมมากมาย และพัฒนาไม่ได้ ติดกับดักตัวเองทั้งหมด สิ่งนี้คืออันตรายของประเทศไทย ชุมชนไม่เข้มแข็งหวังพึ่งพาตลอดเวลา ขณะเดียวกัน รัฐก็เข้าไปอุดหนุนตลอด ฉะนั้น วันนี้เราต้องสร้างความเข้มแข็งไปพร้อม ๆ กับการให้ความช่วยเหลือเขา ไม่ใช่ช่วยเหลืออย่างเดียว แค่ผ่านทุกข์ทรมานแล้วไปเจอทุกข์ทรมานข้างหน้าอีก จนถึงวันนี้ ทั้งพืชผลการเกษตรต่าง ๆ ราคาตก จะปล่อยให้วนอยู่อย่างนี้อีกนานแค่ไหน แม้เศรษฐกิจจะตกทั้งโลก แต่เราก็ต้องมีวิธีการบริหารจัดการที่ชาญฉลาด ซึ่งรัฐบาลนี้ทำมาตลอด 2 ปี แต่ทุกคนไม่เคยชิน คิดอย่างเดียวว่าทำยังไงจะได้เงินง่าย ๆ โดยการทำงานน้อย ๆ ก็ทำให้เกิดการทุจริตรั่วไหลเยอะ

“วันนี้เราต้องช่วยกัน สิ่งแรกที่ผมอยากจะฝากคือสร้างความเข้าใจกับประชาชนทุกหมู่เหล่าให้ได้ ต้องปรับการศึกษาให้เขาเรียนรู้ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการก็ปรับไปเยอะ ถือเป็นความก้าวหน้า วันก่อนมีเด็กนักเรียนตัวเล็ก ๆ มาพูดภาษาอังกฤษกับผม สำเนียงดีมาก เก่งกว่าผมเยอะ และนี่ถือเป็นความก้าวหน้าของการปฏิรูปการศึกษา ขณะที่ทุกคนไม่เข้าใจว่าปฏิรูปการศึกษายังไง ตรงไหน และมุ่งหวังว่าต้องเป็นอย่างนี้อย่างนั้น และอยากให้ใช้อำนาจ คิดว่าคงแก้ไม่ได้ทุกอย่าง ถ้าไม่สร้างการรับรู้ร่วมกัน โดยการศึกษาต้องเริ่มแก้ที่พื้นฐาน และปัจจัยหลายอย่างอยู่ในเรื่องของการศึกษา และวันนี้ที่ออกคำสั่งมาตรา 44 ไปเพื่อให้รัฐมนตรีและข้าราชการที่รับผิดชอบทำร่วมกันให้ได้ รัฐบาลกำลังแก้ให้ดีขึ้นไม่ได้จะทำให้แย่ลง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้เขียนให้สนับสนุนการศึกษา 12 ปี รัฐบาลที่ผ่านมาทำ 15 ปี รวมระดับอนุบาล ขณะที่รัฐธรรมนูญเดิมก็เขียนไว้ 12 ปี ไม่แตกต่างกัน ตรงนี้ต้องหาเงินให้ 2 พันกว่าล้าน ระดับนโยบายก็ยังยืนยัน 15 ปี เหมือนเดิม บอกว่าอะไรที่ให้ไปแล้วเอาคืนไม่ได้คนไทยอุ๊บอื๊บเลย กฎหมายอะไรก็ไม่สน ให้แล้วให้เลยเอาคืนไม่ได้สักอย่าง แต่ไม่มองว่าเอาเงินมาจากไหน อยากได้ของฟรีทั้งหมด ถามว่าจะไปได้ไหมในเมื่อเรากำลังทำโครงสร้างใหม่ก็ให้ประเทศมีรายได้สูงขึ้น และนำเงินที่เหลือจากการอุดหนุนช่วยเหลือมาทำอย่างอื่นในการบำรุงประเทศมันจะเชื่อมโยงกันแบบนี้

ทั้งนี้ อดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจบางคน ออกมาพูดว่าเศรษฐกิจตกต่ำคนจะตายกันหมดแล้ว มันตายตรงไหน เขาไม่ตายกันหรอก เขามีการปรับตัวเสมอ ตนไปภาคอีสานเขาก็บอกว่าปรับตัวได้เอง เพราะปีนี้แล้งมาก แต่กลับมีคนไปยุแหย่ตลอดเวลา ว่ามันแย่แล้วถ้ามันแย่ตัวเลขเศรษฐกิจมันจะขึ้นไหม จาก 0.8 ตอนนี้ขึ้นมา 3.2 ก็ยังมาบอกว่าเป็นตัวเลขปลอมอีก ตนไม่เข้าใจ ทั้งโลกและประเทศรอบบ้าน ประเทศรวย ๆ ติดลบตัวแดงเถือกหมด เรามีเรื่องการส่งออกที่ลดลง แต่เราก็มีมวลความสุขสูงขึ้น เราต้องภูมิใจที่มีความสุขแบบเบิร์ดเบิร์ด แบบพี่ใจตามไทยตัวเอง ขณะที่ประเทศอื่นกฎหมายเขาแรงทำอะไรมากไม่ได้ แต่มาบ้านเราสบาย แม้แต่การขับรถ เหมือนกับไทยเป็นสนามขับรถมากันเต็มที่เชียงใหม่ เกิดความวุ่นวายกันหมดแล้วก็จะมาให้รัฐบาลไล่กลับ ถ้าไล่เขาแล้วเราจะอยู่ยังไงในเมื่อรายได้หลักของประเทศอยู่ที่การท่องเที่ยว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่กำลังเป็นประเด็นบนเวทีโลกตอนนี้ คือ ปัญหาโลกร้อน โรคระบาด ภัยพิบัติ ก่อการร้าย การอพยพที่ไม่ปกติ การค้ามนุษย์ ความยากจน และความแตกต่างทั้งหมดต้องคิดใหม่ทำใหม่ รวมถึงการเกษตรบ้านเราก็ต้องปรับเป็นเกษตรอุตสาหกรรม ก้าวสู่เทคโนโลยีถ้าไม่เตรียมตรงนี้ วันหน้าจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อ วันนี้ทุกคนอยากได้รถไฟ แต่พอเริ่มแตะก็ถูกมองว่าทุจริตทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไร แค่คิดทำก็ผิดแล้ว แต่เวลาเขาทำอะไรมาผิดกลับไม่ว่ากัน ตนไม่เข้าใจความคิดคนพวกนี้ซึ่งมีไม่กี่คน และก็มีคดีอยู่ทั้งหมด ว่าจะไม่เกี่ยวข้องแล้วไม่อยากทะเลาะเรื่องการเมืองกับใคร

ทั้งนี้ วันนี้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล ใช้โทรศัพท์สื่อสารประเทศไทยมีคนใช้โทรศัพท์ 96 ล้านเครื่อง และในวันนี้คงเกินร้อยล้านเครื่องแล้ว ตั้งแต่มี 4 จี เฉพาะตนก็มี 4 เครื่อง มีทั้งด่าทั้งชมเข้ามาในเครื่องแต่ที่ส่งมาด่าทำให้ตนปวดหัว อารมณ์ไม่ดีก็ไม่อ่านในบางหมายเลข และบางหมายเลขเอาไว้คุยกับรัฐมนตรี บางเครื่องใช้ประชุมร่วม แบบนี้เขาเรียกว่าบูรณาการทางระบบไอที บางครั้งรัฐมนตรีนั่งประชุมกัน 5 คน แต่หาข้อสรุปอะไรไม่ได้ เพราะติดข้อกฎหมายนู่นนี่ ดังนั้น ควรจะหารือกันก่อนให้เรียบร้อยทางโทรศัพท์ในลักษณะประชุมร่วม และตรงนี้จะเป็นความลับไม่มีใครมาล้วงตับท่านได้ไม่ต้องกลัว เขามีระบบความปลอดภัย ของไอซีที

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ต้องเพิ่มบทบาทของไทยในเวทีโลกให้มากขึ้น ซึ่งหลายประเทศกำลังเข้ามาโดยเฉพาะแอฟริกา ดังนั้น ต้องมองวิกฤตให้เป็นโอกาส ไม่ใช่ทำโอกาสให้เป็นวิกฤตเพิ่มขึ้น ต้องเดินหน้าไปสู่อนาคตโดยต้องดูว่าจะเดินให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนอย่างไร ซึ่งเราจะไปพูดก่อนเขาไม่ได้ จะทำให้เขาหมั่นไส้เกลียดเรา จึงใช้คำว่าเดินไปพร้อมกัน ซึ่งในอาเซียนก็ยอมรับบทบาทตนที่แสดงออกไป ก่อนหน้าที่ตนจะเข้ามาไม่ขอโทษใคร แต่โทษตัวเองด้วย เรากำลังเป็นรัฐที่จะล้มเหลวและจะล้มเหลวทันที ถ้าไม่ได้ปฏิรูปโดยเริ่มจากตัวเอง ภาครัฐ และประชาชน เพื่อปรับปรุงแก้ไข อย่าคิดแต่เพียงอำนาจ ผลประโยชน์ ทุกวันนี้ถ้ามีทุจริตโดนหมด เราต้องคลีนแอนด์เคลียร์เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ดังนั้น การปฏิรูปจึงต้องมีโรดแมป ยุทธศาสตร์ 20 ปี ทั้งในปัจจุบันและอนาคต และรัฐบาลก็ได้เริ่มปฏิรูปมาแล้ว ถึงได้มีคนเดือดร้อน ขณะเดียวกัน เราเข้ามาช่วงเศรษฐกิจโลกตก กลายเป็นว่า คสช. เข้ามาทำประชาธิปไตยไม่เป็น แล้วขาหัก แต่ก็เห็นว่าวันนี้เราก็ค้าขายกับทุกประเทศและคนพูดคือคนไทยทั้งสิ้น ซึ่งต่างประเทศเลิกถามเรื่องประชาธิปไตยในบ้านเราไปนานแล้ว เพราะเห็นว่าเราทำงาน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนต้องการปฏิรูป ทุกคนมีความหวังดีหมด บอกเราทำไมไม่แก้ตรงนั้นตรงนี้ มันมีสองข้างเสมอ คือ มีคนได้ก็ต้องมีคนเสีย แต่จะทำให้ได้มากกว่าเสีย คนได้ก็ต้องไปดูแลคนเสีย ตนไม่ต้องการคะแนนเสียงจากใคร เพียงแค่ต้องการให้ประเทศเดินหน้าเท่านั้น วันนั้นตนไปนั่งคุยกับรัฐมนตรีญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้หญิง ท่านก็ลุกมาหาตนแล้วบอกว่าเขาใช้น้ำหอมจากไทย เขาก็ต้องการเป็นมิตรกับเรา ในทางกลับกันพอต่างประเทศให้คนไทยเข้าประเทศโดยไม่ต้องทำวีซ่าเราก็ไปเที่ยวต่างประเทศกันมากขึ้น ส่วนคนไทยพอจะเที่ยวในประเทศไทยก็ต้องรอลดภาษีก่อน

นายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้ ตนขอชื่นชมโรงเรียนแก่งค้อ จ.ชัยภูมิ ที่เด็กนักเรียนแต่งผ้าซิ้นไปโรงเรียน ซึ่งเขาก็บอกว่าเขาเต็มที่จะที่จะแต่งเพราะผ้าซิ้นราคาถูก พอเห็นแล้วก็สวยดี ส่วนภูมิภาคอื่นที่มีสินค้าผ้าสวย ๆ ก็ควรทำให้มีมูลค้าเพิ่มขึ้น เรื่องการลงทุนที่เราจะเป็นศูนย์กลางเปิดตลาดทุนเพื่อดูแลบริษัทต่างประเทศที่ลงทุนในประเทศไทย ซึ่งจะเชื่อมโยงการแก้ปัญหาการเงินการธนาคารที่ตั้งไม่ได้

เรื่องมหาวิทยาลัย วันนี้ตนไปถามรัฐมนตรีก็ปวดหัว เพราะมีดอกเตอร์จบมาตั้ง 3 หมื่นเก่าคน แต่กลับมีปัญหาเพราะแต่ละคนเรียนมาคนละมหาวิทยาลัย คนละความรู้ เก่งทุกคนแต่คุยกันไม่ค่อยได้ ยิ่งมีทหารที่เป็นรัฐมนตรียิ่งไม่ฟังกันใหญ่ แต่ก็ต้องฟังกันบ้าง ขอร้องฟังกันเถอะ ดอกเตอร์ทั้งหลายของให้ถอดหมวกกันก่อน ท่านเก่งอยู่แล้วเราก็ยอมรับ เราต้องทำให้ประเทศเราเป็นประเทศที่สูงขึ้นในระดับภูมิภาค ถ้ามี 10 ประเทศ เราควรเป็นประเทศที่เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องที่เราต้องเป็นเสือตัวที่ 1 เดี๋ยวเขาจะมาเกลียดขี้หน้าเอา เดี๋ยวจะกลายเป็นเสือตัวที่ 11 ที่อยู่ข้างนอก แต่เสือทั้ง 10 ตัวต้องเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน หาอาหารร่วมกันและแบ่งกันกิน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เมื่อเช้าเปิดโทรทัศน์ก็หมดแรง เพราะเห็นข่าวหอพักนักเรียนไฟไหม้เสียชีวิต 18 ราย พอเปิดอีกช่องก็เจอข่าวรถไฟชนรถยนต์ แล้วมาบอกว่ารัฐบาลไม่รับผิดชอบไม่ดูแล แล้วทำไมตอนที่รถยนต์ขับไม่ดูรถไฟบ้าง แล้วสถานที่ที่ชนก็ไม่มีไม้กั้นเป็นทางลักผ่านไม่ใช่ทางปกติ เราจะต้องแก้ไขเพราะคนไทยบางคนชอบเฉยชา เพราะคนไทยไม่เคยเป็นอาณานิคมใครมาก่อน ไม่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของใครก็สบายกันมาตลอด ถ้าทำอะไรไม่ได้ก็ไม่ทำเพราะไม่ชอบถูกบังคับทำไมเราไม่คิดที่จะทำและร่วมมือ พอตนพูดก็ไม่ฟัง ชอบฟังแต่เรื่องประชามติ ความขัดแย้ง วันนี้ต้องเดินไปด้วยกันทำให้มันถูกต้อง ตนไม่เคยบังคับอะไรสักอย่าง ตนก็ห่วงตรงนี้จะไปทำตรงนู้นตรงนี้ก็ยังไม่พร้อม แต่ถ้าอยากจะทำก็ทำมาเพราะตนไม่ได้หวงอำนาจอยู่แล้ว เราเองต้องทำอย่างไรไม่ให้เป็นคนเฉยชา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการค้าการลงทุนเราเปิดทั้งหมดก็ทำให้มีการแข่งขันกัน ทำให้สร้างความเชื่อมั่นและลดการรั่วไหล ซึ่งตนก็บอกกับทุกประเทศว่าไทยจะต้องไม่มีการทุจริตและคอร์รัปชันโดยเด็ดขาด ถ้าหน่วยงานไหนบอกว่าต้องเสียเงินให้มาบอกตนแล้วจะลงทาเดี๋ยวนั้น แต่ตนก็ไม่คิดว่าใครจะทำ ถ้ารักประเทศต้องไม่ทำ

“อย่างเรื่องของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มียุทธศาสตร์ 6 ป.แค่ 3 ป. ก็ยุ่งจะแย่อยู่แล้ว มี 6 ป. อีก รู้ไหมว่าประเทศไทยมี 6 ป. คือ ปรับจิตสำนึก ปรับกระบวนทัศน์ ปรับบทบาท ปรับสมดุล ปรับโครงสร้าง ปรับกลไกขับเคลื่อน ซึ่งเป็นการบูรณาการทั้งระบบ เป็นการแก้ไขตามปัญหาที่เรามีอยู่ การแก้ปัญหาต่าง ๆ จะต้องไม่ทำให้ปัญหาใหม่เกิดขึ้น ซึ่งตนต้องแก้ให้มากและดีที่สุด จึงต้องมีคณะกรรมการจัดที่ดินเพื่อไปดำเนินที่ดินที่มีอยู่ ๆ แล้ว ให้ถูกต้อง โดยใช้แผนที่วันแมป เราต้องทำร่วมกัน อย่าแยกกันทำแยกกันเดิน ฉะนั้นต่อไปนี้ทุกกระทรวงต้องร่วมกันทำ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การจัดการงบประมาณปีหน้า ทุกกระทรวงต้องประสานงานกัน ทั้งงบการพัฒนาพื้นฐาน งบเร่งรัด ตนก็จะทำพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณใหม่ทั้งหมด โครงการใดจะต้องออกไตรมาสใดเราต้องระบุให้ชัดเจนเพื่อที่จะทำให้เงินออกตามวงรอบ และให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ อันไหนทำได้ทำเลย ส่วนโครงการไหนระยะยาว ก็ต้องทำตามขั้นตอน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ความสมดุลที่ประเทศเราต้องเตรียมการ คือ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคมที่อยู่ดีมีสุขการเพิ่มเติมภูมิปัญญาของมนุษย์ไม่ให้บิดเบี้ยว พลเมืองตื่นรู้และเรียนรู้กันเอง ทำประโยชน์ส่วนรวมมีความมุ่งมั่นและความคิดอิสระที่อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่ใช่อิสระจนเกิดควาวุ่นวาย และใช้ศาสนาเป็นหลักในการนำพาชีวิตให้มีความสุข

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พลศึกษาทำให้คนแข็งแรง ฝากกระทรวงศึกษาธิการทำอย่างไรให้คนแข็งแรงขึ้น วันนี้นักกีฬาเราแพ้เราก็ทำใจไม่ได้ นักกีฬาเราตัวเท่านี้ไปแข่งกับคนอื่นจะชนะได้ไหมเล่า ต้องไปหานักกีฬาที่ตัวสูง ๆ มาเล่นกีฬาแบบที่ต่างชาติของทำ ที่ขาเขายาววิ่งสามก้าวก็ถึง ไทยขาสั้นนิดเดียวจะไปสู้เขาได้ไหมเล่า ส่วนนักฟุตบอลไปแข่งก็แพ้ไม่ต้องไปไหนหรอกไอ้หมู (ผู้บัญชาการทหารบก) อาร์มี่ยูไนเต็ด เตะทุกวันก็ต้องให้ลุ้นทุกวัน บางวันก็อยากจะปิดโทรทัศน์เอาขว้างทิ้งดีกว่า นักวอลเลย์บอล ตนว่าเก่งนะ เก่งที่สุด แต่จะเก่งต้องเก่งให้เหนือเขา กรรมการจะได้ไม่ลังเล เอาให้มันชัดยังไงก็ชนะอยู่แล้ว เพราะฝีมือเหนือกว่าเราก็เก่งนะ เพราะล้มยักษ์มาหลายทีแล้ว แต่ครั้งนี้ยักษ์มันแข็งแรงขึ้น ตัวเขาสูง พอเขาแก้ทางได้เราก็เสร็จ โค้ชเราก็เก่งอยู่แล้ว แต่ก็ต้องพัฒนาทักษะไปสู่วิทยาศาสตร์การกีฬา และจิตวิทยา น้องเมก็ได้แชมป์กอล์ฟอีกแล้ว ปีนี้เป็นปีแห่งการสร้างชื่อเสียงทางกีฬา ขอขอบคุณทุกคน แต่กีฬาที่ตีกันไม่เอา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ที่เตรียมข้อมูลกันและให้ตนมาพูด พูดถึงพรุ่งนี้ก็ยังไม่จบแต่ทำด้วยกันมาถึงจำได้ อย่าไปคิดว่าตนคิดเอาเอง เพราะตนอ่านศึกษา ฟังพี่ฟังเพื่อนและข้าราชการ มีใครเคยฟังแบบตนบ้างก็ต้องให้อภัยเวลาหงุดหงิดบ้าง เพราะว่ารับเยอะพยายามทำให้ทุกคนพอใจ ส่วนยุทธศาสตร์ 20 ปี ต้องตอบโจทย์ให้ได้ ส่วนยุทธศาสตร์สภาพัฒน์ ไอ้ 5 ป. 6 ป. เดี๋ยวก็กลับไป ป. ประชามติอีกูละเบื่อจริง ๆ มีอยู่ 3 ป. นี่แหละคือ กฎการทำงาน ขอโทษด้วยที่ผมพูดไม่ เพราะเดี๋ยวสื่อก็ไปเน้นตรงที่ผมพูดวะเว้ย ผมติดมา 30 กว่าปีแล้วก็ยังติดอยู่แบบนี้ สิ่งสำคัญต้องหาตัวเองให้เจออะไรคือ ปัญหากระบวนการวิธีการจัดการ และเป้าหมายอันเดียวกัน ยุทธ ศาสตร์ชาติทำให้มันเป็นแบบนั้นไปเป็นผลสัมฤทธิ์ที่ต้องการ”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องการเมือง ขอให้หนักแน่นอดทน เชื่อมั่นตนและทุกคนว่าไม่ได้เข้ามาเพื่ออะไรทั้งสิ้น ใครที่พูดอย่าไปเชื่อเดี๋ยวกำลังฟ้องกันอยู่ ตั้งตำรวจ ตั้งทหาร ตั้งบ้าบอคอแตกเสียเงิน เรื่องที่บอกว่าเศรษฐกิจตกต่ำเพราะ คสช. เพราะตัวเลขออกมาจากสภาพัฒน์กำลังฟ้องอยู่ โดนทั้งหมด ตอนนี้เราใช้กฎหมายปกติ เพราะฉะนั้นที่บอกให้ คสช. เลิกมาตรา 44 รู้ไหมอันตรายจะเกิดแค่ไหน เพราะมาตรา 44 ทำให้เกิดความมั่นคง และตนสามารถเมตตาผ่อนผันอะไรก็ได้ คราวนี้เจอกฎหมายปกติก็ไปต่อสู้กันเอง ติดคุกกันก่อนทั้งหมด นั่นแหละเลือกกันเองแล้ว จะให้ตนเลิกมาตรา 44 ก็เอา ไม่รู้หรือว่ามีมาตรา 44 ไว้เพื่ออะไร ผ่อนปรนผ่อนผันในคดีที่ไม่ร้ายแรงมากจนเกินไป ถ้าอย่างนี้ตนก็ดูแลไม่ได้ ถ้าผิดกฎหมายผิด พ.ร.บ. จับหมด ไม่จับวันนี้ก็จับวันหน้า เพราะกฎหมายไม่ได้เขียนว่าจับวันนี้เดี๋ยว จับเมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวย แต่ถ้านานจน เกินไปจะโดนมาตรา 157 ละเว้นอีกผิดกฎหมาย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ต้องหนักแน่นอดทน อย่าไปเชื่อคำบิดเบือนทำให้หมดกำลังใจ ตนไม่เคยหมดกำลังใจ ยิ่งตีตนเครื่องยิ่งร้อน ขอให้เผื่อแผ่แบ่งปันไว้วางใจกันและกัน เสียสละเพื่อประเทศชาติกับตนไปก่อน คสช. เข้ามาอะไรดีหรือไม่ดีก็รู้อยู่แล้ว 2 ปีทำแทบตายบอกไม่ได้ทำอะไรเลย เดี๋ยวจะทำให้เห็นว่า 2 ปีทำอะไร ที่พูดมาไม่ฟังอยู่แล้วจะเอาอย่างเดียวเงินอยู่ไหน เพราะมีคนบิดเบือน ประชาชนรู้และพร้อมร่วมมืออยู่แล้วไม่ว่า จะเรื่องประชารัฐ แต่มีคนไปเป่าหูให้ทำนี่ทำนั่น จะอุดหนุนราคาข้าวยางเหมือนเดิม ผู้ว่าฯ ต้องลงไปพูดกับประชาชน และกรณีการทำถนน หรือขุดคลองของทหาร อย่ามาว่าทหารโกง ถ้ามีให้บอกมา จะตั้งกรรมการสอบสวนดำเนินคดีทุกอย่างต้องอยู่กระบวนการ ตนไม่ต้องการรังแกใคร หรือตั้งคนออกคนเข้าตนไม่รู้จักสักคนแต่เป็นเรื่องพิจารณาเข้าก็ต้องดำเนินการให้เกิดความชัดเจน ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ไม่ใช่ข้างนี้เอาออกถ้าทำงานดีตนก็ไม่ยุ่ง อีกหน่อยต้องคัดกรองหรือไม่ใครพวกใคร ถ้างั้นก็ต้องเปลี่ยนทั้งหมด เช่นตำรวจที่บอกว่าไม่ดีเปลี่ยนมันทั้งหมดเลยสร้างใหม่ตั้งแต่ ป.1 มันก็ทำไม่ได้ รื้อออกไม่ได้ ดังนั้น ต้องคิดให้เป็นกิจกรรม

การร่างรัฐธรรมนูญเป็นเพียงแค่หลักประกันที่ให้ประเทศไทยมีหลักการที่สากลยอมรับแต่ระหว่างนั้นต้องมีกลไก อย่างเรื่อง ส.ว. ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และประชาธิปไตยมันเป็นอย่างไร เราจะเอาอำนาจตรงไหนไปสั่ง ส.ว. 250 คนได้ คือคนพูดคิดไม่ดีเพียงแต่ว่า ส.ว. เป็นหลักประกันไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่ผ่านมา มันเกิดขึ้นอีกไม่ได้แล้ว ขณะที่เรื่องประชามติเพื่อให้ทุกคนรับรู้รับทราบจริง ๆ แล้วอำนาจตนฝ่ายความมั่นคง คสช. ไม่ต้องเข้ามาให้ทำก็ได้ประกาศใช้ได้เลย เพราะมีอำนาจ ประเทศอื่นไม่เห็นต้องทำ แต่ประเทศไทยไม่ได้เพราะเป็นประชาธิปไตยแล้วเป็นอย่างไรก็ตีกันอยู่ เอาเรื่องดังกล่าวเป็นพิธีกรรมอ้างประชาธิปไตยทำให้ประเทศชาติมีปัญหา นักการเมืองดี ๆ มีเยอะกว่าที่ไม่ดี อย่าไปฟังคนเหล่านี้ ส่วนสื่อก็ไปขยายความให้คนเหล่านี้ออกมาพูด เดี๋ยวก็หาว่าขู่สื่ออีก ตนแค่เตือนเพราะกฎหมายเขียนไว้ ตนต้องไปตอบคำถามต่างประเทศว่าขังสื่อไปกี่คนแล้ว ประหารสื่อไปกี่คน มันบ้าหรือเปล่า ถ้าจะให้ประหารสื่อ ประหารตัวเองดีกว่า

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนขอให้กำลังใจผู้ที่กำลังปฏิบัติงานทุกคน ทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม บอกกับตนว่า ไม่ไหวแล้ว อายุ 70 แล้ว จะลาออก ตนบอกถ้าลาออกตนก็ตั้งใหม่ได้ ทำไมล่ะ มาตรา 44 ตั้งได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทุกคนต้องรักกัน อย่าคิดว่าเข้ามาเพื่ออะไรเลย ทาง รมว.ยุติธรรม ก็ไปถึงกระบวนการพระสงฆ์ยุ่งไปหมดแล้ว มันไม่ควรจะวุ่น ตนว่าพระธรรมวินัยว่าอย่างไรก็ไปตามนั้น ตนไม่เข้าข้างใครเพราะเป็นไทยพุทธทั้งนั้น มีใครค้างกับอะไรตนหรือไม่ รัฐมนตรีจะถามอะไรตนไหมจะปรับรัฐมนตรีคนไหน ใครเป็นคนไปปล่อยข่าวปลัด กระทรวงหรือไม่ ทำงานมาด้วยกันตนรู้ใครเป็นอย่างไร ที่ปรับออกไปไม่ใช่ว่าทำงานไม่ดี เขาก็เริ่มต้นให้ ครม. 2 ทำงานมา เราร่วมชะตากรรมาตั้งแต่ 22 พฤษภาฯ จะทิ้งตนไปหรือ ตนไม่ทิ้งท่านท่านก็อย่าทิ้งตน






























กำลังโหลดความคิดเห็น