xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ไล่ดูความหมายเจตนาบริสุทธิ์ ไม่คิดให้ต่างชาติสังเกตการณ์ ห้าม “พิชัย” บินนอก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” ย้อนให้เปิดดูพจนานุกรมว่า เจตนาบริสุทธิ์เป็นอย่างไร ก่อนแสดงความเห็นรณรงค์ประชามติ กร้าวอย่ารุนแรง พร้อมลงโทษหนัก ยันไม่คิดเชิญต่างชาติสังเกตการณ์ รับสอบเว็บจริงกันปลุกระดม รับสอบไลน์ไม่ง่ายเพราะต้องใช้ขั้นตอน กม. ซัด นสพ.ขึ้นรูปโป๊คู่ “บรรหาร” เสียชีวิต ลั่นไม่พูดชื่อ “วัฒนา” ไม่อนุญาตให้ “พิชัย” ไปนอก ชี้ต่างประเทศอยากรู้อะไรให้เชิญ รบ.แทน

วันนี้ (26 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ระบุถึงสิ่งที่ทำได้และทำไม่ได้ในการรณรงค์ออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญว่า ถ้าจะแสดงความคิดเห็นแล้วคิดเห็นอะไรก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไร ไม่ใช่ว่าเป็นการรณรงค์ต่อต้านหรือไม่รับ ถือเป็นคนละเรื่อง ความคิดเห็นที่บริสุทธิ์นั้นขอให้ไปเปิดพจนานุกรมดูว่าเป็นอย่างไร เจตนาบริสุทธิ์เป็นอย่างไร บางคนถามว่าเจตนาบริสุทธิ์คืออะไร ถ้าคิดแบบนี้คงไปไม่ได้ นั่นแสดงว่าไม่มีความรู้อะไรเลย คำว่าหยาบคาย พูดจาไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมาย ยังไม่รู้เลย แล้วจะไปทำอะไรได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วถ้าอย่างนั้นจะให้ประชาชน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวสวนทันทีว่า “ยังไม่รู้ ยังไม่อนุญาตกำลังดูอยู่ ที่ กกต.พูดก็เป็นเรื่องของเขาที่จะเสนอผ่านช่องทาง ซึ่ง กกต.เขาไม่ต้องเสนอผม เพราะเป็นกฎหมายของเขา ผมจะไปล้มกฎหมายของ กกต.ได้เมื่อไหร่ แต่เราดูเรื่องของความสงบสุข มีหน้าที่ดูแลกกต., กรธ.ที่ลงพื้นที่ชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญอย่าทำให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นผมลงโทษสถานหนัก ส่วนเรื่องความคิดเห็นหรืออะไรต่างๆ ก็ค่อยหารือกัน แต่ถามว่าทุกวันนี้ไม่ได้พูดหรือ เขาพูดอยู่ ถ้าผมจะใช้กฎหมาย ผมก็ใช้เลย แต่ผมใช้หรือยัง วันนี้เขาพูดอยู่ แต่หากให้พูดโดยเสรี จะขัดแย้งและทะเลาะกันมากกว่าเดิมหรือไม่ ถามว่าเราต้องการอะไร ถ้าต้องการให้ทะเลาะเบาะแว้งกันมากกว่าเดิม รับรองได้หรือไม่ว่าคนเหล่านี้จะไม่พูดอย่างที่ว่า รับรองแทนเขาไหม เรื่องนี้กฎหมายว่าไงก็ค่อยว่ามา”

เมื่อถามว่า ระหว่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ กับคำสั่ง คสช. ต้องยึดส่วนใดเป็นหลักในการควบคุมในช่วงการทำประชามติ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนให้เกียรติ พ.ร.บ.ดังกล่าวอยู่แล้ว ส่วนคำสั่ง คสช.มีไว้เพื่อความสงบเรียบร้อยเป็นหลัก ให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่ติดขัด สามารถทำงานได้อย่างเร่งด่วน โดยมีตนเป็นผู้ลงนามในแต่ละคำสั่งจากการเสนอแนะของสมาชิก คสช. แต่ พ.ร.บ.ประชามติผ่านการเห็นชอบโดยสภา มีผลบังคับใช้แล้ว ถือเป็นคนละเรื่องกับคำสั่ง คสช. ขออย่าเอามาตีกัน หรือจะไม่เอาทั้งสองอย่างก็ตามใจ เพราะประเทศชาติจะเหลวแหลกอย่างไร สื่อฯ ก็คงไม่สนใจ

เมื่อถามว่าจะเชิญผู้แทนจากต่างประเทศเข้าร่วมสังเกตการณ์การทำประชามติครั้งนี้ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เคยมีความคิด ตนไม่เคยพูด จำเป็นแล้วหรือ แค่นี้ทำกันเองไม่ได้หรืออย่างไร หรือคุณอยากให้ทำ ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเอ็นจีโอขออนุญาตเข้ามาสังเกตการณ์จะอนุญาตหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่สมควร ตนไม่มีความเห็นชอบตรงนี้ และจะตอบกลับไปเช่นนี้ มันไม่ใช่เวลา ถามว่าตอนนี้ถึงเวลาแล้วหรือยัง มีที่ไหนบ้างที่จะมาสังเกตการณ์ในเรื่องประชามติ แล้วประเทศไทยเป็นของใคร ไม่ใช่ของเราหรือ เป็นเรื่องของคนไทย คนในประเทศยังไม่พอ ยังจะลากต่างประเทศเข้ามาอีก ทำไมหรือ ให้เขามาจัดสรรปันส่วนประเทศไทยหรืออย่างไร หรือจะแบ่งเป็นภาคเป็นส่วนย่อยๆ แล้วก็เลือกอยู่เอาก็แล้วกัน แต่ตนไม่ยอมอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนายกฯ ตอบคำถามดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ได้หันไปเห็นผู้สื่อข่าวรายหนึ่งซึ่งเป็นผู้ถามคำถามดังกล่าวแล้วก้มหน้ากดโทรศัพท์มือถือ โดยกล่าวว่า “ไม่ต้องส่งข่าวเร็วนักหรอก ถามแล้วก็ส่ง แป๊บ แป๊บ แป๊บ ส่งตอนนี้มันได้เงินมากหรือไง เดี๋ยวค่อยส่งก็ได้ ฟังให้จบก่อน ไม่ใช่จับต้นชนปลายไม่ถูกแล้วส่งข่าว โธ่ ส่งไปเดี๋ยวก็ตีกัน รับผิดชอบด้วยเนชั่น ข่าวใครข่าวมันรับผิดชอบด้วยนะ ให้เกียรติผมบ้าง เหมือนคนคุยโทรศัพท์แล้วไม่ฟังผมพูด ผมไม่ชอบคนแบบนี้ เขียนและจดไม่เป็นหรืออย่างไร ให้เกียรติผมบ้าง ประชาชนจะกินจะอยู่ หรือบ้านเมืองจะสงบได้อย่างไร ตรงนี้สำคัญที่สุด คือสิ่งแรกที่ทุกคนต้องคำนึงถึง ส่วนเรื่องประชาธิปไตยก็ไปว่ากันอีกทาง ไม่ใช่มาตีกันทั้งหมด ไม่ใช่เรียกร้องต้องการโน่นนี่นั่น เอาไหม ถ้าให้สื่อขึ้นมาเป็นนายกฯ แล้วผมจะถาม ตอบให้ได้ก็แล้วกัน”

นายกฯ ได้กล่าวต่อถึงกรณีที่ทาง คสช.จะตรวจการใช้แอปพลิเคชันไลน์ว่า ต้องดูว่ากฎหมายว่าอย่างไร ทำได้หรือไม่ ถ้าในยามปกติก็ทำไม่ได้ การตรวจก็ต้องใช้กฎหมายเข้าไปตรวจโดยผ่านขั้นตอนกระบวนการของศาลไม่สามารถใช้วิธีอื่นได้ เพราะกฎหมายบัญญัติไว้เช่นนี้ ตนก็ต้องเคารพกฎหมาย

“แต่ผมถามว่าช่วยคิดกันดูสิว่าถ้าสมมติว่ามันตีกันทั้งบ้านทั้งเมือง แล้วเว็บหรือในโซเชียลมีเดีย เขียนปลุกระดม ให้ไปรวมกันตรงนั้นตรงนี้ แล้วจะให้ผมแก้อย่างไร ผมขอถามกลับบ้าง หรือจะปล่อยให้เป็นอย่างนั้น ให้มันตีกันให้ตาย นัดกันผ่านโซเชียลฯ ไปชุมนุมกันที่นั่นที่นี่ เรื่องแบบนี้ช่วยคิดให้ผมที ความร่วมมือกับรัฐมีกันเสียบ้าง การรักษาความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชนทั่วไป ไม่ใช่มัวแต่เสนอข่าวนักการเมือง ขอให้นึกถึงประชาชนที่เดือดร้อนบ้าง เคยนึกถึงกันบ้างไหม เห็นถามแต่เรื่องของการเมือง เคยถามหรือไม่ว่าคนเหล่านี้จะอยู่กันอย่างไร ทั้งคนเดือดร้อน และคนจน ไม่เห็นจะถามเลย หรือเป็นเพราะอยู่คนละพวกก็ไม่รู้ หรือเป็นเพราะเรื่องของภาคธุรกิจ หรือเป็นนักข่าวเศรษฐกิจ หน้า 2 หน้า 4 แต่ในหลายฉบับก็ดีเอาเรื่องดีๆ มาเขียนไว้ไม่ใช่เอารูปโป๊ขึ้นมา ชอบดูกันหรืออย่างไร ผู้หญิงไม่อายแทนเขาบ้างหรือ เป็นเรื่องของสิทธิจะเปิดให้ใครดูก็ได้ สังคมต้องช่วยกันหน่อย เรื่องการปลุกจิตสำนึก สังคมที่เป็นภัยอย่ามาพูดเปรียบเทียบว่าต่างประเทศก็ทำกัน เพราะนี่คือในประเทศเราต้องรักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยไว้บ้าง คุณจะไปเปิดที่ไหนก็ไปเปิดข้างนอกโน่น ให้เขาดูแล้วก็ขายหนังสือพิมพ์ ไม่อายเขาบ้างหรือ ข่าวหนึ่งมีบุคคลสำคัญสูญเสีย คู่กับคนกอดอกไม่สวมเสื้อ มันสมควรหรือไม่ ขอให้ไปบอกลูกพี่ด้วย โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ หรือชอบดู ถ้าไม่ชอบก็ต้องกล้าบอก ให้เหตุผลไปว่าสังคมมันจะเสียหาย ไม่ใช่รับเงินเดือนเขาแล้วกลัวทุกเรื่อง ประชาชนทั้งประเทศโดยเฉพาะคนเป็นพ่อแม่ก็เดือดร้อน สอนลูกหลานไม่ได้ เพราะมีตัวอย่างที่ลงหนังสือพิมพ์แล้วไม่มีใครว่า รัฐบาลก็ไม่ได้ว่าอะไร ตำรวจก็ไม่จับ จะเอาบ้าง เรื่องทุกเรื่องมันมีที่มาที่ไป มีหลักการเหตุผลและกฎหมาย จะไปพูดด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียวไม่ได้ และผมก็พยายามจะอยู่ตรงกลางให้ได้ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของประเทศ แต่ก็ชอบลากผมไปอยู่ข้างนั้นข้างนี้ตลอด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ทำเรื่องถึง คสช.เพื่อขอเดินทางไปต่างประเทศว่า ก็ต้องดูความควรหรือไม่ควร เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม อย่าลืมว่าวันนี้ใครเป็นรัฐบาล และถ้าต้องการอยากทราบข้อมูลก็ให้เชิญรัฐบาลไปชี้แจง

เมื่อถามถึงกรณีนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย จะยื่นเรื่องต่อสหประชาชาติกรณีที่ คสช. ส่งทหารไปคุกคาม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมเลิกพูดถึงคนคนนี้ไปนานแล้ว อย่ามาพูดกับผม” ส่วนที่มีการถามถึงการมองอนาคตของนักรัฐศาสตร์ไทยนั้น พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามโดยบอกให้สื่อไปคิดกันเอาเอง และระบุว่า “สื่อเป็นคนกำหนดอนาคตบ้านเมืองเช่นกัน เพราะฉะนั้นหากบ้านเมืองเกิดความเสียหาย ทุกคนก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบ”




กำลังโหลดความคิดเห็น