เมืองไทย 360 องศา
นาทีนี้ถือว่าเป็นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ฉบับปี 2559 ที่กำหนดเอาไว้ในวันที่ 7 สิงหาคม หากนับนิ้วถือว่ามีเวลาไม่ถึงเดือนแล้ว แน่นอนว่า ทั้งสองฝ่ายคือฝ่ายสนับสนุนให้ผ่าน กับฝ่ายที่ไม่อยากให้ผ่าน ต่างต้องโหมแรงกันเต็มที่ ซึ่งในนั้นย่อมต้องมีวิชามารผสมปนเปออกมาด้วย
ที่น่าสนใจก็คือ มีการสอดไส้แจกจ่าย “ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปลอม” เพื่อสร้างความสับสนให้กับชาวบ้านที่ได้รับแจก เนื้อหาก็แน่นอนว่า มีการ “บิดเบือน” ใส่ร้ายให้เห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีเนื้อหา “อัปลักษณ์” ไม่สมควรให้ผ่าน แม้ว่าตอนนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นฝีมือใคร หรือกลุ่มไหน แต่ถ้าพิจารณาจากฝ่ายที่ไม่ต้องการให้ผ่านก็มีแกนหลัก ก็คือ เครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น โดยมีบรรดาแนวร่วมลูกหาบที่มาในแบบ นักวิชาการแดง และนักศึกษาเพียงหยิบมือ
แต่หากจะให้โฟกัสกันไปตรง ๆ ว่า เป็นกลุ่มไหนกันแน่ ก็ต้องรอเวลาอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากทางฝ่ายรัฐ คือ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำลังสืบหาต้นตอว่ามาจากไหน รวมทั้งฝ่ายคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ คณะกรรมาธิการยกร่างฯ กำลังเปรียบเทียบร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ของจริง ของปลอม เป็นแบบไหน แต่ที่น่าจับตา ก็คือ การสืบหาต้นตอ เส้นทางการเงินแบบ “ท่อน้ำเลี้ยง” ว่ามาจากไหน ซึ่งจากข้อมูลที่แย้มออกมาว่างานนี้ต้องสาวถึง “ตัวใหญ่” เสียด้วย ก็ต้องรอด้วยใจระทึก
สำหรับกลุ่มที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ก็คือ “กลุ่มประชาธิปไตยใหม่” ที่แฝงมาในแบบนักศึกษา ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายที่แจกร่าง ที่มีการบิดเบือนไปจากร่างของจริง กำลังสืบกันว่า พิมพ์ที่โรงพิมพ์ไหน ใครเป็นคนจ่ายเงิน และเงินนั้นมาจากไหน ซึ่งสาวกันจริงและเอากันจริงก็น่าจะสาวถึงต้นตอได้ไม่ยาก แม้ว่าหากพิจารณาจาก “ความเชื่อ” ก็พอจะรู้กันอยู่ว่าฝ่ายไหนเป็น “ไอ้โม่ง” ชักใยอยู่ข้างหลัง แต่เมื่อกำลังสอบสวนก็ต้องรอไปก่อน
ระหว่างรอก็ต้องมาพิจารณากันว่าทำไมการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญคราวนี้ถึงต้องลุ้น และมี “เดิมพัน” สูงขนาดนี้ ก็ต้องรับรู้ว่าหากผ่าน มันจะมีผลกระทบกับใครบ้าง แน่นอนว่า คนที่โดนอย่างจัง ก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเครือข่ายในครอบครัวของพวกเขาอีกหลายคน แม้ว่าเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ระบุชื่อใครออกมาโดยตรง แต่ในคุณสมบัติต้องห้ามในเรื่องห้ามคนที่เคยถูกศาลสั่งยึดทรัพย์ คนที่เคยถูกถอดถอนจากตำแหน่งทางการเมือง เคยต้องคำสั่ง หรือคำพิพากษาเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ เป็นต้น
คนพวกนี้จะถูกห้ามลงสนามการเมืองตลอดชีวิต ซึ่งคนที่ว่านี้ดันไปตรงกับ ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าไปเต็ม ๆ ดังนั้น นี่คือ คำตอบว่าทำไมถึงต้องมีการประกาศต่อต้านกันทุกวิถีทาง
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณกันแบบเชื่อมโยงของคนพวกนี้ ทั้ง ทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย พวกนปช. รวมไปถึงนักวิชาการบางคน นักศึกษาบางกลุ่ม ก็รับรู้กันอยู่มันเป็นพวกเดียวกัน บางทีก็เหมือนกับนายกับลูกน้อง นายจ้างกับลูกจ้าง อะไรประมาณนั้น ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจหากจะสงสัยกันว่าใครคือสาเหตุและต้นตอ
ด้วยบรรยากาศที่เริ่มตึงเครียดดังกล่าว เนื่องจากเป็นช่วงเวลาสำคัญ อาจเป็นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันลงประชามติในวันที่ 7 สิงหาคม ทางฝ่ายรัฐก็ยังคุมเข้มไม่ยอมผ่อนเกมเท่าไรนัก เนื่องจากคงเล็งเห็นแล้วว่า หากปล่อยมือก็อาจจะแย่ แก้ไม่ทัน เพราะอย่างที่รู้กันว่าอีกฝ่ายมีเดิมพันสูง เดิมพันอนาคต ก็ต้องทุ่มกำลังเต็มที่ และที่สำคัญก็คือ อาจมีการผนึกกำลังกับแนวร่วมภายนอก อย่างที่มีการจับตาก็คือ เครือข่าย “ธรรมกาย” ของ ธัมมชโย ที่กำลังปลุกระดมบรรดาผู้สนับสนุนให้มาช่วยการเป็นกำแพงมนุษย์ปกป้องตัวเองไม่ให้ถูกจับกุมในข้อหาฟอกเงินและรับของโจร หลายฝ่ายกังวลว่าหากทั้งสองฝ่ายมาบรรจบกัน มันก็ทำงานลำบาก
ขณะเดียวกัน ยังมีอีกข้อมูลหนึ่งที่สมควรจดจำเอาไว้ ก็คือ คำประกาศของ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. สมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่เคยประกาศ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2559 เอาไว้ว่า หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะมีการลงประชามติในวันที่ 7 สิงหาคม นี้ “ผ่าน” เขาจะไม่ลงสนามการเมือง ซึ่งหลายคนก็หวังว่า จตุพร พรหมพันธุ์ คงจะไม่ลืม ว่า เขาเคยพูดรับปากยืนยันแบบนั้น
เชื่อว่า จากคำพูดดังกล่าวของ จตุพร พรหมพันธุ์ รวมไปถึงหากร่างรัฐธรรมนูญผ่าน ก็จะทำให้ ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะถูกห้ามลงสนามตลอดชีวิต เนื่องจากมีคุณสมบัติต้องห้ามในร่างรัฐธรรมนูญ นี่แหละคือแรงกระตุ้นให้คนอีกไม่น้อย ต้องออกมาลงประชามติ เพราะนี่คือเดิมพันสำคัญอีกเหมือนกัน !!