“บิ๊กป้อม” มองนักเรียนตีกันมีชนักติดหลัง ควรได้รับการฝึกทหารเกณฑ์ ขอเวลาคิดแก้ กม.ก่อน ย้ำเรือดำน้ำจีนดี รอเข้า ครม. ขออย่าตื่นเต้น ยันไม่ได้กดดันทัพเรือบังคับให้ซื้อ แจงมี คกก.คัดเลือกตามขั้นตอน กำชับ มทภ.4 ดูช่วงท้ายรอมฎอนหลังมีเหตุลอบบึ้ม เผยภาพรวมดีกว่าปีก่อน ขอสื่ออย่ามุ่งแต่ความเสียหาย ให้พูดเรื่องผลงาน
วันนี้ (4 ก.ค.) ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่จะให้นักเรียนที่มีพฤติกรรมยกพวกตีกัน รวมถึงเด็กแว้นเป็นทหารเกณฑ์ทันทีหลังเรียนจบว่า เรื่องนี้ยังเป็นแนวคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรให้มีกฎระเบียบออกมาให้ชัดเจน แต่ความเป็นจริงแล้วชายไทยทุกคนต้องผ่านการเกณฑ์ทหารทุกคนโดยการจับใบดำใบแดงอยู่แล้ว แต่ตนคิดว่าคนที่มีชนักติดหลังว่าคนเหล่านี้ควรจะได้รับการฝึก เมื่อไม่ได้เรียนหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหารก็ควรที่จะไปเป็นทหารเกณฑ์โดยไม่ต้องจับใบดำใบแดง แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ต้องมาศึกษาและรวบรวมข้อมูลต่างๆ ก่อน
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะให้นักเรียนนักเลงเหล่านั้น ห้ามได้รับการผ่อนผันด้วย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เราต้องออกกฎ ระเบียบ ข้อบังคับให้ได้ก่อน เพราะต้องไปยกเลิกกฎหมายเก่า เรื่องนี้ตนขอเวลาคิดก่อน แต่ถ้าดำเนินการได้ก็จะเป็นเรื่องดี เพราะตนอยากให้เป็นแบบนั้น หากนักเรียนมั่วแต่ไปตีกันก็ต้องไปอบรม เช่น นำไปเป็นทหาร เพราะชายไทยทุกคนก็ต้องผ่านการเป็นทหาร แต่กรณีแบบนี้ไม่ต้องจับใบดำใบแดง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องออกเป็นระเบียบซึ่งตนจะให้กระทรวงกลาโหมพิจารณารายละเอียดในภาพรวม แต่ในเบื้องต้นต้องให้ พล.ท.วีรชัย อินทุโศภน ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) ดูก่อน
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่ากระทรวงกลาโหมกดดันกองทัพเรือเลือกเรือดำน้ำของประเทศจีนว่า ยืนยันว่ากระทรวงกลาโหมไม่ได้มีการกดดันกองทัพเรือตามที่มีกระแสดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาก่อนที่จะมีการคัดเลือกเรือดำน้ำจากประเทศจีนั้นก็มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคัดเลือกเรือดำน้ำจากประเทศต่างๆ และมีมติเอกฉันท์เลือกเรือดำน้ำของประเทศจีน ส่วนที่วิพากษ์วิจารณ์ว่ากระทรวงกลาโหมกดดันคงหมายถึงตน ตนถามว่าจะไปกดดันใคร และจะไปกดดันได้อย่างไร
เมื่อถามว่า แต่มีการมองว่าการจัดซื้ออาวุธและยุทโธปกรณ์ของกองทัพยุครัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)จะเลือกที่ผลิตจากประเทศจีน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ใช่เพราะอาวุธและยุทโธปกรณ์จะซื้อที่ไหนก็ได้ แต่ตอนนี้ไทยซื้อจากสหรัฐอเมริกาไม่ได้ เราต้องเลือกจากเทคโนโลยีที่เหมาะสมและราคาพอสมควรที่เราสามารถซื้อได้ ทั้งนี้เรื่องเรือดำน้ำมีการดำเนินการมานานแล้วตั้งแต่สมัยที่ตนเป็น รมว.กลาโหมครั้งก่อนหน้านี้เกือบ 10 ปี ทางกองทัพเรือและกระทรวงกลาโหมก็ดำเนินการพิจารณามาอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้สังคมก็ยอมรับว่าไทยควรจะมีเรือดำน้ำ
“เรือดำน้ำที่เราซื้อจากจีน เหมาะสมกับราคาและเทคโนโลยีก็มีการพัฒนาขึ้นมาดีมากขึ้น อีกทั้งมีการรับประกันระยะเวลาการใช้งานและอุปกรณ์ มีการให้อาวุธต่างๆ ครบ ถ้าเราไปซื้อที่อื่นเราซื้อไม่ได้แบบนี้ เพราะ 1 ลำมีราคามากกว่าของจีนถึง 3 เท่าตัว ถ้าไปซื้อของประเทศอื่นได้ 1 ลำ แต่ของจีนได้ 3 ลำ และใช้งานได้นาน แต่ถ้าเรามีเงินมากเราก็ซื้อได้หมด ผมเองก็อยากได้เรือดำน้ำของยุโรป ส่วนที่มีการมองว่าเราจะเป็นหนูทดลองเพราะรุ่นที่ซื้อจากจีนนั้นยังไม่มีประเทศใดใช้ ผมมองว่าจีนเขามีประกัน 10-15 ปี มีการรับประกันซ่อมแซม และมีท่าเรือพร้อม ไม่ใช่อยู่ดีๆ นำมาใช้ ถ้าเราซื้อของจากต่างประเทศเราต้องซื้อของที่ดี” พล.อ.ประวิตรกล่าว
เมื่อถามว่าจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติเมื่อใด พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่ใช่ตอนนี้ ในส่วนนี้เป็นเพียงกองทัพเรือเสนอเป็นแผนงาน ดังนั้นอย่าเพิ่งไปตื่นเต้น เมื่อถามย้ำว่าถ้าไม่รีบนำเข้าที่ประชุม ครม. เกรงว่าจะไม่ทันงบประมาณปี 2560 หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่เป็นอะไร ตนสามารถทำงานได้
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดหลายจุดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อนสิ้นสุดช่วงเดือนรอมฎอนว่า ตนได้กำชับ พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 ให้ดูแลสถานการณ์ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งภาพรวมการก่อเหตุในปีนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่เหตุที่เกิดในในช่วงรอมฎอนปีนี้มากขึ้น โดยมีระเบิดคาร์บอมหลายจุด ทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามดูแลแก้ปัญหากันอยู่ แต่อยากให้สื่อมวลชนช่วยกันพูดถึงผลงานของเจ้าหน้าที่ที่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ หรือพูดถึงเรื่องที่ดีมากกว่า ตนไม่อยากให้พูดถึงเรื่องความเสียหาย
“เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดาที่ผู้ก่อเหตุต้องการแก้แค้นเจ้าหน้าที่ จึงต้องสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อให้เกิดความรุนแรง ที่ผ่านมาเขาถูกจับเยอะ ส่วนการเตรียมแผนป้องกันในแต่ละพื้นที่ต่อไปนั้นทางเจ้าหน้าที่แบ่งความรับผิดชอบอยู่แล้ว” พล.อ.ประวิตรกล่าว