เมืองไทย 360 องศา
เรียกว่าเป็นต้องจับตามองให้สมดังตั้งใจหมายเอาไว้ สำหรับการเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมืองที่เกิดขึ้นถี่ยิบในตอนนี้ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของนักการเมืองในซีกของพรรคเพื่อไทย มวลชนของ ทักษิณ ชินวัตร สังคมกำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กับ วัฒนา เมืองสุข
คนแรกคือ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่กำลังเคลื่อนไหวนัดพบปะหารือกับตัวแทนพรรคการเมือง และกลุ่มการเมืองต่าง ๆ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อ้างว่า เป็นระดมความคิดเห็น เพื่อหาทางออกให้บ้านเมือง โดยมีการใช้คำพูดแบบ “สวย ๆ” ว่า ที่ผ่านมา นักการเมืองได้สร้างปัญหากันมาไม่น้อย เรียกว่า นี่คือ “จิตวิทยา” จับความรู้สึกของสังคมกันอย่างยอดเยี่ยม
อย่างไรก็ดี นั่นคือ “หน้าฉาก” ของเธอ ที่กำหนดเขียนบทการแสดงเอาไว้ล่วงหน้า เพราะหากใครที่ติดตามบทบาทมานานก็ย่อมมองออกได้ไม่ยาก ว่า นี่คือ การแสดงโชว์เพื่อหวังผลทางการเมืองในอนาคต โดยเฉพาะบทบาทในพรรคเพื่อไทย เพื่อรองรับการเลือกตั้งหลังการลงประชามติในปีหน้า ไม่ว่าจะผ่าน หรือไม่ผ่าน ก็ตาม แต่ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยประกาศก่อนหน้านี้แล้วว่า ต้องมีการเลือกตั้ง มีรัฐบาลใหม่เข้ามา
โฟกัสเฉพาะ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แน่นอนว่า พอรับรู้กันมานานว่าเธอเคยทะเยอทะยานวางเป้าหมายในชีวิตไว้สูงสุด ว่า จะ “เป็นนายกฯหญิง” ของประเทศนี้ให้ได้ เพียงแต่ว่าไม่เคยมีจังหวะเหมาะ และที่ผ่านมา ก็มี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวทักษิณ ชินวัตร ที่ใช้เวลาเพียงแค่ 49 วัน ปาดหน้าไปหน้าตาเฉย อีกทั้งยังพิสูจน์ให้เห็นอีกว่า “เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ” อยู่ดี
แต่คราวนี้เมื่อพิจารณาตามสถานการณ์ก็ต้องบอกว่า “ทางโล่ง” กว่าทุกครั้ง เพราะชนักที่ปักหลัง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในคดีรับจำนำข้าว ที่ถือว่าหนักหนาสาหัส เสี่ยงทั้งคุก เสี่ยงทั้งถูกยึดทรัพย์หากดิ้นไม่หลุดแก้ข้อกล่าวหาไม่ได้ เพราะมูลค่าความเสียหายมหาศาลนับแสนล้านบาท มิหนำซ้ำ ยังโดนถอดถอนพ้นจากตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งกรณีหลังนี่แหละที่ทำให้หมดอนาคตทางการเมือง เพียงแค่นี้ก็จะกลายเป็นคุณสมบัติต้องห้ามในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะถูกห้ามลงสนามเลือกตั้งตลอดชีวิต ไม่ต้องพูดถึง ทักษิณ ชินวัตร ที่หมดสิทธิ์ตั้งแต่แรกแล้ว
ดังนั้น ถึงได้บอกว่าคราวนี้ทางสะดวกมากกว่าทุกครั้ง ส่วนจะสมตามความฝันในใจได้หรือไม่ ต้องจับตาดู เพราะยังมีปัจจัยทั้งภายในภายนอกที่ควบคุมยากมากมาย แต่พักเอาไว้ชั่วขณะ ต้องหันมาพิจารณาอีกฝั่งหนึ่ง คือ วัฒนา เมืองสุข ที่ปัจจุบันหันมาเล่นบทบู๊ ดับเครื่องชนกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชนกับระดับหัวขบวนกันโดยตรง แต่หากย้อนอดีตพิจารณาจากบุคลิกแล้ว ถือว่าผิดไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ จาก “เสี่ยไก่” มือประสานสิบทิศ กลายมาเป็นสายบู๊แบบหนังคนละม้วน มันก็ย่อมมีที่มาที่ไป ซึ่งรูปการณ์มันก็ไม่ต่างจากรายแรก คือ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แม้ว่าจะมีรายละเอียดต่างกัน เพราะรายหลังคงไม่ได้หวังสูงเกินเอื้อมไปถึงเก้าอี้นายกฯหรอก เอาเพียงแค่ระดับแกนนำในพรรคเพื่อไทย ให้มีบทบาทสำคัญกว่าเดิมก็โอเคแล้ว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากให้ประเมินตามความเป็นจริง ก็ต้องทำตัวให้ “โดดเด่น” ให้บรรดาเครือข่ายมวลชนเข้าใจ “ข้าคือเด็กนาย” เป็นสายตรงที่ ทักษิณ ชินวัตร ไว้ใจ เหมือนกับตอนนี้ที่ วัฒนา เมืองสุข ใส่เสื้อไม่รับรัฐธรรมนูญ ไปถ่ายรูปโชว์กับทักษิณ ถึงสิงคโปร์นั่นแหละ มันมีความหมายนอกจากกวนโมโหพวก คสช. แล้ว เป้าหมายหลักต้องการสื่อให้พวกเดียวกันว่า “ข้าไม่ธรรมดานะเฟ้ย” มันก็เหมือนกับการแสดงโชว์ให้เห็นด้วยภาพ ที่มีความหมายมากกว่าบรรยายใต้ภาพนับพันคำเสียอีก
ดังนั้น หากพิจารณากันแบบรู้ทันก็ต้องมองออกไม่ยาก ว่า การเคลื่อนไหวของคนทั้งคู่ นั่นคือ ทั้ง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กับ วัฒนา เมืองสุข มันก็เหมือนกับการแข่งขันแย่งกันเป็น “หุ่นเชิด” ของ ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ แม้ว่าเป้าหมายรายละเอียดในอนาคตจะแตกต่างกันบ้าง โดยคนแรกอาจหวังสูงถึงขั้นลุ้นเก้าอี้นายกฯหญิง แทนที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกปิดตาย ขณะที่คนหลังก็ขอกลับมาอยู่แถวหน้าให้มีบทบาทโดดเด่นอีกรอบ
อย่างไรก็ดี ใช่ว่าจะราบรื่นไปเสียทั้งหมด โดยเฉพาะกรณีของ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ตราบใดที่ในพรรคเพื่อไทย และบรรดาลูกน้องของ ทักษิณ ชินวัตร ยังมีชื่อของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อยู่ละก็ มันก็ไม่หมูเหมือนกัน แม้ว่าในที่สุดจะลงเอยกันได้ด้วยผลประโยชน์ทางการเมือง แต่ของแบบนี้ในเมื่อมันไม่ชอบขี้หน้ากันมานานแบบ “ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ” มันก็ทำใจยากเหมือนกัน แต่ถึงอย่างไรนั่นเป็นเรื่องอนาคตที่จะต้องพิจารณากันในรายละเอียดตามสถานการณ์ในช่วงใกล้ถึงวันดีเดย์อีกครั้งว่าจะมีแนวโน้มอย่างที่ว่าหรือเปล่า แต่รับรองว่าการเคลื่อนไหวที่เห็นอยู่ย่อมจับทางได้ไม่ยากอยู่แล้ว !!