เครือข่ายประชาชนยื่นผู้ตรวจสอบจริยธรรม รมว.พลังงาน-สนช.-ครม.กรณีดันร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียมฉบับใหม่ ชี้บังคับใช้เป็นกฎหมายทำประเทศชาติสูญเสียความมั่นคงทางพลังงาน
วันนี้ (30 มิ.ย.) เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ นำโดยนางบุษยมาส รักสยาม เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายดนัย จันทิม ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน ขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ รมว.พลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี ว่ากระทำขัดประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง และกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่ กรณีเห็นชอบและเสนอร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และ พ.ร.บ.ภาษีปิโตรเลียม เพื่อที่จะมาใช้บังคับแทน พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2514
โดยนางบุษยมาสกล่าวว่า ขณะนี้ สนช.ได้รับหลักการวาระที่ 1 ร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ที่รัฐบาลเสนอมา หากร่างกฎหมายดังกล่าวประกาศใช้เป็นกฎหมายจะทำให้รัฐเสียประโยชน์ สูญเสียความมั่นคงทางพลังงาน เพราะเนื้อหาของร่างกฎหมายนั้น เอกชนคู่สัญญาจะได้รับส่วนแบ่งมากกว่ารัฐ ทำให้รัฐได้รับผลตอบแทนค่าสัมปทานพลังงานน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน การไม่กำหนดให้มีระบบตรวจวัดแบบปริมาณปิโตรเลียมแบบ Real Time ทำให้รัฐไม่อาจทราบการรั่วไหลของปริมาณปิโตรเลียมที่ถูกต้องได้ ที่สำคัญและเป็นอันตรายต่อการสูญเสียความมั่นคงของรัฐในปัจจุบัน คือ การให้พื้นที่ปิโตรเลียมโดยไม่จำกัดพื้นที่แหล่งสัมปทาน ตาม พ.ร.บ.ปิโตรเลียม มาตรา 28 ที่แก้ไขในปี 2550 เช่นที่ให้กับบริษัท เชฟรอน จนมีอำนาจเหนือรัฐ อีกทั้งถ้ามีข้อพิพาทเกิดขึ้นก็มีการกำหนดให้ใช้ระบบอนุญาโตตุลาการที่มีตัวแทนธนาคารโลก หรือสวิตเซอร์แลนด์มาร่วมด้วยทั้งๆ ที่เป็นเรื่องอธิปไตยของประเทศไทย การกระทำดังกล่าวของกลุ่มบุคคลทั้งหมดจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่รักษาผลประโยชน์ชาติ ขัดต่อประมวลกฎหมายอาญามาตรา 119, 128, 129, 152, 157 และเปิ้นกรทำงานที่ไม่โปร่งใส ใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและผู้อื่น ขัดต่อประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง จึงต้องขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเร่งดำเนินการตรวจสอบ เพราะหากปล่อยให้ร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านการพิจารณาของ สนช.ในวาระ 2 และ 3 ก็จะทำให้ผลประโยชน์ประเทศชาติเสียหายมากยิ่งขึ้น