อย่าฝันว่า “ธัมมชโย” จะเจรจา-มอบตัว ทางเดียวคือจับ-จับสึก!?

เมืองไทย 360 องศา

บรรยากาศภายนอกดูแล้วอืดๆ เรื่อยๆ เปื่อยๆ ชอบกล สำหรับคดีของธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะความคืบหน้าทางคดี โดยเฉพาะการจับกุมผู้ต้องหา หลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ล้มเหลวจากการเข้าไปตรวจค้นจับกุมครั้งแรกไปแล้วก่อนหน้านี้ เนื่องจากถูกขัดขวางจากพระลูกวัด และลูกศิษย์ที่ระดมกันมาอย่างเต็มที่ ทำให้ต้องถอยร่นออกมาก่อน

ทำให้ดูเผินๆ เหมือนกับว่าฝ่ายทางการคงไม่สามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ได้อีกแล้ว คงจะปล่อยให้เรื่องค่อยๆ เงียบไปตามกาลเวลาแบบนั้นหรือเปล่า

อย่างไรก็ตาม เมื่อพยายามติดตามมาอย่างใกล้ชิด กลับพบว่า ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังมีความเคลื่อนไหวมาตลอด เพียงแต่มีการปรับเปลี่ยนยุทธวิธีใหม่ออกมา ความหมายก็คือใช้วิธี “เปลือยตัวตน” ของธัมมชโยออกมาให้สังคมได้เห็นเรื่อยๆ เพื่อลดทอนความน่าเชื่อถือ ขณะเดียวกันก็กดดันให้องค์กรปกครองทางสงฆ์ เช่น มหาเถรสมาคมเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น แทนที่จะวางเฉยแบบทองไม่รู้ร้อนเหมือนแต่ก่อน

แน่นอนว่า ประเด็นหลักเวลานี้ต้องรอผลสรุปในการพิจารณาสำนวนของอัยการแผนกคดีพิเศษว่าจะสั่งคดีออกมาอย่างไร หลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งสำนวนเพื่อให้พิจารณาสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหาในคดีรับของโจร และร่วมกันฟอกเงินจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น โดยอัยการขอเวลาในการพิจารณาสำนวน 1 เดือน ซึ่งจะครบกำหนดและแถลงให้ทราบในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ดังนั้น เมื่อยังไม่ถึงเวลาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ก็ต้องรอก่อน

แต่ระหว่างนี้ก็ได้เห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างที่น่าสนใจ ก็คือได้เห็นการขยับเขยื้อนขององค์กรปกครองทางฝ่ายสงฆ์ เช่น เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ซึ่งตามตำแหน่งเปรียบเสมือนผู้บังคับบัญชาของ ธัมมชโย จากการเปิดเผยของ สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการประจำสำนักนายกฯ ที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ว่า ได้มอบหมายให้ พศ.พูดคุยกับทุกฝ่ายที่สามารถพูดคุยได้ และที่น่าสนใจก็คือ มีการกำหนดนัดพบกับคณะสงฆ์

ขณะเดียวกัน มีข้อมูลที่น่าสนใจก็คือ เวลานี้มีการร้องเรียนไปที่ “เจ้าคณะใหญ่หนกลาง” สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชัยญาติฯ ซึ่งขั้นตอนต่อไปก็ต้องพิจารณาไปตามกรอบพระธรรมวินัย ตามระเบียบข้อบังคับสงฆ์ แต่จากข้อมูลก็มีการหารือกันในหน่วยงานและองค์กรปกครองทางสงฆ์มากขึ้น หลังจากที่กระแสสังคมเริ่มกดดันให้ต้องเข้ามาจัดการกับปัญหาในวงการสงฆ์

ย้อนกลับมาที่ฝ่ายกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ต้องดำเนินคดีอาญาต่อพระธัมมชโย โดยเฉพาะการขอหมายศาลเพื่อตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกาบในรอบที่สอง เชื่อว่า น่าจะเกิดขึ้นหลังจากวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ก่อน เพื่อรอการสั่งคดีจากอัยการ หากมีการสั่งฟ้องก็ต้องมีการขอหมายค้นรอบสอง คราวนี้เชื่อว่าจะขอขยายพื้นที่ค้นทั่วทั้งวัดพระธรรมกายทั้งสองพันไร่ ไม่ใช่แค่ 190 ไร่ เหมือนคราวก่อน และคงไม่บอกล่วงหน้า

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาถึงความเคลื่อนไหวของกรมสอบสวนคดีพิเศษ สำหรับการตรวจค้นครั้งแรก ตามรูปการณ์แล้วเห็นว่าคงไม่ได้ต้องการเข้าไปจับจริง เพียงแต่ต้องการประจาน หรือกระชากหน้ากากของฝ่ายธัมมชโยออกมาให้สังคมทั่วไปได้เห็น อีกทั้งยังเป็นการดึงให้บรรดาผู้สนับสนุนคนสำคัญได้แสดงตัวออกมาดังที่ได้เห็นกันมาแล้ว แต่คราวนี้หากได้รับไฟเขียวทั้งจากอัยการ และศาลอนุญาตอนุมัติหมายค้น เชื่อว่าทางดีเอสไอคงต้องลุยแน่ แม้ว่าในความเป็นจริงอาจจับกุมไม่ได้ เพราะถูกขัดขวางหรือว่า “หนีไปแล้ว” ก็ตาม แต่หากจับไม่ได้ก็จะทำให้ผู้ต้องหารายนี้อยู่ไม่เป็นสุขแน่ ขณะเดียวกัน ทางฝั่งดีเอสไอก็อยู่ลำบาก จะเกิดแรงกระเพื่อมไปถึงรัฐบาลว่าไม่มีน้ำยา

ขณะเดียวกัน เมื่อหันมามองทางฝั่งธัมมชโยบ้าง งานนี้รับรองว่าไม่มีทางมอบตัว หรือยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแน่นอน สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้ ก็คือ “ยื้อ” ให้นานที่สุด ลุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ อย่างน้อยให้มีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง เพราะไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองไหนมาเป็นรัฐบาล พวกเขาเชื่อว่า “ไม่กล้า” หักหาญกันตรงๆ แน่ แต่ถ้าเป็นฝ่ายทักษิณ ชินวัตร เข้ามาทุกอย่างก็จบพลิกจากดำเป็นขาว เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาเมื่อปี 2549 ที่มีการถอนฟ้องคดียักยอกทรัพย์ในศาลฎีกาก่อนวันพิพากษาไม่นาน

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากแบ็กกราวนด์ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน อย่าฝันคิดว่าธัมมชโยจะมอบตัว เพราะเวลานี้ถือว่าเลยขั้นตอนนั้นไปแล้ว ส่วนการเจรจาก็เช่นเดียวกัน ไม่มีความหมายอะไรแล้ว ทำได้ก็แค่ยื้อให้นานที่สุด หนทางที่เหลืออยู่ ก็คือ ต้องจับกุมสถานเดียวเท่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้จังหวะไหน ซึ่งก็คงต้องรอหลังจากวันที่ 13 กรกฎาคม ที่อัยการสั่งคดีเสียก่อน ขณะเดียวกัน ในทางสงฆ์ก็ถูกแรงบีบให้ต้องพิจารณาจัดการเข้ามาอีกทาง ซึ่งพิจารณาแล้วหนทางข้างหน้า ทั้งทางโลกทางธรรมถึงอย่างไรก็ลำบาก เสี่ยงถูกจับ-จับสึก มีสูง เพียงแต่ช้าหรือเร็ว!