อดีต ส.ส.ปชป.ยื่นคำชี้แจงการคุ้มครองชั่วคราว พร้อมเพิ่ม “อภิสิทธิ์-เกียรติ-ผู้แทน คปพ.” เป็นพยานคดี กบง.ขึ้นค่าแก๊ส LPG ทีเดียว 165 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพื่อประโยชน์ให้บางฝ่าย ทำประชาชนเดือดร้อน
วันนี้ (17 มิ.ย.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และตัวแทนภาคประชาชน ยื่นคำชี้แจงและคำคัดค้านคำให้การต่อศาลปกครองกลาง กรณีคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ประกาศขึ้นราคาแก๊ส LPG ที่ราคาหน้าโรงแยกแก๊สจาก 333 เหรียญสหรัฐต่อตันเป็น 498 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 165 เหรียญสหรัฐต่อตันตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ. 2558 เอื้อประโยชน์ให้บางฝ่ายและทำให้ประชาชนเดือดร้อนถ้วนหน้ากันทั้งประเทศ โดยตนได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้นเมื่อปีที่แล้ว แต่ศาลจำหน่ายคดีอ้างว่าไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด
ศาลปกครองสูงสุดสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นให้รับพิจารณาคดี ตนจึงส่งคำชี้แจงในการขอคุ้มครองชั่วคราวและคำคัดค้านคำให้การในขณะเดียวกัน โดยขอให้เพิ่มพยานผู้เชี่ยวชาญ 3 ปาก คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายเกียรติ สิทธีอมร อดีตผู้แทนการค้าไทย และผู้แทนเครือข่ายประชาชนปฎิรูปพลังงานไทย (คปพ.)
“เรื่องนี้นายณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีต รมว.พาณิชย์ เป็นผู้ผลักดันให้กำหนดราคาแก๊สหุงต้มจำหน่ายให้ประชาชนภาคครัวเรือนและขนส่งเท่ากับภาคปิโตรเคมี และภาคอุตสาหกรรม ทำให้ประชาชนใช้แก๊สแพงกันทั้งประเทศ จากเดิมสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีการจำหน่ายแก๊สในราคาถูกให้แก่ประชาชนเพื่อใช้หุงต้มเพราะเป็นทรัพยากรที่ผลิตได้ภายในประเทศ แต่มาเปลี่ยนนโยบายสมัย คสช.”
“พวกผมจึงต้องมาฟ้องศาลปกครองเพื่อปกป้องสิทธิของประชาชนซึ่งหวังอย่างยิ่งว่าคงได้รับความยุติธรรมจากศาลปกครอง เพราะการให้ประชาชนทั่วไปซื้อแก๊สในราคาเท่ากับภาคปิโตรเคมี และอุตสาหกรรม เป็นเรื่องที่เอารัดเอาเปรียบประชาชนอย่างยิ่ง ผมมั่นใจว่าพยานของฝ่ายประชาชนทั้ง 3 ปากมีเหตุผลและน้ำหนักที่จะเอาชนะหน่วยงานของรัฐได้อย่างแน่นอน จึงใคร่ขอให้ศาลปกครองเร่งพิจารณาคดีแก๊สแพงให้เร็วที่สุด อย่างน้อยก็เพื่อบรรเทาภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบากของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศที่เผชิญอยู่ในขณะนี้”