“ประยุทธ์” มองเหตุหญิงสาวบุกทำเนียบร้องเรียน รักษาความปลอดภัยตามขั้นตอน ไม่มีปัญหา อย่ามองเรื่องใหญ่ เตรียมบินเยือนอินเดีย 16-18 มิ.ย.สานความร่วมมือทุกมิติ เป็นแกนกลางอาเซียนคุย แสดงความเสียใจเหตุกราดยิงไนต์คลับสหรัฐฯ รับบ้านเราพกอาวุธได้มีตายมากกว่า ชี้เหตุเด็กก่อเหตุรุนแรงอยู่ที่คน จนท.ต้องเข้มงวด ไม่รับผลประโยชน์ วอนช่วยกันรวมถึงสื่อ
วันนี้ (14 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในทำเนียบรัฐบาลภายหลังเกิดเหตุหญิงสาวเข้าร้องขอความเป็นธรรมในระยะเกือบประชิดตัวในวันนี้ว่า หญิงสาวคนดังกล่าวได้แลกบัตรเข้ามาเพื่อร้องเรียนในศูนย์ดำรงธรรม ส่วนประเด็นเรื่องความปลอดภัยนั้นสำหรับตนไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไร เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สามารถควบคุมตัวหญิงสาวคนดังกล่าวไว้ได้ซึ่งระบบรักษาความปลอดภัยมีขั้นตอนของมันอยู่
เมื่อถามว่า ต่อจากนี้มาตรการรักษาความปลอดภัยจะเข้มงวดขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เข้มข้นขึ้น หรือว่าจะให้เริ่มจากนักข่าวก่อน เรามีมาตรการป้องกันอยู่แล้ว
“อย่ามองว่าเป็นเรื่องใหญ่ รปภ.ป้องกันเหตุได้ก็ถือว่าจบ ไม่มีใครมาชกปากผมอยู่แล้ว ส่วนตัวไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เพราะทุกคนถือว่าเป็นประชาชนทั้งสิ้น เป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น เว้นแต่บางคนบางพวก ซึ่งก็รู้อยู่ว่าใคร ขออย่าได้ตื่นตระหนกไปทุกเรื่อง ผมเป็นทหารเก่ารู้วิธีการป้องกันตัว ถ้าเกิดเข้ามาผมจะชกเองก็ยังได้ เพราะพอรู้วิธีการป้องกันตัวเองบ้างเหมือนกัน” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินเดียอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 16-18 มิ.ย.ว่า จะมีการพูดคุยในความร่วมมือทุกมิติทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม การค้าการลงทุน ตนได้คุยกับรองนายกรัฐมนตรีไว้แล้วเวลาไปประชุมต่างประเทศว่าเราจะเริ่มอะไรกันบ้าง เหมือนกับไปเปิดทางด่วนไทย-อินเดีย ให้เชื่อมต่อถึงกันให้ได้ โดยเราจะเป็นแกนกลางทางอาเซียน ขณะที่ทางอินเดียก็จะตอบไปยังกลุ่มแถบบนของภูมิประเทศเขา
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนปัญหาการอพยพแบบไม่ปกติในคาบมหาสมุทรอินเดียจะมีการพูดคุยหรือไม่นั้น จากการคุยกันบนเวทีการประชุมความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย ตนได้พูดว่าทุกคนต้องดูพื้นฐานกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ทั้งหมดก็ต้องมีความยับยั้งชั่งใจ ไม่ว่าใครจะอ้างเหตุผลอะไรก็ตาม จะต้องเป็นวิธีการที่สงบไม่ใช้กำลังปะทะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเรา หากเราเสนอไปแล้วคู่กรณีไม่รับนั่นคือปัญหา ดังนั้นตนจึงเสนอในที่ประชุมให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ใช้วิธีการตามที่ตนบอกจะได้หรือไม่ อะไรที่เป็นความขัดแย้งก็หยุดไว้ก่อน เอาความร่วมมือให้เกิดขึ้นก่อน อย่างน้อยก็เป็นการสร้างความรับรู้ และเราต้องแก้ปัญหากันเองในอาเซียนให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการพูดคุยเรื่องความมั่นคงในมหาสมุทรอินเดียด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เคยคุยไว้ว่าอาจจะต้องมีความร่วมมือทางทะเลแบบสร้างสรรค์ เช่น การฝึกร่วมทหารเรือไทย-อินเดีย การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร เรื่องการก่อการร้าย โจรสลัด
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงเหตุกราดยิงที่ไนต์คลับในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ว่าขอแสดงความเสียใจ ไม่อยากให้เกิดขึ้นไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ตรงนี้ได้ให้กระทรวงการต่างประเทศแสดงความเสียใจไป ถือเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ นี่คือสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในโลกใบนี้ จิตใจของคนควบคุมกันลำบาก เพราะทุกคนมีอิสรเสรีในการอยากทำนู่นนี่ เราก็ไม่อยากไปตรงนั้น แต่ต้องชั่งน้ำหนักดูว่าจะมีเส้นแบ่งตรงนี้อย่างไร อย่างบ้านเขากับเราต่างกันหรือไม่ เขาสามารถซื้อพกพาอาวุธไปไหนก็ได้ แต่บ้านเราถ้าทำแบบเขาจะมีการตายมากกว่า
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงมาตรการป้องปราบหลังที่มีกลุ่มเยาวชนและวัยรุ่นใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ในที่สาธารณะว่า ความจริงมันมีกฎหมายในการควบคุมดูแลอยู่แล้ว แต่ยอมรับว่าไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะคนไม่เคารพกฎหมาย เรื่องนี้ก็ต้องช่วยกันคิดด้วย
“วันนี้ทุกอย่างที่เป็นปัญหา ทั้งความไม่เข้าใจ ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ ทุกอย่างก็มีกฎหมายเกี่ยวข้องทุกฉบับ ทุกคนก็อยากให้ผมเข้มงวด ความจริงก็เข้มงวดอยู่แล้ว ทุกหน่วยงานก็มีหน้าที่ และสมมติถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นจริงก็ต้องจับกุมตัวมาลงโทษและดำเนินคดีให้ได้ กรณีของการลงโทษถ้าเป็นเด็ก เยาวชน ก็มีกฎหมายเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนต่างหาก จะจับไปติดคุกเลยก็ไม่ได้ ต้องนำตัวเข้าปรับพฤติกรรมที่บ้านต่างๆ เพราะฉะนั้นอย่างที่บอกว่าทุกอย่างมันอยู่ที่คนที่จะปฏิบัติตัว ในส่วนของเจ้าหน้าที่เองก็ต้องให้ความเป็นธรรม จะเขียนกฎหมายอย่างไรก็ตามถ้าคนใช้กฎหมายไม่เข้มงวด ไม่เอาใจใส่ มีการเรียกรับผลประโยชน์ก็จะไปอีกทางหนึ่ง และอีกทางหนึ่งมีผู้ยอมเสียผลประโยชน์ เพื่อที่จะกระทำความผิด และยังปัญหาสังคมทั้งเรื่องของเด็กแว้น เรื่องการยิงกัน ความจริงไม่ควรจะเกิดขึ้นในประเทศไทย ทุกคนต้องช่วยกัน ถ้าสื่อไม่ช่วยกันตักเตือน สุดท้ายก็จะแรงขึ้นเรื่อยๆ ต้องช่วยกันอบรมทำให้สังคมรับรู้ว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว เพราะมันจะเกิดปัญหาสังคม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว