ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
เมธีธรรมาจารย์ หรือ “เจ้าคุณประสาร” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ราชวรมหาวิหาร และรองอธิการบดีฝ่ายประชานสัมพันธ์และเผยแผ่ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ออกอาละวาดอีกแล้ว โดยล่าสุดเดินหน้าปลุกระดมพระในเครือข่าย เพื่อต่อต้านหลวงปู่พุทธะอิสระ
เมธีธรรมาจารย์ ซึ่งพุทธศาสนิกชนจำนวนไม่น้อยที่เลิกนับถือว่าเป็นพระ แต่มีฐานะเป็นเพียงคนที่โกนหัวห่มผ้าเหลืองที่ฝักใฝ่ระบอบทักษิณเท่านั้น
ชายในคราบพระผู้นี้ ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เป็นหัวโจกสำคัญในการจัดชุมนุมพระที่พุทธมณฑล จนปะทะกับทหารที่มาดูแลความสงบ โดยหวังกดดันให้รัฐบาลแต่งตั้งเจ้าคุณช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็น สมเด็จพระสังฆราช
และเหิมเกริมถึงขั้น ประกาศยกกองทัพพระทั่วประเทศบุกทำเนียบ หากรัฐบาลไม่ทำตามข้อเรียกร้อง
แต่หลังจากทหารรับตัวไปพูดคุย เงียบจ๋อยไปพักหนึ่ง เพิ่งจะกลับมาจัดกิจกรรมนอกกิจสงฆ์ครั้งใหม่ โดยจะขับหลวงปู่พุทธะอิสระออกจากวงการสงฆ์
ข้อเรียกร้องให้รัฐบาลแต่งตั้งสมเด็จช่วง เป็นสมเด็จพระสังฆราชนั้น เมธีธรรมาจารย์ไม่พูดถึงแล้ว เพราะคงรู้ว่า สมเด็จช่วงฯไปไม่รอดแน่ โดยคดีรถเบนซ์ผิดกฎหมายน่าจะดิ้นไม่หลุด
และถ้าจะระดมพระมากดดันรัฐบาล ก็ไม่รู้กองกำลังพระที่จะเอาด้วยมีเท่าไหร่แน่ มากพอที่จะทำให้รัฐบาลสั่นไหวหรือไม่ เพราะอาจเป็นเพียงแค่ราคาคุยเหมือนหัวโจกเสื้อแดงเท่านั้น
ชุมนุมทีไรหัวโจกเสื้อแดงคุยโม้ว่า จะมีคนเสื้อแดงมาเป็นแสนเป็นล้าน แต่มากันจริงเพียงหยิบมือ พระเครือข่ายจีวรแดงของเมธีธรรมจารย์คงเหมือนกัน ขู่จะระดมพระมาทั้งประเทศ แต่อาจมีพระในเครือข่ายเมธีธรรมาจารย์เพียงไม่เท่าไหร่
เพราะถ้าพระส่วนใหญ่ทำตัวเป็นลูกสมุนนายทักษิณ ชินวัตรเหมือนเมธีธรรมาจารย์ ญาติโยมอาจเลิกเข้าวัดกันแล้ว จนเมธีธรรมจารย์และเครือข่ายคนห่มเหลืองต้องหุงข้าวฉันกันเอง
เมธีธรรมาจารย์นกรู้เหมือนกัน ประเมินแล้วขู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่ได้แน่ และถ้ายังดันทุรังเป็นหัวโจกปลุกระดมพระออกมาเคลื่อนไหว อาจเจอของแข็ง เจอทหารเอาจริง นิมนต์พระเข้าไปปรับทัศนติ ทำให้กองทัพพระต้องแตกกระเจิง จึงเปลี่ยนเป้าหมายใหม่
หาเรื่องรบกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ ก็หันมาหาเรื่องกับหลวงปู่พุทธะอิสระ ในฐานะเป็นพระหัวหอกฝ่ายธรรมะ เป็นพระที่นำมวลชนออกมาขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นพระที่เคลื่อนไหวเรียกร้องให้ดำเนินคดีรถเบนซ์ผิดกฎหมายของสมเด็จช่วงฯและเป็นพระที่ต่อต้านพวกอลัชชี หรือพวกจีวรแดงที่ทำตัวเป็นขี้ข้ารับใช้ “ทักษิณ”
การทำลายล้างหลวงปู่พุทธะอิสระ หมายถึงการทำลายสงฆ์ฝ่ายธรรมะ และเป็นการบั่นทอนพลังของฝ่ายที่ต่อต้าน “ทักษิณ” ไปด้วย
การประกาศระดมพระร่วมพิธี “อุกเขปนียกรรม” ซึ่งหมายถึงการไม่ร่วมสังฆกรรม ไม่ร่วมฉันด้วย ไม่อยู่ร่วมด้วย เพื่อโดดเดี่ยวหลวงปู่พุทธะอิสระนั้น เมธีธรรมจารย์อาศัยเครือข่ายมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หวังระดมพระมาเต็มสูบ
พระในเครือข่ายจีวรแดงออกมารับลูกกันเป็นแถว แอบอ้างองค์กรพุทธศาสนามากมายร่วมสนับสนุนกิจกรรม แต่ไม่รู้ว่าจะมีพระยอมให้เมธีธรรมาจารย์จูงมาร่วมพิธีสักกี่รูป และจดบัดนี้ ยังไม่มีกำหนดวันเวลาที่แน่นอน ในการทำพิธีไม่ร่วมสังฆกรรมกับหลวงปู่พุทธะอิสระแต่อย่างใด
ไม่ต้องถามหลวงปู่พุทธะอิสระว่า รู้สึกอย่างไรกับพิธี “อุกเขปนียกรรม” เพราะไม่รู้สึกอะไรอยู่แล้ว
ถ้าเทียบความเป็นพระระหว่าง หลวงปู่พุทธะอิสระกับเมธีธรรมจารย์ ต้องถือว่าเป็นพระคนละชั้น กระดูกคนละเบอร์
หลวงปู่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการถูกรังควานมาโชกโชน การชุมนุมขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ที่ถนนแจ้งวัฒนะ เจอทั้งลูกปืน เจอทั้งระเบิดไม่เว้นแต่ละวัน ยังไม่สะทกสะท้าน วัดอ้อน้อยที่จังหวัดนครปฐม ว่างๆ ก็มีคนแอบไปยิงปืนใส่ ยังไม่รู้สึกเดือดร้อน
ธุระอะไรจะให้ราคากับพระจีวรแดงที่ทำตัวเป็นลูกสมุน “ทักษิณ”
พิธี “อุกเขปนียกรรม” ไม่ต้องจัดให้เปลืองสตางค์ก็ได้ เพราะหลวงปู่พุทธะอิสระ ไม่มีวันเกลือกกลั้ว ไม่มีทางร่วมสังฆกรรมกับพวกจีวรแดงอยู่แล้ว
และเมธีธรรมาจารย์ควรออมแรงไว้ อย่ามาเสียแรงเปล่ากับหลวงปู่พุทธะอิสระเลย เพราะคดีสมเด็จช่วงยังต้องออกแรงช่วยอุ้มกันอีก คดีธัมมชโยยังจะต้องปลุกระดมพระมาช่วยกันอีกนะจ๊ะ
พิธีอุกเขปนียกรรม ถ้าจะมีจริง ต้องนิมนต์หลวงปู่พุทธะอิสระเป็นเจ้าภาพเท่านั้น เชิญชวนญาติโยมทั่วประเทศมาร่วมประกาศจุดยืน เลิกสังฆกรรมพระจีวรแดงที่ฝักใฝ่ “ทักษิณ” และไล่ให้พ้นจากวงการสงฆ์
เพราะเครือข่ายจีวรแดงกลุ่มนี้ ไม่เพียงทำให้ศาสนาเสื่อมเท่านั้น แต่ยังคอยจุดชนวนความวุ่นวายด้วย ถ้าเครือข่ายธรรมาจารย์ไม่ถูกกวาดล้าง วงการสงฆ์และบ้านเมืองไม่มีวันสงบ