เมืองไทย 360 องศา
หากสังเกตให้ดีจะพบว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินสายออกไปเยี่ยมเยียนพบปะแฟนคลับแบบถี่ยิบเป็นพิเศษมากถี่ยิบ จนมองดูเหมือนผิดสังเกต ล่าสุด เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ขึ้นเหนือไปลำปาง แพร่ แต่ละภาพที่ปรากฏเป็นข่าวออกมาล้วนออกมาประเภทเรียก “เสียงกรี๊ด” กันแบบดังลั่น มีมวลชนเข้าไปรุมถ่ายรูปล้อมหน้าล้อมหลังกันอยู่ตลอดเวลา
แน่นอนว่าหากมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาเป็นเรื่องของนักการเมืองที่จำเป็นต้องออกไปพบกับชาวบ้าน ไปพบกับฐานเสียง ก็มองแบบนั้นได้ แต่สำหรับความเคลื่อนไหวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น้องสาวของ ทักษิณ ชินวัตร คนนี้ต้องมอง “พิเศษ” ออกไปมากกว่าหลายเท่า ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจาก “ช่วงเวลา” ก็ต้องบอกว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ธรรมดา
หากพิจารณากันอย่างละเอียด เริ่มจากพื้นที่เป้าหมายก่อน เพราะส่วนใหญ่มีกจะเป็นพื้นที่ในภาคอีสาน และล่าสุด ก็เป็นภาคเหนือ ที่ผ่านมามักจะมาในแบบเดินสายทำบุญ ไว้พระ ประเภททอดกฐิน ผ้าป่า อะไรประมาณนี้ เนื่องจากคงต้องการหลีกเลี่ยงความยุ่งยากเรื่องคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เข้มข้นกว่าเดิม
แต่การเดินทางไปภาคเหนือล่าสุด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาต้องบอกว่า “ไม่มีเม้ม” อาจเรียกว่าเปิดเผยมากกว่าทุกครั้งก็ว่าได้ อาจไม่ถึงขั้นแจ้งให้ไปทำข่าวกันอย่างเป็นทางการ แต่สำหรับคนที่ติดตามมาอย่างใกล้ชิดทุกคนย่อมรับรู้ถึงกำหนดการดังกล่าว มีการเปิดโอกาสให้บรรดามวลชนคนสนับสนุนได้เข้ามากรี๊ด มาถ่ายรูปเซลฟีกันอย่างคึกคัก ซึ่งมองเผินๆ มันก็ไม่เห็นมีอะไรที่ผิดปกติอีก ก็คนมันรักมันชอบ ก็มีถ่ายรูปร่วมกันเป็นธรรมดา
แต่ขณะเดียวกัน หากมองอีกมุมหนึ่งเมื่อพิจารณาจากช่วงเวลาและสถานการณ์บางอย่างที่สำคัญ ที่เกี่ยวพันกับอนาคตข้างหน้าของเธอและคนของเธอ มันก็เหมือนกับการ “ออกแบบ” กันมาล่วงหน้าแล้ว ที่พอมองเห็นและเป็นเรื่องใหญ่ ก็คือ เรื่องคดีที่เวลานี้เธอกำลังถูกดำเนินคดีจากการใช้อำนาจมิชอบในโครงการรับจำนำข้าว ที่มีการสรุปความเสียหายออกมาแล้วว่ามีไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท และคดีกำลังเดินคืบหน้าในศาลอาญาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งจนถึงเวลานี้ก็มีการสืบพยานกันไปหลายปาก คาดว่า อีกไม่นานจนเกินไปนักก็คงจะมีการชี้ขาดออกมา ความหมายในตอนนั้น ก็คือ ต้องลุ้นคุกหรือไม่คุก นั่นเป็นคดีอาญา ยังไม่รวมคดีทางแพ่งที่จะมีการเรียกร้องค่าเสียหายตามมา
นอกจากนี้ ยังมีภาพใหญ่ที่จะกระทบกับตัวเธอ และอนาคตทางการเมืองของเธอ รวมทั้งคนในครอบครัวของเธอ ก็คือ กรณีของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่จะมีการลงประชามติกันในวันที่ 7 สิงหาคมที่จะถึงนี้ หากผ่านนั่นก็เท่ากับว่าจะส่งผลกระทบต่ออนาคตทางการเมืองของเธอและพี่ชาย คือ ทักษิณ ชินวัตร เข้าไปเต็ม ๆ เพราะมีการกำหนดคุณสมบัติต้องห้ามในเรื่องของคนที่เคยถูกถอดถอนตำแหน่งการเมือง เคยต้องคำพิพากษาจำคุก เคยถูกยึดทรัพย์ เป็นต้น คนที่มีคุณสมบัติต้องห้ามเหล่านี้จะถูกห้ามลงสนามการเมืองตลอดชีวิต ซึ่งทั้ง ยิ่งลักษณ์ และ ทักษิณ ชินวัตร โดนเข้าไปเต็มๆ
อย่างไรก็ดี เมื่อมองความเคลื่อนไหวของยิ่งลักษณ์ แล้วก็ต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่นพร้อมกันไปด้วย เพื่อได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น จะได้มองเห็นที่มาที่ไป นั่นคือ การเคลื่อนไหวของบรรดาเครือข่าย ซึ่งเวลานี้โดดเด่นแหลมออกมาเช่นเดียวกัน คือ ความเคลื่อนไหวของพวก นปช.ที่กำลังโปรโมตตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติกันทั่วประเทศ หากมองกันเผินๆ ก็ไม่น่ามีอะไร น่าจะเป็นเรื่องดี เพราะบอกว่าจะมาช่วยกับปราบปรามการทุจริต และจะช่วยกันรณรงค์ให้คนออกมาลงประชามติกันให้มากที่สุด แต่นั่นเป็นเพียงภาพฉาบฉวยที่หลายคนมองออก เชื่อว่า ทางฝ่ายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็มองออก ว่า เป็นเจตนาแอบแฝง มีเบื้องหลังต้องการป่วน แม้ไม่แสดงออกมาให้เห็นว่าต้องการให้ “คว่ำร่าง” แต่เมื่อพิจารณาจากแบ็กกราวนด์ในอดีตมันก็เอนเอียงไปทางนั้น
ส่วนกรณีความเคลื่อนไหวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มีความหมายสอดคล้องกัน และอาจมีผลตามมาสองสามเด้ง ไม่ว่าจะเป็นการจุดกระแสมวลชนเตรียมเอาไว้รองรับอนาคตข้างหน้าที่เธอต้องเจอ นั่นคือ เรื่องแรกคดีในศาลที่งวดเข้ามา และผลประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งนาทีนี้ยังไม่ชัวร์เต็มร้อยว่าจะมีวันลงประชามติหรือไม่ หรืออาจป่วนจนยกเลิกไปก่อน หรือคว่ำแล้วป่วนก็เป็นไปได้ทุกทาง แต่การปลุกกระแสแบบ “สร้างสัญลักษณ์” ให้เห็นแบบนี้มันก็มีนัยออกมาให้เห็นโดยไม่จำเป็นต้องพูดออกมาสักคำก็ได้
ดังนั้น ก็คอยจับตามองก็แล้วกันว่า การเดินสายแบบนี้ ทั้งตัวเธอและเครือข่ายจะออกมาอย่างต่อเนื่องและถี่ยิบมากขึ้นเรื่อยๆ!!