รมต.สำนักนายกฯ เผย เว็บหมิ่นสถาบันฯ 100% ไม่ได้โพสต์ในประเทศ ผิดกับหลายปีก่อนที่ผู้มีอำนาจปล่อยปละ พูดอย่างทำอย่าง ปล่อยคนใกล้ตัวหมิ่นฯ ชี้ พวกโพสต์หมิ่นฯอยู่ใน ตปท. อุบไต๋รายละเอียด ยันดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (7 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ เปิดเผยว่า จากการประชุมเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. เพื่อติดตามการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่สถาบันสำคัญของชาติ ในส่วนของเว็บไซต์ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่สถาบันสำคัญของชาติต่อที่ประชุม กรณีที่ 1 ไม่มีการโพสต์ภายในประเทศ ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่า 100% เนื่องจากพี่น้องประชาชนชาวไทย ลูกหลานเยาวชน มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และมีความเคารพรัก เทิดทูน และสำนึกในบุญคุณใหญ่หลวงของสถาบันฯ อย่างบริสุทธิ์ใจ และจริงใจ ผิดกับในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ผู้มีอำนาจทางการเมืองปล่อยปละละเลยอย่างมาก ทำแบบไม่ตั้งใจทำ เข้าทำนองพูดอย่าง แต่ประพฤติปฏิบัติอีกอย่าง ปล่อยให้คนใกล้ตัวพูดจาลบหลู่ดูหมิ่นเสียเองอย่างไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น อันถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย แต่การเล่นการเมืองที่ไม่มีระเบียบแบบแผนและสร้างสรรค์ ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเอกลักษณ์ของชาติ และจารีตประเพณีของชนชาติไทย
ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า กรณีที่ 2 ถามว่า การเผยแพร่ภาพและข้อความอันเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายแก่สถาบันสำคัญของชาติ ที่ยังปรากฏอยู่ให้เห็น สามารถกล่าวได้ว่าเป็นการโพสต์เผยแพร่ทั้งภาพและข้อความจากต่างประเทศทั้งสิ้น โดยกลุ่มบุคคลที่ไม่รักประเทศไทย ไม่รู้ซึ้งถึงหัวอก และความรู้สึกนึกคิดของประชาชนคนไทย เป็นการมุ่งทำร้ายจิตใจคนไทยและลูกหลานเยาวชนไทย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ขอเปิดเผยชื่อหน่วย พยายามประสานทั้งทางตรงและทางอ้อมกับทุกหน่วยงานของต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งแม้จะมีกำหนดกฎเกณฑ์หลายขั้นตอน ให้เกิดความเข้าใจและความร่วมมือกับประเทศไทย หน่วยงานที่รับผิดชอบดังกล่าวรายงานด้วยว่า ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น คือ เมื่อมีการลบออก ก็จะมีกลุ่มบุคคลเหมือนรับการว่าจ้างนำขึ้นโพสต์ซ้ำ โดยการเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนรูปภาพ และเปลี่ยนรหัสทันที ส่วนการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนราชการและหน่วยงานรับผิดชอบ มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องภายใต้ระบบรัฐปัจจุบัน รวมถึงการให้ความรู้ความเข้าใจแก่บุคคลและองค์กร