เลขาธิการ คสช.ระบุสถานการณ์บ้านเมืองเรียบร้อย ตำรวจทุ่มเทคลี่คลายคดีสำคัญ ประชาชนศรัทธา กำชับทหารปราบผู้มีอิทธิพลร่วมกับตำรวจใกล้ชิด เผยประชาชนอยากได้บ้านเมืองสงบแบบนี้ ทำมาหากินได้ พร้อมขับเคลื่อนนโยบายรัฐ แย้มเตรียมฟ้อง “วัฒนา” บิดเบือนข้อมูลโจมตี ไม่ห้ามบุคคลบัญชีดำไปต่างประเทศ โยน กต.ดูเรื่องพาสปอร์ต “จาตุรนต์” ถูกยกเลิก
วันนี้ (6 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมสำนักงานเลขาธิการ คสช. โดยมี พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ คสช.ว่า พล.อ.ธีรชัยได้ระบุถึงภาพรวมสถานการณ์ต่างๆ ของบ้านเมืองในขณะนี้ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย โดยเฉพาะในสัปดาห์ที่ผ่านมามีความคืบหน้าในการคลี่คลายคดีความสำคัญและคดีที่สังคมสนใจ แสดงถึงความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา ส่วนเรื่องการปราบปรามผู้มีอิทธิพล บ่อนการพนัน ยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ประสานการปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิด หากพื้นที่ใดมีการกระทำผิดให้เข้าดำเนินการทันที ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน และให้ผู้กระทำผิดมีความเกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง รวมทั้งในเรื่องสถานบริการและร้านอาหารก็ต้องดูแลให้ปฏิบัติตามกฎหมายด้วย
“ในช่วงที่ผ่านมา คสช.ได้รับเสียงสะท้อนจากประชาชนว่าต้องการให้สถานการณ์บ้านเมืองสงบเรียบร้อยเหมือนที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เพราะสามารถประกอบอาชีพและดำเนินชีวิตได้ตามวิถีของตน ซึ่ง คสช.น้อมรับในเสียงสะท้อนดังกล่าวและเจ้าหน้าที่ทุกคนจะยังคงปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่ในเรื่องการดูแลความปลอดภัย สนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐ รวบรวมและรับทราบปัญหาของประชาชนอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันจะยังติดตามและมีมาตรการในการป้องกันไม่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาทำลายบรรยากาศความสงบสุขของประเทศ หรือไม่เคารพกฎหมายตลอดช่วงเวลาของการดำเนินตามโรดแมปที่วางไว้” พ.อ.หญิง ศิริจันทร์กล่าว
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์กล่าวว่า คสช.ยังคงมาตรการเดิมที่เรามีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคำสั่ง การขอความร่วมมือ สิ่งหนึ่งที่ คสช.ดำเนินการ คือ นำกฎหมายปกติมาเป็นกรอบในการแก้ปัญหาในทุกเรื่อง สิ่งที่ คสช.ดำเนินการ ยังไม่มีการออกมาตรการอื่นใดนอกเหนือจากที่มีอยู่ที่จะทำให้สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนการแสดงความคิดเห็นของบุคคลเดิมๆ อาทิ นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทยนั้น คสช.อยากให้อยู่บนพื้นฐานของความจริงใจ และความเป็นไปได้ ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่นให้เกิดความเสียหาย หากมีอะไรที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร ต่อบุคคล ก็เป็นสิทธิอันโดยชอบธรรมที่บุคคล หรือองค์กรนั้น จะใช้สิทธิตามกฎหมายในการดำเนินการ ต่อการการโทษกล่าวร้าย หรือการบิดเบือนข้อมูล ซึ่งการดำเนินการต่อไปคงจะออกไปในทิศทางนั้น
เมื่อถามว่า กรณีที่ คสช.ผ่อนคลายมาตรการและอนุญาตให้นักการเมืองที่เคยถูกเชิญตัวสามารถเดินทางไปต่างประเทศ จะยังติดตามความเคลื่อนไหวบุคคลเหล่านั้นหรือไม่ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์กล่าวว่า การเดินทางไปต่างประเทศของบุคคลใดเป็นสิทธิอันชอบธรรมของบุคคลนั้น จะไปทำอะไร เรื่องอะไร ทาง คสช.คงไม่ไปก้าวล่วง คงดูอยู่ห่างๆ ถ้าไม่มีอะไรที่ปรากฏต่อสาธารณะอย่างชัดเจนว่ามีการกระทำอันใดที่ส่งผลต่อความเรียบร้อยของบ้านเมือง คสช.ก็เคารพในกิจวัตรของทุกท่าน ไม่ได้ติดตามอะไรเป็นสำคัญ
เมื่อถามว่าในส่วนของนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่ถูกยกเลิกหนังสือเดินทางไปนั้น ทาง คสช.จะมีการคืนให้หรือไม่ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์กล่าวว่า เป็นไปตามกระบวนการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีข้อกำหนดอยู่ว่า ตรงไหนให้ได้ หรือต้องระงับ หรือตรงไหนสามารถผ่อนผันได้ คงจะต้องเป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ คสช.คงไม่ไปก้าวล่วงตรงนั้น หลักพื้นฐานการได้พาสปอร์ต หรือหนังสือเดินทางในฐานะคนไทย ท่านสามารถเข้าสู่กระบวนการที่เกี่ยวข้องได้ แต่ถ้าทำผิดมีข้อติดขัดในเรื่องของกฎหมาย มีคำสั่งศาล ก็เป็นดุลพินิจของหน่วยงาน ที่จะพิจารณาที่ไม่สามารถจะออกให้ได้
ส่วนการที่ คสช.เคยอายัดบัญชีทรัพย์สินของนักการเมืองบางคนนั้น คงต้องไปดูที่มาที่ไปก่อนว่า สาเหตุของการระงับธุรกรรมทางการเงิน ของบุคคลใดบุคคลนั้นมีที่มาที่ไป มีพื้นฐานความผิด มีพฤติกรรม และมีข้อบ่งชี้ชัดเจนอย่างไร ซึ่งเป็นเงื่อนไขหลักของ คสช. ถ้าเขาสามารถชี้แจงทำให้สังคมหรือกระบวนการตรวจสอบได้มั่นใจว่าได้ดำเนินการทุกอย่างบนความถูกต้อง ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องไปอายัดทรัพย์