xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ว่าฯ สตง.เร่ง TOT เอาผิด AIS ห้ามเข้าสถานีเสาฐาน สอบรายได้ ทอท.จากคิงเพาเวอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (แฟ้มภาพ)
“ชาญชัย” เผยอนุ กมธ.ศึกษากลไกปราบโกง เชิญผู้ว่าฯ สตง.แจงเอไอเอสห้ามทีโอทีเข้าสถานีเสาฐานเสียโอกาสตามสิทธิสัมปทาน จี้เร่งเอาผิดตามกฎหมาย เล็งสอบ ทอท.ขาดรายได้จากคิงเพาเวอร์หรือไม่ คาดมีเงินนอกระบบ เลี่ยงภาษีจำนวนมาก

วันนี้ (1 มิ.ย.) นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษากลไกปราบปรามทุจริต ในคณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เปิดเผยหลังการประชุมอนุ กมธ.ว่า ที่ประชุมพิจารณาความคืบหน้ากรณีศาลฎกีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งตั้งแต่ปี 2553 ให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กระทรวงการคลัง และกระทรวงไอซีที ร่วมกันติดตามทวงเงินจำนวน 1.2 แสนล้านบาท จากบริษัท เอไอเอส จำกัด (มหาชน) ให้แล้วเสร็จโดยไม่ยืดเยื้อ และให้เร่งตรวจรับอุปกรณ์ เสาฐาน เครื่องส่งสัญญาณ ที่บริษัทได้หมดสัญญากับทีโอทีไปแล้วจำนวน 1.6 หมื่นเสาฐาน มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท

โดยอนุ กมธ.ได้เชิญนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มาชี้แจง โดยนายพิศิษฐ์ระบุว่า กรณีเสาฐานฯ 1.2 แสนล้านบาท สตง.ได้มีหนังสือเลขที่ ตผ.0027/1914 ลงวันที่ 18 พ.ค. 2559 ไปให้บริษัททีโอทีเร่งตรวจสอบแล้ว พบว่า บริษัท เอไอเอส ไม่ได้มอบกุญแจ และไม่ให้เจ้าหน้าที่บริษัท ทีโอที เข้าไปยังสถานีเสาฐานเพื่อควบคุมการทำงานเสาฐานที่อยู่ภายในทั้งหมดซึ่งเป็นทรัพย์สินของรัฐ ทำให้บริษัท ทีโอที เสียโอกาสในการบริหารจัดการเสาฐานตามสิทธิสัมปทานที่หมดไปตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. 2558 โดย สตง.ได้ย้ำให้ทีโอทีเร่งดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัดเพื่อนำทรัพย์สินของรัฐกลับมาเป็นของรัฐโดยด่วนหลังจากเสียโอกาสมาหลายปี

นอกจากนี้ นายพิศิษฐ์ยังได้ชี้แจงกรณีบริษัท คิงเพาเวอร์ ไม่ทำตามสัญญาในการรับอนุญาตขายสินค้าปลอดอากร และสัญญาร้านค้าเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ของบริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) โดยนายพิศิษฏ์ระบุว่าจะกลับไปตรวจสอบการรับรายได้ของบริษัท การท่าอากาศยานไทยฯ จากบริษัท คิงเพาเวอร์ว่าจะครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ ถ้าไม่ครบถ้วนหรือขาดรายได้ของรัฐที่พึงจะได้ว่าเป็นจำนวนเท่าไหร่ เช่น กรณีการเรียกเก็บเงินกินเปล่าจากร้านค้าในพื้นที่การท่าฯ ทั้งที่ บริษัท คิงเพาเวอร์ไม่มีอำนาจทำสัญญาย่อยกับร้านค้า แต่เป็นอำนาจของการท่าอากาศยานไทย ซึ่งในสัญญาย่อยระบุไม่ให้เก็บเกิน 20% ของรายได้ เพราะโดยข้อเท็จจริงถือเป็นรายได้ที่ต้องส่งให้การท่าฯเพื่อนำส่งคืนคลังเป็นรายได้ของรัฐ ไม่ใช่รายได้ของบริษัทเอกชน โดย สตง.จะตรวจสอบทานกับกรมสรรพากร ซึ่งตามมาตรา 42 (5) ของ พ.ร.บ.สตง.สามารถอายัดบัญชีงบดุล การเงินที่เกี่ยวข้องกับเงินรายได้ของแผ่นดินทั้งหมดซึ่ง สตง.คาดว่า จะมีเงินนอกระบบทั้งในส่วนการเก็บเงินกินเปล่า รวมถึงการเลี่ยงภาษีเป็นเงินจำนวนมาก โดย สตง.จะตรวจสอบและจะมารายงานกับที่ประชุมอนุ กมธ.ในวันที่ 6 มิ.ย. สำหรับในส่วนของอนุ กมธ.ก็จะมีคณะทำงานเพื่อตรวจสอบข้อมูลที่มีเพื่อตรวจทานยอดความเสียหายของรัฐว่าข้อมูลของกรมสรรพากร และสตง.ตรงกันหรือไม่ อย่างไร และจะสรุปผลเพื่อรายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น