นายกฯ แสดงวิสัยทัศน์ในงาน “ดิจิทัลไทยแลนด์ 2016” ย้ำขับเคลื่อนอัปเกรดไทยแลนด์ 4.0 พร้อมออกกฎหมาย 7 ฉบับ พร้อมรับความคิดสร้างสรรค์ และใช้ระบบดิจิตอลสร้างความเข้าใจระหว่างประชาชนและรัฐ ย้ำไม่ให้เกิดปัญหาทุจริต ตั้งโจทย์ทำยังไงให้สังคมเรียนรู้โลกออนไลน์มากกว่าคุยกัน บ่นข่าวการเมืองเกินไปหน่อย หวั่นบ่อเกิดความขัดแย้ง แนะใช้โซเชียลฯ สร้างสรรค์ แจงไม่ได้บังคับใคร ทำให้อยู่ในกรอบ วอนต่างชาติเชื่อมั่นว่าจะดูแลปกป้องธุรกิจอย่างดีที่สุด
วันนี้ (26 พ.ค.) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปาฐกถาพิเศษแสดงวิสัยทัศน์ “การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล” ในงาน “ดิจิทัลไทยแลนด์ 2016” ตอนหนึ่งว่า วันนี้ตนมาแสดงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการพัฒนาศักยภาพของประเทศ เพื่อขีดความทันสมัยก้าวสู่การเป็นไทยแลนด์ 4.0 โดยใช้ดิจิตอลมาเป็นเครื่องมือ สนับสนุนการพัฒนาประเทศซึ่งทั่วโลกเองก็กำลังดำเนินการ ยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะขับเคลื่อนให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว เพื่อเตรียมความพร้อมประเทศไทยให้มีศักยภาพพร้อมทุกอย่างที่จะเป็นศูนย์กลางในทุกเรื่อง แต่ยืนยันจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ที่ผ่านมารัฐบาลโดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และจะขับเคลื่อนให้ได้โดยเร็วภายในปีนี้ ซึ่งการทำงานเราจะต้องมีจุดมุ่งหมาย และแก้ปัญหาอุปสรรคให้ถึงเป้าหมายให้จนได้ ดังนั้น ทุกหน่วยงานจะต้องมีการปรับปรุงการทำงานใหม่ กำหนดจุดมุ่งหมายการบูรณาการ กำหนดบทบาทให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เพราะถ้าเราทำงานแบบเดิมๆ ไม่ปฏิรูปตัวเอง ไม่ปฏิรูปหน่วยงานหรือภาคธุรกิจก็คงจะเป็นปัญหา เพราะทั้งหมดมีการเชื่อมโยงกันทั้งสิ้น และเมื่อมีการปรับปรุงบทบาทแล้วก็ต้องมาดูในเรื่องของกฎหมาย รัฐบาลนี้ได้เสริมกฎหมาย 7 ฉบับเกี่ยวกับเรื่องของดิจิตอลซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภามีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขับเคลื่อน แต่ยอมรับว่าบางอย่างอาจจะช้าบ้าง แต่เราก็ต้องเดินคู่ขนานไปพร้อมๆ กันให้ได้ทั้งภาครัฐและประชาชน และส่วนหนึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากต่างประเทศด้วย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เราต้องเผชิญความท้าทายหลายอย่าง รวมถึงความท้าทายขีดความสามารถการพัฒนาด้านการเกษตร อุตสาหกรรม ที่ทำให้ประเทศต้องติดกับดักรายได้ปานกลางซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย วันนี้รัฐบาลพยายามทำทึกอย่างเพื่อเร่งพัฒนาประเทศ ยืนยันว่ารัฐบาลมีความพร้อมเสมอในการพัฒนาทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม แต่ทั้งหมดต้องพัฒนาในเรื่องของนวัตกรรมเข้ามาร่วมด้วย รวมทั้งการปรับตัวเข้ากับเศรษฐกิจของโลก ถ้าเราไม่เร่งพัฒนาก็จะทำให้เสียโอกาส เพราะไม่ทันกับโลก เพราะฉะนั้นเรื่องของดิจิตอลจึงเป็นเรื่องสำคัญ
“สิ่งสำคัญจะต้องทำให้ทุกคนมีความเข้าใจที่ตรงกัน พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็น ความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งข้อทักท้วงต่างๆ รัฐบาลนี้พร้อมและยินดีขอให้มีการเสนอขึ้นมาแต่ขอให้เป็นความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์ เพราะเรากำลังปฏิรูปกันอยู่ ทุกวันนี้จะมีการพูดถึงประเทศที่มีรายได้น้อย และประเทศที่มีรายได้มาก คนรวยคนจน คนเมือง คนชนบท ทำอย่างไรที่จะให้เกิดความเท่าเทียม 2 อย่าง คือ กฎหมาย ซึ่งทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันให้มีความเท่าเทียม แต่ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ ต้องพิจารณาในเรื่องของสิทธิมนุษยชน และสิทธิเสรีภาพควบคู่กันไปด้วย ดังนั้น ประเทศไทยเองก็ต้องกลับมาทบทวนดูว่าสิ่งที่ทำทุกวันนี้ผิดกฎหมายหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้สามารถใช้ระบบดิจิตอลสร้างความเข้าใจได้ ทั้งในเรื่องของประชาสัมพันธ์การสร้างความเข้าใจระหว่างประชาชนและบุคลากรของรัฐ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นอกจากนี้ รัฐบาลนี้ยืนยันจะไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน จะต้องลดและปราบปรามสิ่งเหล่านี้ไม่ว่าใครก็ตามหากมีการเรียกร้องรับผลประโยชน์รัฐบาลนี้จะดำเนินการโดยเด็ดขาด โดยทุกคดีจะนำเข้าสู่ขั้นตอนและกระบวนการยุติธรรม ใครมีข้อมูลหลักฐานขอให้แจ้งเข้ามา โดยเฉพาะจากภาคธุรกิจ เอกชน และต่างประเทศ ยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ใดๆ เราจะทำให้ประเทศเป็นธรรมาภิบาลโปร่งใสทุกเรื่อง อดีตก็คืออดีตมันเป็นเหมือนกันเกือบทุกประเทศที่ผ่านมาวันนี้เราจึงต้องพัฒนาให้ทัดเทียมกันให้ได้ แต่ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันจะต้องหมดสิ้นไป
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราจะต้องทำอย่างไรให้สังคมเกิดการเรียนรู้จากข้อมูลโลกออนไลน์ ไม่ใช่ไว้คุยกันอย่างเดียว อย่างตนก็ต้องการรับข่าวสารในหลายด้านเพื่อนำมาสู่การแก้ปัญหา จะมาบอกว่าตนไม่เปิดช่องทางไม่ได้ เพราะตนก็ดูจากโซเชียลมีเดีย ศึกษาจาก ครม. และกระทรวง ถึงจะพูดออกมาได้ ตรงนี้เป็นสิ่งที่พัฒนาประเทศซึ่งเราจะต้องใช้ดิจิตอลอีโคโนมีในการเรียนรู้ หรือใช้ประโยชน์ในการลงทุน มากกว่าจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันหรือความบันเทิงอย่างเดียว ก็ต้องขอโทษที่ต้องให้ฟังตนพูดทุกวันศุกร์ ขอเวลาหน่อยเท่านั้นเอง และจะพยายามให้เวลามากขึ้นไปเรื่อยๆ
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เราต้องใช้เฟซบุ๊คหรือโลกออนไลน์ให้เกิดประโยชน์ในเรื่องอย่างอื่นบ้าง เช่น ข่าวการเมืองก็เกินไปหน่อย รับกันไปกันมาก็เชื่อกันบ้างไม่เชื่อกันบ้าง เพราะในใจเรามีชอบและไม่ชอบในใจอยู่เเล้ว ซึ่งตนห้ามไม่ได้ใครจะชอบหรือเกลียด แต่ปัญหาเราจะต้องมีภูมิคุ้มกันไม่ว่าจะทำอะไร ต้องรู้เท่าทัน จะอ่านทุกอย่างเเล้วเชื่อทุกอย่างไม่ได้ ควรเลือกที่เชื่อ เลือกที่จะเสพหรือฟัง ไม่อย่างนั้นจะเป็นบ่อเกิดของความขัดเเย้ง
“ทุกเรื่องผมตัดสินให้ไม่ได้ ต้องเป็นไปตามกฎหมาย หากผมตัดสินเองจะมีผู้ได้กับเสีย ฉะนั้นทุกคนต้องรู้กฎหมาย และต้องรู้ว่ากฎหมายพัฒนาไปถึงไหนเเล้ว รัฐบาลเเก้ปัญหานี้มาตลอด 2 ปีในการทำกฎหมายใหม่ทั้งหมด ให้เป็นสากลมากกว่าเดิม” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เราต้องปฏิรูปให้เร็วที่สุด ขณะนี้ตนกำลังทำอยู่ เเละเมื่อมีการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยเกิดขึ้น ก็ต้องเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ 20 ปี รัฐบาลใหม่ก็ต้องเดินตามนี้ ตีกรอบจะต้องทำอะไรบ้าง ไม่ใช่ว่ามาบังคับ ถือเป็นเรื่องของรัฐบาลใหม่ที่ต้องใช้อำนาจการบริหาร และต้องทำต่อในสิ่งที่ตนดำเนินการไปให้ได้ อย่าคิดว่าตนไม่อยู่เเล้วจะทำไม่ได้ มันต้องทำให้ได้ เพราะมันเป็นประเทศ อีกทั้งต้องสร้างความเชื่อมั่นด้วย
นายกฯ กล่าวว่า เราต้องใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ให้เป็นสังคมที่สร้างสรรค์มากกว่าเป็นสังคมที่มีความขัดเเย้ง โดยผู้ประกอบการต้องมีการตรวจตรา อย่าให้มีการมากล่าวหาว่าเราใช้อำนาจ เพราะเราไม่สามารถไปก้าวล่วงใครได้อยู่เเล้ว ตนต้องการทำให้อยู่ในกรอบเท่านั้น ไม่เคยบังคับใคร และทำอย่างไรไม่ให้มีผลกระทบทางลบต่อชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะนักเรียนและนักศึกษาที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับสังคมออนไลน์ กลับบ้านไปก็เล่นเกม พ่อแม่ก็มีปัญหาเพราะต้องไปหาเงินมาซื้อรุ่นใหม่ๆ มาให้ พอหาไม่ได้ก็เกิดหนี้ครัวเรือน เพราะไม่มีความพร้อม ฉะนั้นเราต้องพัฒนาจิตสำนึก แนวคิดเยาวชน ตั้งเเต่ชั้นอนุบาล เพราะความคิดของเด็กเติบโตไปมาก ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ
“เมื่อวานผมไปพูดกับชาวอีสานที่นครราชสีมากว่าพันคน เขาก็ยินดีที่โครงการต่างๆ ของรัฐบาลลงไปแล้วเกิดประโยชน์ เพราะเขาได้ในสิ่งที่ช่วยเหลือเขาในการประกอบการ อย่างงบประมาณโครงการตำบลละ 5 ล้าน ที่สามารถลงไปดำเนินโครงการต่างๆ ได้ ส่วนที่มีการทุจริตเป็นคนละเรื่อง ไม่ใช่ทุกอย่างมีการทุจริต ก็ต้องไปหากัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า คนไทยทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจเพื่อให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่โมเดลเศรษฐกิจดิจิตอล ซึ่งรัฐบาลพร้อมส่งเสริมเพื่อให้เป็นทางเลือกเศรษฐกิจประเทศ และวันนี้เราเป็นมิตรกับทุกประเทศ เราไม่มีเลือกข้างเพราะประเทศเราเป็นประชาธิปไตย ที่ตนเองเข้ามาขอให้เกิดความเชื่อมั่น เป็นประชาธิปไตยที่ยั่งยืน และไม่คิดทำลายประชาธิปไตย แต่วันนี้จำเป็นต้องเดินแบบนี้ สุดท้ายขอให้ต่างประเทศเชื่อมั่นว่าตนจะดูแล ปกป้องธุรกิจของพวกท่านอย่างดีที่สุด ให้กับเหมือนกับธุรกิจของไทยเอง พร้อมก้าวไปสู่สังคมดิจิตอลไทยแลนด์ 4.0 อย่างดีที่สุด