“ประยุทธ์” มอบโนยบายสานงานพลังประชารัฐ ลั่นวันนี้ไทยไม่มีรากหญ้า มีแต่รากแก้ว ขอผู้ว่าฯ ทำงานเพื่อ ปชช. ร่วมเปิดไฟฉายส่องความหวังปลายอุโมงค์ ขู่อย่าปล่อยถ่านหมด ขอร่วมทำให้ชาติพ้นความขัดแย้ง ฉะคนไทยเปิดประตูให้ข้าศึกเข้าทำลายชาติ โอดทำดี-ไม่ดี โดนด่าทุกวัน เปรียบตัวเป็นเม่น ต้องพองตัวกันคนรังแก พร้อมให้อภัยคนไม่ดี ถ้าเคารพ กม. ปลุก ปชช.บอยคอตคนโกง อย่าเชื่อพวกบิดเบือน
วันนี้ (29 เม.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานกล่าวมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานสานพลังประชารัฐเพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐระดับพื้นที่ และร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามการจัดตั้ง “บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีประเทศไทย จำกัด”
นายกฯ กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า วันนี้ถือเป็นการทำงานร่วมกันว่าจะเดินหน้าประเทศได้อย่างไร ตนเห็นด้วยกับคำรายงานที่ว่าเรากำลังเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ถือว่าวันนี้เราต้องเริ่มหาไฟฉายเพื่อนำทางซึ่งจะต้องนำพาโดยภาครัฐโดยมีภาคประชาสังคมและประชาชนจับมือกัน วันนี้เรากำลังเดินหน้าทั้งระบบทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง การแก้ปัญหาทุกอย่างเราต้องเริ่มจากต้นทางแห่งปัญหา เหมือนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชกระแสรับสั่งในด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาอยู่แล้วว่าเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา วันนี้เราต้องเข้าใจศักยภาพในแต่ละพื้นที่และเข้าใจประชาชน ทั้งหมดเพื่อให้ประชาชนมีความสุข มีรายได้ที่เพียงพอ
“ผมคิดว่าสิ่งที่เริ่มต้นทำกันวันนี้ เป็นการใช้ไฟฉายขนาดใหญ่ส่องนำทิศทาง และมองทุกปัญหาร่วมกัน จะใช้ไฟฉายขนาดเล็กไม่ได้ แสงไม่พอ เพราะความมืดปกคลุมเมฆหมอกมืดดำครอบคลุมประเทศมานาน ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจจะเบื่อที่ต้องฟังผมพูดบ่อย แต่ท่านคือกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนทุกอย่าง ต้องรู้และทำทุกเรื่องในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขระดับพื้นที่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า เราต้องนำปัญหาทุกอย่างมารวมกันโดยยึดหลักการนำประเทศไปสู่ความปลอดภัย สงบเรียบร้อยอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตนไม่ต้องการให้สถานการณ์มีความรุนแรง หลายอย่างมีความก้าวหน้า แต่บางอย่างก็มีความฉุดรั้งจากความไม่เข้าใจและการบิดเบือน หรือทวีความรุนแรงมากขึ้นในทุกมิติ วันนี้ต้องทำให้ประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรมีความเข้าใจอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นจะถูกผู้ที่ไม่หวังดีนำไปบิดเบือนและทำให้การแก้ปัญหาช้าลง เราได้พูดคุยกันมาหลายครั้ง และตกลงร่วมกันว่าจะตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมืองด้วยความเสียสละ แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไปหากเราร่วมมือกัน
นายกฯ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลต้องการทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข ประเทศเข้มแข็ง มีขีดความสามารถสูงขึ้น ถ้าทุกอย่างช้าลงเนื่องมาจากการบิดเบือนและความไม่ไว้วางใจ การแก้ปัญหาก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนจึงต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจเพราะเวลาเรามีจำกัด ต้องเร่งรัดให้ทุกกิจกรรมเกิดขึ้นภายในปี 2559 จะช้าไปกว่านี้ไม่ได้ ถ้าไม่เริ่มต้นหรือเปิดไฟฉายไว้ประเทศก็อาจจะกลับไปมืดเหมือนเดิม อุโมงค์ก็ไปไม่พ้นเสียทีติดกับดักตัวเอง เราต้องเอาวิกฤตที่ตนเข้ามาในวันนี้ทำให้เป็นโอกาสในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันวางโรดแมปให้ชัดเจน ผู้ว่าฯ ต้องเปิดไฟฉายตลอด ไม่ใช่เปิดๆ ปิดๆ หรือปล่อยให้ถ่านหมด
นายกฯ กล่าวต่อว่า เราต้องเข้าใจปัญหาของประเทศถึงจะเข้าถึงว่าจะแก้ปัญหากันอย่างไรให้เกิดความสมดุล ประเทศชาติปลอดภัย จึงขอให้ทุกคนนำปัญหาทั้งหมดที่รัฐบาลและ คสช.ทำมา 2 ปีกว่าๆ มาช่วยกัน มันไม่ยากและไม่ง่าย แต่ถือเป็นความท้าทายที่เราต้องเอาชนะให้ได้ ท้าทายอุปสรรคต่างๆ เพราะถือเป็นปัญหาของคนไทย แต่ถ้าใครไม่ใช่คนไทยก็ไม่เป็นไร เพราะวันนี้หนีไปอยู่ต่างประเทศกันเยอะ แต่ขณะเดียวกันเราก็มีมิตรประเทศเยอะ แต่ในประเทศก็อาจจะมีปัญหากันหน่อย ทะเลาะกันเอง
“ผมอดไม่ได้ที่จะพูดเพราะออกจากห้องนี้ไปสื่อก็จะตั้งคำถาม อาจารย์สมคิด (จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ) บอกตลอดให้ผมใจเย็นๆ แต่ผมเองขนาดนอนก็ยังร้อนเลย เพราะฉะนั้นความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันเป็นสิ่งที่เป็นพื้นฐาน ไว้วางใจผมที่เข้ามา ไว้ใจอาจารย์สมคิดและ ครม. ทุกคนมีความตั้งใจที่จะทำงานและขับเคลื่อนทุกอย่าง ผู้ว่าฯ เองไม่ต้องหนักใจหรือคิดว่าอะไรก็โยนให้ผู้ว่าฯ ก็เพราะท่านเป็นผู้ว่าฯ ที่ได้ทำงานทั้งหมดต่างพระเนตรพระกรรณ ถ้ามัวแต่ขัดแย้ง ปัญหาก็ไม่ได้แก้ ผมมีช่องทางให้ได้พูดอยู่แล้ว ผมเองก็พร้อมรับฟังทุกคน ประเทศไทยเป็นประเทศไม่ใช่เล็ก ปัญหามีมาก เราต้องลบล้างความเข้าใจเก่าๆ ที่อาจจะไม่ถูกต้องและเคยสร้างปัญหา วันนี้โลกไม่คอยใคร อย่าให้ประเทศต้องถอยหลังไปอีก” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ตนยังอยู่ตรงนี้ก็ต้องช่วยกันปฏิรูปประเทศ แต่ตนจะไม่ได้รื้อโครงสร้างใหญ่ๆ ขอทำงานตรงนี้ให้ได้ก่อนเพราะเรารอไม่ได้ แต่จะให้แก้เรื่องที่วุ่นทั้งหมดพร้อมกันทำไม่ได้ เพียงแต่จะทำทุกอย่างก่อนจะถึงปี 2560 ให้สามารถจับต้องได้ ตนเอาแผนปฏิรูปให้ต่างประเทศดูส่วนใหญ่ เขาชื่นชมว่าเรามีแนวทางและรายละเอียดมากกว่าประเทศอื่นๆ
“ผมไม่ได้คุยโม้ ให้เขาดูว่าประเทศมีความพร้อมอย่างไร และติดกับดักอะไรบ้าง รัฐบาลและ คสช.ได้แก้ไขอย่างไร เราจึงจำเป็นต้องทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาขับเคลื่อนโดยต้องไม่มีความขัดแย้งเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เราต้องไปด้วยกันโดยลดความขัดแย้ง แสวงหาความร่วมมือและบูรณาการในทุกด้าน โดยประชาชนต้องมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะมีความเห็นต่าง แต่ด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ก็ต้องรับฟัง ไม่ต้องห่วงหากใครทำผิดกฎหมายก็มีบทลงโทษ เจ้าหน้าที่พร้อมดูแลให้อยู่แล้วถ้าไม่ผิดก็ไม่มีใครไปลงโทษ ผมเป็นคนให้โอกาสคนอยู่แล้ว แต่คนที่มักทำความผิดมักจะไม่ใช้โอกาสเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ แต่กลับใช้วิธีพวกมากลากไป วันนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ถ้าเราแก้ปัญหาช้า ปัญหาเดิมก็จะสะสมมากขึ้นจนก่อให้เกิดปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก ความขัดแย้งก็จะกลับมา การทำงาน 2 ปีที่ผ่านมาก็จะล้มเหลวทั้งหมด ผมไม่ได้ดูถูกใคร พร้อมรับฟังเสียงจากทุกคนที่มีเจตนาบริสุทธิ์ วันนี้เราร่วมมือกันพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก จะไม่มีความว่ารากหญ้าอีกต่อไป จะมีแต่รากแก้วคือประชาชนทุกคนที่จะสามารถทำให้ต้นไม้แข็งแรง ถ้าเราไม่มีรากแก้ว ทุกอย่างก็ล้มทั้งหมด ที่ผ่านมาประเทศไทยเหมือนต้นไม้ที่ไม่มีรากแก้ว เมื่อลมพายุมาก็แกว่งไปแกว่งมาจึงล้มมาโดยตลอด วันนี้เราต้องร่วมมือกันปลูกต้นไม้ต้นใหม่ที่มีรากแก้ว” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การบริหารจัดการถือเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์ที่ต้องมองในมุมกว้าง ไม่ใช่ทำเพื่อการโจมตีผู้ที่เห็นต่าง การประชาสัมพันธ์ต้องป้องกันตัวเองให้เหมือนเม่น แม้ไม่มีขน สู้ใครไม่ได้ เดินก็ช้า แต่เมื่อมีศัตรูมาก็พองตัวพองเข็มเพื่อขู่ แต่คนก็ยังอุตส่าห์จับมากิน ไม่กลัวเข็มมันจะทิ่มปากเลย หรือไม่กลัวบาปกรรม
“ที่กรุงศรีอยุธยาแตกเพราะคนไทยด้วยกันเปิดประตูให้ วันนี้ก็มีคนแบบนี้อยู่ เปิดประตูให้คนนอกมาทำลายประเทศเรา ทำให้ผมหงุดหงิดอยู่ทุกวัน การปฏิรูปต้องเริ่มจากตัวเอง มองคนอื่นอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่มองทุกคนเป็นศัตรูทั้งหมด ผมไม่เคยมองใครเป็นศัตรู แม้ว่าจะอารมณ์เสียบ้าง แต่ก็ไม่ได้โกรธเกลียดอะไรเขามากนักหรอก ไม่ได้รังเกียจที่เขามาด่าว่าตน แต่เขามาทำลายชาติ ผมไม่ชอบคนแบบนี้ที่มาเปิดประตูให้ข้าศึก การเป็นประชาธิปไตยต้องไม่เกิดเรื่องไม่ดี เราต้องช่วยทำให้ประชาธิปไตยเราเข้มแข็ง ถ้าเป็นประชาธิปไตยแบบเดิม มันไปไม่ได้ทั้งหมด พวกที่ไม่เข้าใจข้อกฎหมาย ไม่เข้าใจคนส่วนน้อย ไม่เข้าใจคนเห็นต่างหรือฝ่ายค้าน มันก็แตกกันหมดก็เหมือนกันประเทศไทยที่มีหัวใจดวงเดียว แต่แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ วันนี้จึงต้องเก็บรวมเป็นหัวใจเดียวกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต่างประเทศชื่นชมแผนการทำงานของ คสช.และรัฐบาล แต่เขาขอดูการขับเคลื่อนและผลสัมฤทธิ์ ที่เราต้องตอบคำถามเขาให้ได้ตามห้วงเวลา 2 ปี และ 3-6 เดือนข้างหน้าว่าเราได้อะไรกลับมาจากที่ทำงาน โดยรัฐบาลจะรวบมาที่ตนพูดทุกวันศุกร์ พยายามจะตัดให้น้อยลงแต่ไม่ได้สักทีเพราะมันเยอะ ถ้าพูดน้อยก็ไม่เข้าใจ บางครั้งขางคนก็ไม่ฟัง แต่ตนจะพูดจนฟัง เพราะอย่างไรก็แก้ไขตนเองไม่ได้อยู่แล้ว เพราะแก้ปัญหาของประเทศยังไม่ได้ โดยต้องพูดสร้างความเข้าใจ อย่างวันศุกร์นี้ตั้งใจจะพูดครึ่งชั่วโมง แต่ทำไม่ได้ขอบอกไว้ก่อนตอนนี้จะได้ไปดูช่องอื่นที่ไม่ต้องดูหน้าตน ใครดูหรือไม่ดูก็ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การชักชวนให้เกิดการลงทุนต้องพูดให้เป็นขายของให้ได้ ต้องคิดและพูดให้เร็ว แต่อย่าเร็วเกินไปเหมือนตนที่บางทีเบรกไม่อยู่ ใจไปไวกว่าปาก แต่คือสิ่งที่อยู่ในใจของคนที่คิดทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่คิดว่าทำเสร็จแล้ว แต่จับต้องไม่ได้ งบประมาณหายไปเปล่าๆ เชื่อมโยงกันไม่ได้ และเกิดความแตกแยก ทั้งรัฐ ข้าราชการ ประชาสังคม ประชาชน ผิดใจกันไปหมด จึงต้องเชื่อใจกันอย่าขัดแย้งกัน ผู้ว่าต้องดูแลประชาชนเหมือนคนในครอบครัว ทำให้ทุกคนมีความสุขอะไรที่เป็นกฎหมายก็ว่าไปตามกฎหมาย วันนี้มีการจดทะเบียนต่างๆ มีพยานเยอะแยะ คงไม่มีการแอบซ้อนทำอะไรกันตามใต้ถุนหรือแอบทำในห้อง ตนทำอะไรชัดเจนจะได้ไม่ถูกกล่าวหารัฐบาลนี้มีผลประโยชน์กับใคร ส่วนที่ผิดจะมีคดีตามมาอีกเยอะ จึงขอเตือนผู้ว่าฯ ให้ระมัดระวัง ทั้งการเจาะบ่อบาดาลหรือการขุดลอกคูคลองทั้งหมด ตนไม่ละเว้น ละเลยเหมือนใครๆ ที่ทำมา ไม่เช่นนั้นจะมายืนอยู่ตรงนี้ไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การใช้คำสั่งมาตรา 44 หรือมาตรา 116 ทุกมาตราต้องมีการตั้งประเด็นว่าจะใช้เพราะอะไร ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะมาประกาศใช้วันนี้สัก 5 ราย ตนไม่เคยคิดอย่างนั้น มีแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ลดความขัดแย้งลงไปให้งานเดินหน้า เจตนามีเท่านี้ กฎหมายคือกฎหมาย แต่วิธีการบริหารจัดการต้องไม่บิดเบือนสิ่งที่ทำวันนี้ ขอให้เข้าใจตรงกันว่าตนและรัฐบาลมีเจตนาบริสุทธิ์ ขอให้ไว้วางใจกัน ขอให้ทุกคนทำดี ไม่ต้องรอวาระ เพราะการทำดีทำได้ทุกวัน อยู่ที่ใจ ตนไม่เคยไปสั่งต้องทำให้ทำความดี เพราะไม่สามารถบังคับใครได้ แต่ต้องเกิดจากใจตัวเอง เราต้องทำให้โลกไม่แตกเพราะความขัดแย้ง ต้องทำให้มูลค่าสูงขึ้น แบบนี้มันไม่ใช่มืออาชีพ พวกพูดแบบนี้คือนักการเมือง ส่วนตนไม่ได้เป็นมืออาชีพแบบนั้น แต่ตนอาชีพทหาร ตอนนี้เหมือนรับจ้างมา ไม่มีคนจ้างให้มาทำงานตรงนี้ ตนจ้างตัวผมเอง
“ผมยืนตรงนี้โดนด่าทั้งวัน ทำดีก็โดน ทำไม่ดียิ่งโดนหนักมากไปอีก ผมระวังตัวเองเสมอ ให้อภัยผมเถอะนะอาจารย์สมคิด ผมมีอารมณ์บ้างนิดหน่อยเหมือนกับเม่นมันต้องพองขนพองตัวไว้ก่อน เพราะคนชอบมารังแกผม ผมตัวเล็กกว่า” นายกฯ กล่าว
อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนช่วยกัน เอางบประมาณที่มีอยู่ลงไปขับเคลื่อน โดยเฉพาะภาคประชาสังคม รวมถึงเอ็นจีโอต้องมาช่วยพูดกับเยาวชนให้ด้วย อย่างเรื่องของไฟฟ้าบอกให้รัฐบาลช่วยลดค่าไฟ้ฟ้า จะไปลดได้อย่างไร ต้นทุนการผลิตก็สูงขึ้น เดินเครื่องมากขึ้น ต้องซื้อจากต่างประเทศมากขึ้น แต่มันก็จำเป็น แล้วจะให้ลดค่าไฟฟ้าจะลดได้อย่างไร ถ้าเราไม่ไปสร้างโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ แค่ถ่านหินยังทำไม่ได้เลย วันนี้มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ดังนั้น เราต้องสร้างความไว้วางใจ วางโรดแมปให้ชัดเจน ไฟฉายต้องฉายอยู่ตลอด คนที่เป็นผู้ว่าฯ เป็นคนเปิด-ปิดไฟฉาย ต้องระวังอย่าให้ถ่านหมด ต้องช่วยกันเดินหน้าประเทศ เพราะพวกท่านคือกำลังสำคัญของเรา
“วันนี้ต้องกลับมาสู่การสร้างตัวเองให้เข้มแข็ง อย่าไปฟังการยั่วยุต่างๆ ผมอารมณ์เสียอยู่ทุกวัน พยายามจะไม่ฟัง แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร อุดหูอย่างไรมันก็เข้ามา วันนี้อยากให้ทุกคนทำสาธารณกุศล แต่ไม่ใช่ทำบุญนะ เพราะตายไปเอาอะไรไปไม่ได้ อย่างผ้าไตรบังสุกุลที่เอาไปทอดผ้าให้คนตาย พระยังชักกลับเลย เอาไปไม่ได้ เอาไปได้อย่างเดียวมั้ง คือเงินเหรียญบาทที่อยู่ในปาก เงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน หามาเอาไปไม่ได้เลย บ้านยังไม่มีจะอยู่เลย ดังนั้นทำกุศลให้คนเป็นๆ ที่ยังลำบากยากเข็ญดีกว่า ถือเป็นกุศลที่สุดแล้ว เผื่อแผ่แบ่งปันเขา หลายคนทำงานกว่าจะได้เงิน 10 บาท 100 บาท แต่พวกที่ขี้โกงหาเงินได้ทีวันละแสน วันละล้าน มันต่างกันไหมล่ะ เอาไปทำอะไร เอากลับมาบริจาคให้ประเทศสิ ดังนั้นผมอยากให้ช่วยกันบอยคอตคนขี้โกงเหล่านี้ อย่าไปฟัง ฟังแล้วก็ไม่มีความสุข นอนก็ไม่หลับ” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า มีอะไรเราพูดคุยกันได้ ไม่ต้องกลัว เพราะทุกคนเป็นพี่น้องร่วมชาติกันทั้งสิ้น “ใครดีก็ดี ใครไม่ดีก็พร้อมให้อภัย ถ้าเคารพกฎหมายทุกอย่างก็จบ เพราะประเทศอยู่ด้วยกฎหมาย ความเท่าเทียมคือกฎหมาย เพราะฉะนั้นทำให้ทุกคนเท่าเทียมกัน อย่าให้บ้านเมืองมีความรุนแรงขึ้นอีกเลย อย่าไปเชื่อในภาพลวงตา อดีตที่มันเป็นความบิดเบือน ด้วยการหวังผลประโยชน์ตอบแทน สิ่งเหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต ปัญหาวันนี้มีมากมายแต่ไม่สามารถปิดคดีหรือแก้ปัญหาได้ซักปัญหา การแก้ไขถ้าทำไม่ได้ต้องปรับตัว ต้องแก้ตัวทำให้ดีขึ้น บรรดาข้าราชการก็ไม่ต้องกลัว เพราะท่านคือคนของรัฐ ถือเป็นคนสำคัญ ท่านต้องเข้มแข็ง วันนี้ผมจะสร้างโครงสร้างของท่านให้แข็งแรง วันข้างหน้าไม่ว่าใครจะไป ใครจะมา ผมจะออกกฎหมายให้ท่าน อยู่ให้ได้ แข็งแรงให้ได้ ไม่ต้องกลัว ผมพูดมาหลายครั้งแล้ว แต่ถ้าผมทำตรงนี้ไม่ได้ พวกท่านก็ต้องไปพร้อมผม หรืออาจไปก่อนผมด้วย” นายกฯ กล่าว