xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ โอ่ “ประชารัฐ” ดัน ศก.พุ่ง เตือนแห่ปลูกข้าวเหนียวระวังเจ๊ง ยันเยือนรัสเซียมีดีกว่าชอปอาวุธ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
“ประยุทธ์” เผยกล่อม “ทุนใหญ่” เลิกซื้อข้าวโพดที่ปลูกในที่ดินผิด กม.แล้ว โอ่ “ประชารัฐ” ดัน ศก.พุ่ง แนะชาวนาปลูกอย่างอื่นแทน ถั่วเขียว-ถั่วเหลืองก็เหมาะ เหตุน้ำน้อยทำข้าวขาดคุณภาพ-ราคาตก พร้อมเตือนอย่าแห่ปลูกข้าวเหนียวที่ราคาสูงขึ้น ชี้ไม่มีคนซื้อ อ้างราคาน้ำมันโลกลด รายได้รัฐหด ห่วงใช้รถกันเพลินจนเกิดอุบัติเหตุ แจงน้ำมันที่ขุดในประเทศส่วนใหญ่ใช้เติมรถยนต์ไม่ได้ ย้ำมารัสเซียไม่ได้ช้อป ฮ.อย่างเดียว มีอย่างอื่นทำเยอะ ชม “เมดเวเดฟ” ไม่ขาดปาก บอกด้วยเคมีตรงกัน สุดปลื้มได้เจอ “ปูติน” ตัวเป็นๆ


วันนี้ (20 พ.ค.) เมื่อเวลา 20.15 น. โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยได้ออกอากาศเทปบันทึกรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยมี พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินรายการ และได้บันทึกเทปที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในโอกาสที่คณะของ พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทางไปเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการ

พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวตอนหนึ่งถึงแนวทางสร้างความสงบเรียบร้อยภายในประเทศว่า ความมั่นคง สงบ เรียบร้อย จะนำไปสู่ความมั่งคั่ง ความมั่นคง เป็นเรื่องของทุกคน ไม่ใช่เรื่องของ ทหาร ตำรวจ หรือพลเรือนเท่านั้น ทั้งประชาชนและสื่อมวลชน ล้วนแต่มีส่วนช่วยเสริมสร้างความมั่นคงภายในประเทศได้ด้วย แล้วก็ส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศ ไม่ควรไปเขียนให้ร้ายกันจนเกินไป ตนไม่รังเกียจหากจะเขียนในข้อเท็จจริง แต่ถ้าเขียนอะไรที่บิดเบือนมากๆ เขียนในเรื่องความขัดแย้งมากๆ สายตาชาวต่างชาติจะมองเราไม่ดี ประเทศไทยในประชาคมโลกก็เสียหาย แล้วก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ซึ่งขณะนี้เราก็กำลังปฏิรูปประเทศอยู่

“เราต้องทำทุกอย่างให้สงบเรียบร้อย เขาเรียกว่าความมั่นคงจะเป็นบ่อเกิดของเศรษฐกิจ ของสังคม ของการต่างประเทศ การค้าการลงทุนมันจะดีขึ้นมาเอง ถ้าเรายังทะเลาะเบาะแว้งกันไปเรื่อยๆไม่มีทาง ผมทำให้ตายมันก็ไม่เกิด หรือถ้าเกิดก็น้อยมาก” หัวหน้า คสช.กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ยังได้กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยระบุว่ามีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราการเติบโตเฉพาะไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 3.2% ถือว่าขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปี ทั้งที่เศรษฐกิจโลกก็ยังมีปัญหา เช่น การขยายตัวของสหรัฐฯ ก็ยังเป็นลบ ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 8 ไตรมาส เศรษฐกิจจีนต่ำสุดในรอบ 6-7 ปี ถ้าย้อนกลับไปช่วงก่อนที่ คสช.เข้ามายังเป็นอัตราติดลบอยู่ แสดงว่า รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาได้ค่อนข้างจะถูกวิธีแล้ว ถือว่าเป็นข่าวดี โดยเชื่อว่ากลไกประชารัฐเป็นส่วนขับเคลื่อนที่สำคัญ เรื่องนี้ตนเป็นคนสั่งให้เกิดขึ้นมาเอง เพราะดูแล้วภาคธุรกิจขนาดใหญ่ โดยเฉพาะธุรกิจข้ามชาติที่คนมองว่าเอื้อประโยชน์ ซึ่งมันเป็นเรื่องของอดีตที่ผ่านมาก็ว่าไป วันนี้ต้องนำเขากลับมาเพื่อจะส่งเสริมภาคประชาชนให้ได้ เอาเอกชนนักธุรกิจเข้ามาจัดคณะทำงานแล้วก็มาขับเคลื่อนจะเห็นได้ว่าวันนี้มีการจัดตั้ง บริษัทประชารัฐส่วนกลาง และส่วนประจำพื้นที่ ปีนี้ต้องมีครบทุกจังหวัด เพื่อเป็นช่องทางทางการตลาด แล้วก็การสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน แต่ช่วงแรกนี้ภาคธุรกิจเอกชนก็จะมาช่วยให้บริหารในระยะแรกแล้วก็การลงทุนจะเป็นของภาคประชาชน ในสัดส่วนที่เหมาะสม และวันหน้าก็จะถอนตัวออกไป

“อย่าไปกลัวว่าเขาจะมารวบรวมผลประโยชน์ของประชาชน มาหลอกกันอีก ซึ่งเขาทำไม่ได้ เพราะผมไม่ให้ทำ วันนี้ผมก็ย้ำไปกับผู้แทนบริษัทที่เจอ ที่ไปรับซื้อการปลูกข้าวโพดบนเขา เขารับปากผมแล้ว เพราะทั้งประกาศไปแล้วว่าในฤดูกาลนี้ เขาจะเลิกซื้อข้าวโพดที่ปลูกในพื้นที่ที่ผิดกฎหมาย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวต่อว่า กุญแจความสำเร็จที่สำคัญที่สุดของนโยบายประชารัฐ คือ การขับเคลื่อนภาคการเกษตร ต้องมาดูกันว่าเกษตรกรที่มีรายได้น้อยนั้นควรจะมีรายได้เท่าไรในการที่จะดำรงชีพได้อย่างพอเพียง ตนคิดว่าประมาณสักเดือนละ 1 หมื่นบาทเป็นอย่างน้อย ใกล้เคียงกับค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท แต่การให้เกษตรกรมีรายได้อย่างนี้ต้องทำอย่างไรก็ต้องไปดูหลายๆ อย่างด้วย โดยเฉพาะเรื่องต้นทุนการผลิต และการจำหน่ายผ่านกลไกประชารัฐ ซึ่งอยากให้พี่น้องเกษตรกรฟังคำแนะนำรัฐบาลผ่านศูนย์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทั่วประเทศ สิ่งที่ห่วงในช่วงนี้คือ พี่น้องชาวนาที่ปลูกข้าว เพราะปัญหาสำคัญวันนี้คือน้ำมีน้อย คุณภาพข้าวก็ไม่ได้ โรงสีก็จะซื้อในราคาถูก หักต้นทุนแล้วบางทีขาดทุนด้วยซ้ำไป จึงฝากให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐไปให้คำแนะนำอาจจะเปลี่ยนจากทำนาไปเป็นอย่างอื่นที่อาจมีกำไรมากกว่า เช่น ปลูกถั่วเขียว ถั่วเหลือง เป็นต้น และต้องระวังอีกเรื่องเพราะราคาข้าวหอมมะลิ ราคาข้าวขาวลดลง แต่น่าแปลกที่ข้าวเหนียวราคาสูงขึ้น ก็ไม่ใช่ว่าหันไปปลูกข้าวเหนียวกันมากขึ้นอีก ต้องคิดว่าจะไปขายใคร ส่วนใหญ่ก็มีแต่ในอาเซี่ยนไม่กี่ประเทศ ถ้ากลับมาปลูกข้าวเหนียวกันมากอีก ราคาก็ตกอีก

“เราต้องเร่งบูรณาการ ใครทำได้ดีแล้วก็จูงพี่น้องจูงเพื่อนไปด้วย อย่ากลัวเพื่อนจะรวยกว่า ต้องช่วยกันลดความขัดแย้ง เพราะส่วนใหญ่เกิดจากความยากจนถ้าขัดแย้งกันมากๆ อย่างชาวนาก็เดือดร้อน ผู้ประกอบอาชีพอิสระก็เดือดร้อน ถ้ามีคนไปบิดเบือน ก็ทำให้ความสงบเรียบร้อยมีปัญหาอีก มีการประท้วง เรียกร้องราคา จะให้รัฐไปส่งเสริมงบประมาณแบบให้เปล่า ซึ่งต้องเข้าใจว่าโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาเปล่าๆ อย่างน้อยท่านต้องเข้มแข็งด้วยตัวเอง ก่อน” นายกฯ ระบุ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงแนวนโยบายด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยว่า วันนี้นักท่องเที่ยวขยายตัวในแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง มีรายได้เข้าประเทศ 1.16 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปี 58 ประมาณ 10% ปีนี้คาดการณ์แล้วว่าน่าจะอยู่ที่ 33 ล้านคน ก็ต้องดูเรื่องความปลอดภัย ดูแลเรื่องการทุจริต นอมินีอะไรต่างๆทั้งหมด ดูทุกส่วน อย่าไปบอกว่ารังเกียจนักท่องเที่ยวที่เข้ามาแล้วทำให้บ้านเมืองสกปรก ต้องสอนให้เขาอย่าทำดีกว่า ซึ่งได้กำชับกับบริษัทท่องเที่ยวให้เกิดความเข้าใจไปบ้างแล้ว หลายๆ บริษัทก็ทำดีขึ้น ก็มีเพียงบางบริษัทที่มีปัญหา กำลังให้ไปตรวจสอบ เรื่องการจดทะเบียน เรื่องไกด์ หรือการเป็นนอมินีต่างๆ

พิธีกรได้ถามถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ลดลง ซึ่งน่าจะส่งผลถึงการลดต้นทุนการผลิต พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่าลืมว่าราคาน้ำมันลดลงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือ คนก็ใช้น้ำมันกันอย่างไม่ประหยัด คนใช้รถมากๆขึ้น ก็ต้องใช้น้ำมันมากขึ้น อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นง่าย ใช้รถใช้ถนนกันเพลินไม่ค่อยระมัดระวัง แต่น้ำมันถูกก็ทำให้รายได้หลักของประเทศลดลง จากภาษีน้ำมันทั้งนำเข้าและส่งออกก็ได้ แม้จะใช้กันมากก็ตาม ส่วนน้ำมันในประเทศ เราไม่ได้เป็นประเทศที่มีน้ำมันมาก และน้ำมันที่ขุดขึ้นมาได้บางส่วนมีคุณภาพ บางส่วนไม่มีคุณภาพ จะเห็นได้ว่าบางส่วนของน้ำมันต้องส่งออกไปทำน้ำมันอย่างอื่นที่มีเกรดต่ำ ถ้าเป็นเกรดที่ใช้ในรถยนต์ได้ ก็ผลิตใช้ในประเทศ แต่สัดส่วนตรงนี้ก็มีไม่เพียงพอ ก็ต้องไปซื้ออย่างอื่นมากลั่นในประเทศไทย บางคนก็บอกว่าขุดในประเทศไทยแล้วทำไมต้องไปซื้ออย่างอื่นมาด้วย แล้วทำไมต้องเอาของไทยไปขายต่างประเทศ หากไม่เข้าใจแล้วมาพุดแบบนี้ก็จะสับสนกัน

นายกฯ พูดถึงภารกิจเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการด้วยว่า อย่ามามองว่าประเทศไทยจะเปลี่ยนแนวทางของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไป หรือเปลี่ยนกลุ่มต่างๆ เราอยู่ในทุกกลุ่ม เพราะว่าเรามีการค้าการลงทุน ระหว่างกันกับทุกประเทศในโลก หรืออย่ามองว่าเราจะมาซื้ออาวุธ ซึ่งทำให้ตนอารมณ์เสียตอนก่อนมา มีคนมาถามว่า จะซื้อเฮลิคอปเตอร์กี่ลำ ทั้งที่เป็นเสี้ยวเดียวของการที่มาครั้งนี้ และมีกิจกรรมอื่นๆที่สำคัญมากมาย โดยได้พบปะกับนายกรัฐมนตรีเมดเวเดฟ ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ส่วนตัวรู้สึกว่าตนกับนายกฯเมดเวเดฟเคมีตรงกัน ในที่นี้คือทำเพื่อประเทศเพื่อกลุ่ม เพื่อประชาคม และประชาชน ซึ่งท่านเป็นคนน่ารัก เป็นผู้นำที่ทันสมัย มีอารมณ์ศิลปิน ก็พูดคุยกันหลายเรื่อง มีการลงนามบันทึกความเข้าใจกัน 14 ฉบับ ทั้งของภาครัฐภาคเอกชน โอกาสเดียวกันนี้ตนก็ได้ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-รัสเซีย ที่ เมืองโซชิ สหพันธรัฐรัสเซีย ดีใจที่จะมีโอกาสพบประธานาธิบดีปูตินอย่างเป็นทางการ ได้พูดคุยกันตัวต่อตัวช่วงระยะเวลาหนึ่ง

ในช่วงท้ายรายการ หัวหน้า คสช.ได้กล่าวถึงการประชุมชี้แจงเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ และกระบวนการประชามติ ที่จัดโดย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งได้เชิญทั้งผู้แทนจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ตัวแทนรัฐบาล ตัวแทนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผู้แทนสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และตัวแทนพรรคการเมือง และกลุ่มการเมืองมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ว่า ตนเป็นคนตัดสินใจให้จัดเวทีดังกล่าวขึ้น เพราะที่ผ่านมามักตำหนิตนว่า ไม่เปิดช่องทางให้แสดงความคิดเห็น ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานผลสรุปของการประชุม ซึ่งก็อยากฟังเหตุผลของตัวแทนฝ่ายต่างๆ อย่างไรก็ตามขอยืนยันอย่างหนึ่งว่า ประชามติจะผ่านหรือไม่ผ่าน ก็เป็นเรื่องของกลไกและกติกา ซึ่งตนได้ให้อำนาจในการตัดสินใจแก่ท่านแล้ว ไม่สามารถจะบังคับท่านได้อีก ขอเพียงอย่ามาทะเลาะกัน ย้อนกลับไปความขัดแย้งอีก และอย่ามาหาว่าตนไม่ปรองดอง ตนพร้อมปรองดอง แต่ปรองดองกันด้วยกฎหมายก่อนเท่านั้นเอง ขอให้แยกแยะเรื่องต่างๆไม่นำมาพันกัน ทั้งเรื่องประชามติอย่ามาพันเรื่องเลือกตั้ง เป็นต้น
พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
คำต่อคำ : รายการคืนความสุขให้กับคนในชาติ

วีรชน - สวัสดีครับ ท่านผู้ชมครับ ผม พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขออนุญาตนำท่านผู้ชมทุกท่านเข้าสู่รายการคืนความสุขให้กับคนในชาตินะครับ

ท่านผู้ชมครับ เป็นประจำในทุกค่ำคืนวันศุกร์ ท่านนายกรัฐมนตรีจะได้ใช้ห้วงเวลาช่วงนี้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อบอกเล่า แล้วก็ชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนถึงการทำงาน และถึงนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล ในการนำประเทศไทยไปสู่การเป็นประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน อย่างแท้จริงนะครับ

ท่านผู้ชมครับ ในโอกาสนี้ต้องบอกว่า รายการคืนความสุขของเรา เป็นรายการที่มีความพิเศษมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะว่าวันนี้ผมมาอยู่ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งอยู่ในโอกาสที่ท่านนายกฯ เดินทางเยือน สหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการนะครับ และขณะนี้ผมได้อยู่กับท่านนายกรัฐมนตรีแล้วนะครับ สวัสดีครับท่านนายกฯ ครับ

ประยุทธ์ - สวัสดีครับ

วีรชน - ท่านนายกฯ ครับ ปกติในช่วงเริ่มต้นของรายการของเรา ท่านนายกฯ มักจะมีเรื่องราวต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แล้วเป็นเรื่องของการให้กำลังใจ เป็นการชื่นชมบุคคลที่มีความสามารถ รวมทั้งคนที่สามารถจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นได้ วันนี้ท่านนายกฯ มีอะไรอยากจะพูดถึงเรื่องนี้ไหมครับ

ประยุทธ์ - ก็คงเป็นเรื่องของความชื่นชมนครับ ความสามารถของเด็กไทย ที่เราเคยพูดกันว่าเด็กไทยนั้น ที่เราเคยพูดกันว่าเด็กไทยนั้นไม่เคยแพ้ใครในโลก ได้ไปคว้ารางวัลใหญ่ 3 รายการ จากการแข่งขันโครงงานวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมระดับโลก อินเทล ไอเซฟ 2016 ครั้งที่ 67 ที่เมืองฟีนิกซ์ มลรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 8-14 พฤษภาคม 2559 อันนี้เป็นการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐฯ มีตัวแทนนักเรียนจาก 80 ประเทศทั่วโลก กว่า 1,800 คน ลงชิงชัย ขอแสดงความยินดีกับเยาวชนทั้ง 4 คนนั้นด้วย ได้แก่ จากโรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์ จ.เชียงราย โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย กรุงเทพฯ รวมทั้งครู ผู้ปกครอง และผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

สิ่งที่น่าสนใจคือ ผลงานวิจัยช่วยเหลือ เกี่ยวกับเรื่องเกษตรกร ผู้เลี้ยงหนอนไหมเพื่อลดต้นทุนแรงงาน ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิต อันนี้เป็นแนวทางของรัฐบาลอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการส่งเสริมการวิจัย สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อจะยกระดับภาคเกษตรกรรม ไทยแลนด์ 4.0 อันที่ 2 คือการแต่งกายชุดไทยพร้อมกับคำว่ายิ้มสยาม ในระหว่างการจัดแสดงผลงาน มีความงดงาม เผยแพร่ความเป็นไทย มีภาพลักษณ์อันดีไปในตัวด้วย แล้วก็ได้ประโยชน์ 2 ต่อไง

วีรชน - อันนั้นก็เป็นเรื่องราวทีเกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกานะครับ แต่ว่าในระหว่างที่เราอยู่กันที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กแห่งนี้ มีเรื่องราวสำคัญเกิดขึ้นในประเทศไทยนะครับ เป็นเรื่องของงานระดับโลกงานหนึ่งคือ การแข่งขันโปรแกรมเมอร์ ที่ภูเก็ต ท่านนายกฯ มีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไร จะเป็นประโยชน์อย่างไรกับประเทศไทยครับ

ประยุทธ์ - จะเห็นได้ว่าเราก็มีความทันสมัยนะ ต่างประเทศเขาจัดกันขึ้นมา เราก็จัดของเราขึ้นเองด้วย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการสอดประสาน และสร้างระบบการเรียนรู้ สร้างแรงจูงใจให้กับเด็กเราด้วยนะครับ เราก็เป็นการจัดในประเทศของเราที่ภูเก็ต เป็นครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน เพราะที่ผ่านมานั้นจัดในประเทศยักษ์ใหญ่ สหรัฐฯ แคนาดา จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย เพราะงั้นเป็นโอกาสสำคัญของไทยในการที่จะแสดงศักยภาพ และความพร้อมในการพัฒนาด้าน ดิจิทัลของไทยนะครับ ต้องขอขอบคุณกระทรวงไอซีที สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (SIPA) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และผู้เกี่ยวข้องนะครับ IBM แล้วก็ทีมที่ปรึกษาที่เป็นตัวแทนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก 128 ทีม จาก 40 ประเทศ มีจากไทย 2 ทีม จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนะครับ ประโยชน์ที่ผมเห็นว่า มีความสำคัญก็คือว่าด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จะเป็นการจุดประกายนักคอมพิวเตอร์รุ่นเยาว์ ให้เป็นนักคอมพิวเตอร์ระดับโลกในอนาคต ส่งเสริมกระบวนการด้านความคิดสร้างสรรค์ การทำงานเป็นทีม การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อการพัฒนาประเทศ ไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 อันนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่าต้องมีการพัฒนาในเชิงปัญญา ปัญญาประดิษฐ์ เพราะถ้าเราไม่เรียนรู้เรื่องเหล่านี้ จะไปไม่ได้หรอก เพราะว่าโลกวันนี้ต้องไปด้วยเทคโนโลยี แล้วก็ใช้เศรษฐกิจดิจิตอลเป็นตัวแรงขับเคลื่อน

ด้านที่ 2 คือด้านเศรษฐกิจนั้น เราได้มีการฝึกฝนเยาวชน อาสาสมัครให้มีการจัดงานระดับโลกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของประสบการณ์นอกห้องเรียน เพื่อจะสร้างงาน สร้างรายได้ ท่องเที่ยวและบริการ สินค้าท้องถิ่น สินค้าชุมชน เป็นการเปิดประตูไทย สู่สายตาชาวโลก มีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 1300 คน ถือว่าไม่น้อยนะทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติมาด้วยนะครับ

วีรชน - ท่านนายกฯ ครับ เรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ การจัดการประชุมในประเทศไทยนี่ ไม่ใช่งานนี้เกิดขึ้นเป็นงานแรก แต่ว่ามีหลายงานแล้วครับที่เกิดขึ้น แต่อาจจะ ไม่ได้มีการกล่าวถึงมากนัก ตรงนี้ท่านนายกฯ มองว่าจะเป็นโอกาสอย่างไรกับประเทศไทยถ้าเรามีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นมากๆ เพิ่มขึ้น

ประยุทธ์ - คือสิ่งสำคัญก็คือ เราจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศเขาด้วย และอันที่สองคือสร้างแรงจูงใจให้กับคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจกับเรื่องเหล่านี้ เพราะเป็นอนาคตของคนไทยของเยาวชนไทยทั้งสิ้นโอกาสที่จะเกิดขึ้นหรือครับ ก็คือในเรื่องของการพัฒนากิจกรรมไมซ์ที่เรียกว่า การประชุมองค์กร การประชุมขนาดเล็ก ซึ่งปีนี้ผมได้รับรายงานว่ามีสถิติสูงขึ้น จากการจัดกิจกรรมไมซ์ แล้วก็สร้าง Incentive ในการจัดนำเที่ยว, Convention การประชุมนานาชาติ การประชุมขนาดใหญ่, Exhibit นิทรรศการ การแสดงสินค้า

ทั้งนี้เพื่อจะนำรายได้เข้าสู่ประเทศ กระจายรายได้ไปยังธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ท่องเที่ยว บริการ โรงแรม ร้านอาหาร ท้องถิ่นนะครับ ถ้าดูจากสถิติแล้ว รายจ่ายนักท่องเที่ยวประมาณ 4 - 5 พันบาทต่อคนต่อวัน มันจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แล้วก็ภาพลักษณ์ของประเทศในภาพรวมด้วย เช่น การโปรโมทสินค้า บริการของไทย ไม่ว่าจะเป็นกล้วยไม้ อาหาร นวดแผนไทย สถานที่ท่องเที่ยว หรือว่าธรรมชาติที่งดงามของบ้านเรานี่นะครับ มีโอกาสที่จะเผยแพร่ไปได้มากขึ้น

โอกาสที่ 2 คือการแสดงบทบาทนำเชิงพฤตินัย ด้านความมั่นคง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เช่น การประชุมกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ทีเรียกว่ากลุ่ม G77 มีสมาชิก 134 ประเทศ เราได้เผยแพร่แนวทางของการพัฒนาที่ยั่งยืน ใช้หลักการของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเข้าอยู่หัว เพื่อจะได้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ SDGs นะครับ

ประการต่อไปคือการประชุมร่วม 15 ชาติ เพื่อจะแก้ปัญหาการย้ายถิ่นแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย จุดยืนของไทยเราต้องปฏิบัติตามหลักสากล กฎหมายระหว่างประเทศด้วย แล้วมีการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมควบคู่กับการดูแลความมั่นคง ผลประโยชน์ และรักษาภาพลักษณ์ของชาติ เราต้องแก้ที่ต้นเหตุ การทำอะไรก็ตามต้องแก้ต้นเหตุ การมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ถ้าอย่างนั้นเรามาแก้ปลายทางตลอด มันก็เป็นปัญหากับประเทศเรา ประเทศเราจะกลายเป็นแหล่งรวบรวมการอพยพแบบไม่ปกติ ใช่ไหม มันก็เป็นแหล่งผลประโยชน์ ต่อไปก็เป็นขบวนการค้ามนุษย์ อะไรทำนองนี้ เป็นอันตรายต่อบ้านเรานะครับ และข้อสำคัญคือว่าถ้าหากเราทำบ้านเรานี่ให้มีความมั่นคงสงบเรียบร้อย มันจะนำไปสู่ความมั่งคั่ง ความมั่นคงเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ใช่เรื่องของทหาร ตำรวจ หรือพลเรือนเท่านั้น ทั้งประชาชน แล้วก็สื่อมวลชน ล้วนแต่มีส่วนช่วยเสริมสร้างความมั่นคงภายในประเทศได้ด้วย แล้วก็ส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศ อย่าไปเขียนกันให้ร้ายกัน จนเกินไป ผมไม่รังเกียจ ถ้าจะเขียนในข้อเท็จจริง แต่ถ้าเขียนอะไรที่บิดเบือนมากๆ เขียนในเรื่องความขัดแย้งมากๆ สายตาชาวต่างชาติ เขามองเราไม่ดี เพราะงั้นไทยในประชาคมโลกก็เสียหาย แล้วผมถามว่าได้อะไรขึ้นมา ไม่เห็นได้อะไรขึ้นมาเลย วันนี้เรากำลังปฏิรูปประเทศอยู่ ใช่ไหม

วีรชน - ท่านนายกฯ ครับ ยังมีข่าวดีอีกหลายข่าวนะครับ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสำคัญที่ทุกคนเรียกว่าจับตามอง ในเรื่องของเศรษฐกิจครับ ล่าสุดมีการประเมินว่า เศรษฐกิจของไทยจะมีการเจริญเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่าไตรมาสที่แล้ว ทั้งนี้นี่มีบางคนก็วิเคราะห์ไปว่า เป็นเพราะว่าประเทศเรามีวิสัยทัศน์ของประเทศ ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมุ่งให้เป็นประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน นอกจากนั้นรัฐบาลปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับการดูแลเสถียรภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความมั่นคง ซึ่งทุกคน ทุกภาคส่วนมองว่า เป็นรากฐานสำคัญที่จะนำไปสู่การมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ตรงนี้ท่านนายกฯ มองยังไงครับ เพราะว่าปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย นักวิเคราะห์ นักเศรษฐศาสตร์ ต่างๆ รวมทั้งสำนักงานเศรษฐกิจการคลังมองว่า เศรษฐกิจไทยกำลังมีการเจริญเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตรงนี้อยากจะเรียนถามว่า ท่านนายกฯ มองว่าว่าอะไรเป็นสาเหตุสำคัญ หรือว่าสิ่งอะไรที่รัฐบาลทำ แล้วสามารถก่อให้เกิดสิ่งนี้ครับ

ประยุทธ์ - คือผมคิดว่าเราต้องมาดูตรงนี้ก่อนว่า เราต้องมองเศรษฐกิจมหภาคและจุลภาค พร้อมกันไปด้วย มหภาคก็คือการทำโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ของไทยเรา ให้เข้มแข็งในทุกมิติ ไม่ว่าจะขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก SMEs Startup อะไรต่างๆ เหล่านี้ ต้องแข็งแรงขึ้น มีการเชื่อมโยงเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ทั้งต้นทาง กลางทาง ปลายทางใช่ไหม ที่นี้ระดับจุลภาคก็ต้องมาดูสินค้าต่างๆ ที่เรามีเป็นจำนวนมากคือ สินค้าทางการเกษตร พี่น้องเกษตรกรนี่มีรายได้น้อย ผมคิดว่าตัวเลขเหล่านี้ ถึงแม้ว่าตัวเลข ปัญหาในเรื่องเศรษฐกิจนั้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเราในช่วงนี้นะ ไตรมาสแรกปีนี้ขึ้นเป็น 3.2 เปอร์เซ็นต์ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อปี 2557 ก่อนเราเข้ามา มันติดลบ 0.7 เปอร์เซ็นต์ เห็นได้ว่าก็ขึ้นมา เศรษฐกิจโลกมีปัญหาขณะนี้ แสดงว่ารัฐบาลกำลังแก้ปัญหาได้ค่อนข้างจะถูกวิธีแล้ว

เพราะงั้นถือว่าเป็นการขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปี ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศยังไม่ดี เช่น การขยายตัวของสหรัฐฯ ยังเป็นลบ ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 8 ไตรมาส เศรษฐกิจจีนต่ำสุดในรอบ 6-7 ปี เพราะงั้นการที่เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวต่อเนื่องได้ จึงถือว่าเป็นข่าวดี แล้วก็เป็นความรู้สึกจากพวกเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ข้าราชการ ประชาสังคม ภาคธุรกิจ รวมความไปถึงพี่น้องเกษตรกร ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ทำยังไงเขาจะมีเงินใช้ที่เพียงพอนะ ก็ตามไปสู่ว่าเราจะทำอย่างนี้ได้สำเร็จก็คือว่า กุญแจสำคัญต้องมีทั้งกุญแจไขกล่องใหญ่ กล่องเล็กไง กล่องใหญ่ก็ไปไขของรัฐบาลของระดับบนโน้น กิจกรรมข้ามชาติ อะไรต่างๆ เหล่านั้น กุญแจไขกล่องเล็ก กล่องเล็กนี่มีคนเยอะก็คือเกษตรกร

เพราะงั้นกุญแจความสำเร็จอันล่างนี่สำคัญที่สุดนะครับ เราต้องไปขับเคลื่อนภาคการเกษตร เกษตรกรที่มีรายได้น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้มีปัญหาเรื่องน้ำเข้าไปอีก ก็เลยทำให้รายได้เขาลดลงใช่ไหม รัฐบาลก็หาทุกวิถีทาง ทุกมาตรการนะครับ ในการที่จะส่งเสริมให้กับเขา ปัจจัยการผลิตบ้าง ค่าเช่าที่นาบ้าง การใช้เครื่องจักรเครื่องไม้เครื่องมือบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ราคาก็ยังไม่เพียงพอ คือส่วนต่างของต้นทุนการผลิตกับราคาขายที่ได้วันนี้ เพราะโลกเศรษฐกิจมันตกไง แล้วโลกก็ราคาลดลงโดยเฉพาะการเกษตร เราต้องไปหาดูซิว่า ชาวนาจะอยู่ได้อย่างไร หรือพืชไร่ พืชสวน สวนผลไม้ ทำอย่างไร เราต้องมาแก้ทั้งระบบอีกแหละ ทั้งคนปลูก ทั้งต้นทุนการปลูก การตลาด แล้วไปสู่การใช้ปัจจัยร่วมกัน ทำงานร่วมกันก็โดยใช้คำว่าประชารัฐ ยังไงประสานพลังซะ ประชาชน เอกชน รัฐบาล แนวทางดังกล่าวนั้นต้องไปดูที่สาเหตุหลักแห่งปัญหา ถ้าจะดูชาวนา ดูตรงไหน ต้นทุนของเขาแล้วก็รายได้ของเขา จะมาจากตรงไหน รัฐบาลจะได้ไปส่งเสริมได้ถูกจุด วันนี้ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงมหาดไทย เขาไปหาข้อมูลที่ชัดเจนขึ้น เป็นพื้นที่นะ เป็นภูมิภาค เป็นจังหวัด กลุ่มจังหวัดอะไรก็แล้วแต่ ผมเคยพูดมาหลายครั้งแล้ว เพราะขึ้นอยู่กับน้ำด้วย พูดถึงตลาดด้วย ถ้ามากเกินไป ตลาดก็ราคาตกใช่ไหม แล้วถ้าชาวบ้านไม่เข้มแข็ง ปลูกอย่างเดียวขายไม่เป็นอีก มันต้องไปพึ่งพ่อค้าคนกลาง เป็นคนกำหนดราคา วันนี้เราเอา 3 อย่างมาคละเคล้ากันให้หมด แต่ผมว่ายังไม่พอหรอก ยังไม่ถูกใจผม ผมอยากให้พี่น้องเกษตรกรยิ้มออก ยิ้มได้ซะที ไม่งั้นก็... ท่านจะเห็นสังเกตนะ ผมสงสารเขาตรงที่หน้าเขาดำ แล้วหน้าเหี่ยวย่นอะไรต่างๆ เหล่านี้ ทั้งๆ ที่อายุไม่มากนักหรอก เพราะเขาตรากตรำ คราวนี้มันจะให้มีอย่างเดียวคือ ทำการเกษตรอย่างเดียว หรือเกษตรเชิงเดี่ยวมันก็ไม่ได้ จะทำข้าวอย่าเดียวมันก็ไม่ได้ อาจจะต้องทำไร่นาสวนผสมใช่ไหม ที่ไหนมีน้ำ ที่ไหนไม่มีน้ำ ที่ไหนดินดี ที่ไหนดินไม่ดี มันต้องไปแบ่งกันให้ชัดเจน คือการโซนนิ่งของรัฐบาลทำได้แต่เพียงว่า พื้นที่นั้น ภูมิภาคนั้น น้ำเท่านั้น ประชาชนต้องมาดูซิว่า ในพื้นที่ของเราอยู่ในพื้นที่แบบไหน ที่เราทำ AGRI Map ไปไง มีน้ำไหม ดินดี ไม่ดี ต้องไปดูกันตรงนั้น พอดูตรงนั้นเสร็จแล้ว จะมาดูอะไร แล้วจะปลูกอะไรดีล่ะ ตรงไหนปลูกข้าวแล้วได้ผล ราคาดีก็ปลูกไป ตรงไหนที่ไม่ได้ ต้องไปปลูกพืชอย่างอื่น หรือบางทีมันอาจจะต้องปลูกผสมผสานที่เรียกว่า ไร่นาสวนผสม มีทั้งข้าวมีทั้งพืช มีทั้งพืชผัก ผลไม้ ที่ยังไงก็มีกิน ไม่ต้องไปซื้อเขา เมื่อไม่ซื้อเขาเสียอย่างรายจ่ายก็ลดลงใช่ไหม เพราะงั้นกำไรลดลง ก็ยังพออยู่ได้ แล้ววันหน้าจะต้องดีขึ้น

เพราะงั้นผมอยากให้ฟังคำแนะนำรัฐบาล วันนี้จะมีศูนย์ของกระทรวงเกษตรฯ แล้วมีทั้งในหมู่บ้านด้วย ศูนย์การเรียนรู้ แล้วตอนนี้ผมกำลังไปตั้งของ กอ.รมน. 7,800 กว่าศูนย์ คือจะแนะนำประชาชนทั้งหมดว่า ควรจะต้องทำอะไร ผมบังคับไม่ได้ เพราะงั้นคนมีที่นา 5 ไร่ 10 ไร่ 15ไร่ ควรจะทำอะไร เดี๋ยวเขาจะแนะตรงโน้น แล้วเขาจะมาดูเรื่องการตลาดให้ด้วย ไม่งั้นมันจะทับซ้อนไปหมด ยังไงก็กำไรน้อยเหมือนเดิม สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือ เราจะต้องรวมกันให้ได้ รวมกลุ่มให้ได้ กลุ่มปลูกข้าว ปลูกไร่นาสวนผสม กลุ่มปศุสัตว์ เลี้ยงสัตว์ทำนองนี้ รัฐจะได้ส่งเสริมได้ถูกช่องทาง บางอันส่งเสริมแค่ต้นทุน บางอันส่งเสริมแค่การตลาดใช่ไหมให้เข้มแข็ง แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน แล้วให้ความรู้เขาไป เป็น Smart Farmer ถ้าทุกคนจะเรียนรู้ง่ายๆ ก็ไปดูที่เขาสำเร็จซิ ก็ฝากผู้ว่าฯ ไว้ด้วยแล้วกัน ผู้ว่าฯ แม้กระทั่งกระทรวงเกษตรฯ บางทีเรียกเขามาอบรมหรือไปอบรมให้เขาบางที่เขาไม่เข้าใจ เพราะเขาไม่เห็น แล้วถ้าเขาเห็นมานี่เขาจะไปทำที่เขา 5ไร่ 10ไร่ 15 ไร่ เปลี่ยนจากทำนาไปเป็นอย่างอื่น ได้ด้วย ไม่ต้องบังคับเขา แต่จะต้องพาไปดูที่เขาทำ 15 ไร่ ดินแบบนี้ น้ำแบบนี้ เขาทำได้กำไรไร่ละ 35,000 เช่น ปลูกถั่วเขียว หรือถั่วเหลืองอะไรก็แล้วแต่ที่บางครั้งเราก็ขาดแคลนนะ ข้าววันนี้เป็นปัญหาสำคัญ เพราะว่าน้ำมันน้อย คุณภาพข้าวก็ไม่ได้ โรงสีเขาก็ซื้อในราคาที่ถูก เมื่อหักลดต้นทุนบางทีขาดทุนจากต้นทุนด้วยซ้ำไป ต้นทุนเราใช้เยอะด้วย แล้วก็น้ำแล้ง ข้าวก็เม็ดลีบ ข้าวก็ไม่ดีก็ต้องถูกตัดราคาลงไป ความไม่พอเพียงก็เกิดขึ้น

เพราะฉะนั้นเราต้องบูรณาการให้ได้ ส่งเสริมให้ได้ ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งต้อง อย่าไปเชื่อฟังคำบิดเบือน ซึ่งบางทีก็บิดเบือนว่ารัฐบาลเป็นอย่างนู้นอย่างนี้ รัฐบาลไม่จริงจัง ผมอยากจะกราบเรียนว่า ผมก็คิดละเอียดนะ คิดทุกวันทุกคืนมานั่งคิดว่าจะทำอย่างไรให้ชาวนาอยู่ดีกินดี แต่ทุกคนต้องการเร็วไง ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เพราะหลายอย่างนี้มันเกิดขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว ปัญหาเรื่องน้ำ ปัญหาเรื่องดินที่มันเสื่อมคุณภาพ ปัญหาเรื่องของการใช้ปุ๋ย ปัญหาเรื่องของเมล็ดพันธุ์ไม่เพียงพอ ปัญหาการตลาด มันพันกันไปหมดฉะนั้นต้องเร่งบูรณาการ ใครทำได้ดีแล้วก็พี่จูงน้อง เพื่อนจูงเพื่อน อย่าไปอิจฉาเพื่อน กลัวเพื่อนจะรวยกว่าหรือจะรวยทัน ไม่ต้อง ต้องช่วยกันเพื่อจะลดความขัดแย้ง ความขัดแย้งเกิดจากความยากจนซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะมันต้องมีคนนำมาขัดแย้ง

เพราะฉะนั้นถ้าเราขัดแย้งกันมากๆ ชาวนาก็เดือดร้อน ผู้ประกอบอาชีพอิสระก็เดือดร้อน หลายๆ อาชีพเดือดร้อน เดือดร้อนจากอะไร เดือดร้อนจากการไปใช้กฎหมายเข้าไปอีก เพราะหลายอย่างมันไม่ได้อยู่ในกฎหมาย เพราะฉะนั้นเรามารื้อ แก้ปัญหา มันก็เกิดความขัดแย้ง เกิดความขัดแย้งมันก็มีคนบิดเบือน มันเลยทำให้ความสงบเรียบร้อยมีปัญหาอีก มีการประท้วง มีการเรียกร้องราคา จะให้รัฐไปส่งเสริมงบประมาณในการที่ให้เปล่า ซึ่งผมอยากจะกราบเรียนว่า โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาเปล่าๆ อย่างน้อยท่านต้องเข้มแข็ง อย่างน้อยท่านต้องขยันขันแข็งด้วยตัวเอง ทำงาน ไม่มีที่ไหนในโลกนี้ไม่ทำงานแล้วได้เงิน เว้นแต่เรื่องทุจริต

เพราะฉะนั้นอย่าไปส่งเสริมเรื่องเหล่านี้ เราต้องสร้างบรรยากาศในการลงทุน ให้สังคมเข้าใจรวมกลุ่มกันให้ได้ ไม่ใช่ไปแบ่งประชาชนเป็นคนละพวกคนละฝ่ายเข้าไปอีก มันจะสร้างบรรยากาศแห่งความขัดแย้ง ตามมาสู่ประชาธิปไตย มาสู่การใช้กฎหมาย มาสู่การอ้างว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนเข้าไปอีก สิ่งเหล่านี้ทำให้โลกข้างนอกมองเราไม่ดี คงไม่ใช่อย่างเดียวที่ว่าผมเข้ามาแบบนี้ เพราะผมเข้ามาทำงาน มาแก้ไข ผมรู้ตัวของผมเองอยู่ แต่ผมพยายามจะทำให้สิ่งที่ผมเข้ามาจากวิกฤตเปลี่ยนเป็นโอกาสให้แก่ท่าน ท่านต้องร่วมมือกับผม สร้างบรรยากาศในการลงทุน สร้างความเข้มแข็งในต้นทาง กลางทาง ปลายทางให้กับผม อยากให้ทุกคนช่วยกันแบบนี้

วีรชน - ผมคิดว่าปัญหาอย่างหนึ่งที่ทำให้เรายังคงต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้อยู่ก็คือเรื่องของการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน

ประยุทธ์ - สิ่งนี้มันสำคัญเพราะว่า เราพยายามพูด ซึ่งผมพูดจะฟังหรือไม่ฟังผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ขอให้ฟังผมหน่อยเถอะครับ ซึ่งอย่างน้อยมันก็เป็นประโยชน์ หรือใครที่ไม่ได้ฟังก็ฝากคนอื่นเขาฟัง แล้วถามซิว่า ผมพูดอะไรไปบ้าง แล้วก็ติดตามในหนังสือพิมพ์ ซึ่งบางเล่มบางคอลัมน์ก็เขียนดี หลายเรื่องนะที่ผมดูในหนังสือพิมพ์ ทุกเล่ม อาจจะไม่ทุกเล่ม เว้นแต่การพาดหัวข่าว แต่ว่าเนื้อข่าวในเขียนได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ เรื่องกฎหมาย เรื่องอะไรต่างๆ ที่มันดีขึ้นทุกอย่าง ไอ้ข้างหน้าการเมือง แต่ข้างในมันพูดถึงความก้าวหน้า

เพราะฉะนั้นคนไปดูความขัดแย้ง มันเลยไม่ไปดูความก้าวหน้าข้างในนี้แหละ คือสิ่งที่เป็นปัญหาของประเทศไทย ถ้าท่านอยากให้ทุกอย่างมันเร็วขึ้น ท่านต้องช่วยกันอธิบาย ลดสิ่งที่มันไม่เข้าใจลงไปบ้างด้วยการชี้แจ้งในข้อเท็จจริงโดยไม่บิดเบือน ถ้าเราก็กันได้อย่างนี้ ส่งเสริมกัน บูรณาการกัน ทำความเข้าใจกันทุกมิติ ความขัดแย้งก็หมดสิ้นไป ความเชื่อมั่นในการลงทุนของต่างประเทศก็

เข้ามา เวลาเขาเข้ามาก็อย่าไปกังวล รัฐบาลผม หรือ รัฐบาล คสช.จะดูว่าการลงทุนของเขาจะไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม มันจะต้องเป็นเศรษฐกิจสีเขียว มันจะต้องเป็นเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกับเกษตรอุตสาหกรรมด้วย เกี่ยวกับเรื่องของการพัฒนานวัตกรรมในเชิงที่สร้างสรรค์ แล้วการไปสู่ Thailand 4.0 ใช้เทคโนโลยี

เป็น Smart Farmer เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดนะครับ มันจะต้องทำทุกอย่างให้มันสงบเรียบร้อย เขาเรียกว่าความมั่นคงจะเป็นบ่อเกิดของเศรษฐกิจ ของสังคม ของการต่างประเทศ การค้าการลงทุนมันจะดีขึ้นมาเอง ถ้าเรายังทะเลาะเบาะแว้งกันไปเรื่อยๆไม่มีทาง ผมทำให้ตายมันก็ไม่เกิด หรือถ้าเกิดก็น้อยมาก

วีรชน - กลับมาที่ข่าวดีที่เรากำลังพูดถึงเรื่องของความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หลายๆ ฝ่ายมองว่ากลไกประชารัฐมีส่วนช่วย ท่านนายกฯ มีความคิดเห็นอย่างไรครับ

ประยุทธ์ - จริงๆ แล้วจะบอกว่า ผมมีความเห็นหรอ ผมเป็นคนสั่งให้มันเกิดขึ้นมาเอง เพราะผมดูแล้วภาคธุรกิจที่ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะธุรกิจข้ามชาติที่คนมองว่าเอื้อประโยชน์ ซึ่งมันเป็นเรื่องของอดีตที่ผ่านมาก็ว่าไป วันนี้ผมต้องเอาเขากลับมา กลับมาเพื่อจะส่งเสริมภาคประชาชนให้ได้ เอาเอกชนนักธุรกิจเข้ามา จัดคณะทำงานแล้วมาขับเคลื่อน จะเห็นได้ว่าวันนี้มีการจัดตั้งบริษัทประชารัฐส่วนกลาง และส่วนประจำพื้นที่ เช่น จังหวัดต่างๆ ต่อไปก็ต้องมีอีกครบปีนี้ ต้องมีครบทุกจังหวัด มันจะเป็นช่องทางทางการตลาด แล้วการสร้างความเข้มแข็งให้กับเขา แต่ช่วงแรกนี้ภาคธุรกิจเอกชนจะมาช่วยให้บริหารในระยะแรก แล้วการลงทุนจะเป็นของภาคประชาชนในสัดส่วนที่เหมาะสม และวันหน้าเขาจะถอนตัวออกไปคือ อย่าไปกลัวว่าเขาจะมารวบรวมผลประโยชน์

ของประชาชนมาหลอกเขาอีก เขาทำไม่ได้ เพราะผมไม่ให้เขาทำ วันนี้ผมเคยบอกไปครั้งที่แล้ว วันนี้ผมย้ำไปกับผู้แทนบริษัทที่เจอกัน ที่ไปรับซื้อการปลูกข้าวโพดบนเขา เขารับปากผมแล้ว เพราะทั้งประกาศไปแล้วว่าในฤดูกาลนี้ เขาจะเลิกซื้อข้าวโพดที่ปลูกในพื้นที่ที่ผิดกฎหมาย ซึ่งก็มีคนที่เดือดร้อน

เพราะฉะนั้นต้องเข้าไปดูด้วยนะ เพราะถ้าเขาขายไม่ได้แล้วเขาจะเอาอะไรกิน นั่นแหละคือปัญหา ถ้าเราไปแก้อีกอย่างหนึ่งมันก็เกิดอีกย่างหนึ่ง มันจะเป็นอยู่อย่างนี้ต่อไป เอาคนออกจากป่าไล่ออกไป แล้วคนจะไปอยู่ที่ไหน ก็ไม่มีที่อยู่อีก รัฐบาลคิดแบบนี้ เพราะฉะนั้นถ้าเราทำทุกอย่างให้เกิดความเข้าใจ สร้างความเชื่อมั่นเชื่อม

โยง เกื้อกูลซึ่งกันและกัน จะทำให้ประเทศแข็งแรงเจริญเติบโตจากภายในให้ได้ด้วยการทำประชารัฐ มันจะโยงไปสู่ภูมิภาค สู่โลก เศรษฐกิจมันจะขับเคลื่อนไปด้วยกัน ไม่ใช่ว่าประเทศไหนจะทำการเกษตรอย่างเดียวแล้วมันจะรวย เป็นไปไม่ได้ หรือบ้านไหนอำเภอไหนมันจะมีแต่เศรษฐกิจด้วยการเกษตรอย่างเดียว

ก็ไม่ได้อีก มันต้องไปทั้งการเกษตร อุตสาหกรรมสีเขียว และกิจกรรมอื่นๆ ที่มันเป็นรายได้ และถ้ามันยังไม่พอ รัฐบาลก็มีแนวทางที่จะจ้างงาน ซึ่งการจ้างงานจะต้องทำงานจริงๆ ไม่ใช่เอาเงินไปให้เฉยๆ ต้องออกแรงกันมาขุดลอกคูคลอง และมีเงินจ่ายให้กับเขา วันนี้รัฐบาลเดินทุกอันใช้เงินรวมแล้วหลายๆ แสน มี 10 มาตรการ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มันดีขึ้นกว่านี้ มันอาจจะเป็นช่วงหนึ่งที่การใช้จ่ายของภาครัฐออกมา เพราะเราลงทุน ทุ่มเงินมหาศาลลงไปในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานบ้าง อะไรต่างๆ ที่มันเป็นรายจ่ายมากๆ สูงๆ ของภาครัฐที่ผ่านมา เพราะมันเป็นขั้นตอน เพราะเงินมันเยอะ มันต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาต่างๆ ให้เกิดความชอบธรรม ถูกต้อง แล้วมันถึงจะจัดซื้อจัดจ้างได้ พอจัดซื้อจัดจ้างได้มันก็จะเริ่มขับเคลื่อน บริษัทก็เริ่มลงทุน ไปซื้อของ เตรียมจ้างแรงงาน มันก็เกิดการหมุนเวียนของเงิน นี่การคือการใช้จ่ายของภาครัฐที่เกิดขึ้น แต่ภาคประชาชนก็ยังแย่อยู่ เพราะว่า รายได้ไม่ลดลง เพราะฉะนั้นเราก็ไป เติมด้วยการจ้างงาน เติมเข้าไปด้วยมาตรการอื่นๆ ที่ให้ความเข้มแข็ง เราให้คนทุกคนเท่ากันไม่ได้ แต่ท่านลองมาคิดวิว่า รายได้ของเกษตรกรควรจะอยู่ที่เท่าไร

อย่างน้อยในระยะนี้ควรจะอยู่ที่เดือนละ 10,000 บาท หรือปีละ 1 แสนบาท ถ้าทำได้คิดว่าจะทำได้ไหมล่ะ ถ้าไม่ได้ด้วยการทำเกษตรกรก็ต้องหันไปทำอย่างอื่นแทน ต้องช่วยกันคิดแบบนี้ การดูแลรายได้ต้องดูตั้ง 10 มาตรการ ทั้งผู้มีรายได้น้อย สนับสนุนเกษตรกรในเรื่องของสินเชื่อ SMEs วงเงินรวมมากกว่า 6.4 แสนล้านบาท มากนะ แล้วก็เบิกจ่ายไปแล้ว 3.5 แสนล้านบาท ที่เหลือมันก็อยู่ในขั้นตอนช่วงพิจารณา ไม่ใช่ว่าใครเบิกมาก็ให้ก็ให้ ไม่ได้เดี๋ยวจะเกิดหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือนเข้าไปด้วย ว่าที่เหลือปี 2559 นี้ เหลือประมาณ 1.1 แสนล้านบาท มันจะสำเร็จไปด้วยกัน อันนี้ร่วมมือทั้งรัฐ ข้าราชการ เอกชน และประชาชน ปัจจัยอีกอันหนึ่งก็คือการเร่งเบิกจ่ายเม็ดเงินภาครัฐสู่ระบบเศรษฐกิจ เหมือนกันมาตรการปูพรม เท่าเทียมทั่วประเทศ ผมจะไม่ทำที่มันเป็น พื้นที่นี้ พื้นที่นั้น เพื่อจะให้มารักผม ไม่จำเป็น ผมต้องการให้เขารักชาติ ถ้าเขาจะรักชาติ ชาติต้องดูแลเขา ดูแลเขาในวิธีการที่ถูกต้อง เขาต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน ไม่อย่างนั้นเขาก็จะกลับมาที่เดิมตลอดว่า ใครให้เขา เขาก็ต้องรักคนนั้น

เพราะฉะนั้นผมบอกว่า ผมไม่ใช่รัฐบาล ไม่ต้องรักผมก็ได้ แต่ถ้าทุกคนรักชาติทุกคนยอมรับในกติกา แบ่งปัน เท่าเทียม มากบ้างน้อยบ้าง มันก็ไปได้ อีกอันที่คนมักจะว่ากล่าวว่า เรามองในเรื่องของการท่องเที่ยวเป็นหลัก แล้วไม่มองนักท่องเที่ยวบ้างว่ามันจะว่ายังไง นักท่องเที่ยวมันขยายตัวในเกณฑ์สูง มีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง มีรายได้เข้าประเทศ 1.16 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปี 58 ร้อยละ 10 ซึ่งแต่เดิมคาดไว้ไม่เกิน 28 ล้าน ไม่เกิน 30 ล้าน วันนี้คาดการณ์แล้วว่าน่าจะอยู่ที่ 33 ล้าน ก็ต้องดูเรื่องความปลอดภัย ดูแลเรื่องการทุจริต การนอมินีอะไรต่างๆ ทั้งหมด ดูทุกอันเลย แล้วในขณะเดียวกันต้องมาดุเรื่องของความปลอดภัย มาดูในเรื่องของการปรับปรุงห้องส้วมห้องน้ำ ที่จอดรถ ความสะอาด เพื่อจะชดเฉยรายได้ที่ลดลงจากการส่งออก ก็เอาการท่องเที่ยวเข้ามาช่วย ถ้าเราบอกว่ารังเกียจนักท่องเที่ยวที่เข้ามา แล้วทำให้บ้านเมืองสกปรกรังเกียจเขาได้ไหมล่ะ เราจะต้องสอนให้เขาอย่าทำ

เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครจะเข้ามาในประเทศไทย แล้วทำให้บ้านเมืองสกปรกเพราะคนเขาเยอะ เขาอยากทำอะไรสบายๆ เราลงทุนหน่อยซิครับ จ้างคนที่พูดภาษาเขาได้ไปยืนอยู่ในจุดที่เขาชอบทิ้ง ในจุดที่เขาชอบทำสกปรก ไปยืนบอกเขา เขาจะเข้าใจ เดี๋ยวเขาก็เลิกทำ ไม่ใช่มาบ่นให้รัฐบาลแก้ไข มันจะได้ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นธุรกิจภาคเอกชนก็ต้องทำ ผมทำได้แต่เพียงว่า กำชับไปว่า ใคร บริษัทไหนเอาทัวร์เข้ามาแล้วไม่ชี้แจง ไปจ้างมัคคุเทศก์ที่ไม่ใช่คนไทยอีก ที่ไม่มีข้อยกเว้น โดยบางอันยกเว้นให้ หรือไม่ก็ไม่กำชับเรื่องดูแลความสะอาดให้กับนักท่องเที่ยวเหล่านี้ ผมว่ามันต้องช่วยกัน

วีรชน - อันนี้เราควรจะพูดจากับบริษัทท่องเที่ยวในภาพรวมไหมครับ

ประยุทธ์ - เราพูดไปหลายครั้งแล้ว และหลายๆ บริษัทเขาก็ทำดีขึ้น มีเพียงบางบริษัท บริษัทเล็กๆ มั่ง บางทีก็นอมินีกันบ้างอะไรบ้าง วันนี้รื้อทุกอัน กำลังไปตรวจว่า บริษัทไหนมันถูกต้อง จดทะเบียนไหม ไกด์ถูกหรือเปล่า บริษัทห้างร้านที่จะต้องนำพานักท่องเที่ยวไปซื้อของเหล่านี้เป็นของปลอมหรือไม่ ซึ่งมันพันกันไปหมดเลย ไม่ใช่ว่ารัฐต้องการรายได้อย่างเดียว ใครจะเข้ามาก็เข้ามา เราคิดๆ บางคนบอกรัฐบาลเอาแต่เงิน รัฐบาลได้ที่ไหน มันได้เป็นรายได้ภาษีเท่านั้นเอง ภาษีการค้า ภาษีนิติบุคคล แต่สิ่งที่ได้จริงคือใคร เขาเอาเงินไปใช้ในท้องที่ ประชาชนก็ได้ ร้านอาหารก็ได้ โรงแรมก็ได้ เราได้แค่จากภาษีที่เขาได้มาส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ใช่ได้ทั้งหมดกี่ล้านๆ มันไม่ใช่หรอก อีกอันที่น่ากังวล ราคาน้ำมันใช่ไหม ผมบอกแล้วว่าราคาน้ำมันถึงเราจะไม่ได้เป็นประเทศที่มีน้ำมันจำนวนมากก็ตาม แต่น้ำมันของเราที่ขุดขึ้นมาได้บางส่วนมีคุณภาพ บางส่วนไม่มีคุณภาพ จะเห็นได้ว่าบางส่วนของน้ำมันต้องส่งออกไปทำน้ำมันอย่างอื่นที่มีเกรดต่ำ ถ้าเป็นเกรดที่ใช้ในรถยนต์ได้ เราก็ผลิตใช้ในประเทศ จนสัดส่วนตรงนี้ก็มีไม่เพียงพอ ต้องไปซื้ออย่างอื่นมากลั่นในประเทศไทย บางคนก็บอกว่าขุดในประเทศไทยแล้วทำไมต้องไปซื้ออย่างอื่นมาด้วย แล้วทำไมต้องเอาของไทยไปขายต่างประเทศ ไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่างแล้วมาพูดแบบนี้มันก็แย่นะ

วีรชน - ท่านนายกฯ ครับ เรื่องของราคาน้ำมัน ราคาน้ำมันลดลงก็เท่ากับว่าเป็นการลดต้นทุนการผลิตด้วย ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นมาตรการในการส่งเสริม

ประยุทธ์ - คือจะว่าใช่ก็ใช่นะ แต่อย่าลืมว่าราคาน้ำมันลดลง มีอะไรตามมาบ้าง 1.คนใช้น้ำมันกันอย่างไม่ประหยัดใช่ไหม แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อน้ำมันมันลดลง ภาษีส่วนใหญ่ของประเทศได้มาจากภาษีน้ำมันนะ นำเข้าก็ได้ ส่งออกก็ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อคนใช้รถมากๆขึ้น เราก็ใช้น้ำมันมากขึ้น แต่น้ำมันราคามันถูกไง ถึงแม้จะใช้มาก แต่เงินก็ลดลง ภาษีลดลงแน่นอน นี้ล่ะคือรายได้หลักของประเทศลดลงไปที่เกิดจากราคาน้ำมันลดต่ำลง

2.คืออุบัติเหตุเกิดขึ้นง่าย เพราะว่าคนก็ไม่ค่อยระมัดระวัง ใช้รถใช้ถนนกันเพลินไปหมด ไม่ประหยัดบ้างอะไรบ้าง สิ้นเปลื้อง สร้างแก๊ส สร้างอะไรต่างๆ เราก็โทษเขาไม่ได้อีก เพราะว่าระบบการขนส่งมวลชนเรายังไม่สมบูรณ์ นี้คือสิ่งที่เราต้องคิดต่อไป อีกอันคือ เรื่องของมาตรการการเงินการคลังที่ดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และมีคณะทำงาน กนอ.กระทรวงการคลังดูแลอีก เขาก็ดูแลในดอกเบี้ยเชิงนโยบาย เราต้องเก็บเอาไว้บ้าง ไม่ใช่ว่าลดลงมาจนหมด เดิมเราเคย 2 ปัจจุบันนี้เราก็รักษาไว้ 1.5 ไอ้ค่าเงินมันก็ขึ้นๆลงๆ นะ ถ้าเราเปลี่ยนไปเร็วมากๆ แข็งเกินไป น้อยเกินไป อาจจะต้องไป Subsidize เราจะมีเงินลงไป เรามีเงินพอไหมล่ะ ถ้าไม่พอเราต้องเก็บดอกเบี้ย นโยบายต้องเก็บเอาไว้บ้าง เอาไว้เพื่อที่จะแก้ปัญหาในระยะยาว เพราะฉะนั้นทุกคนก็ต้องเข้าใจตรงนี้ ทุกคนอยากได้อะไรหมด แต่ทุกคนไม่ยอมรับกติกา ไม่ยอมรับช่วยเหลือ ไม่ยอมแก้ไขอะไรเลย มันไปไม่ได้หมดหรอก มันก็ล้มละลายทั้งสิ้น อีกอันในเรื่องของการปรับตัวดีขึ้นของภาคการเกษตร ก็ดีใจนะ แล้วก็คาดว่าเอลนีโญจะเข้าน้อยกว่าปกติใน

ช่วงเดือนพฤษภาคม กรกฎาคม ภัยแล้งก็อาจจะลดลง การเกษตรก็จะดีขึ้น แต่ก็เป็นห่วงอยู่นะ วันนี้ราคาข้าวหอมมะลิ ราคาข้าวขาวมันลดลง ลดลงเพราะข้าวไม่มีคุณภาพ เพราะว่าน้ำน้อย เมล็ดเล็กสีเหลือง ก็ไม่ได้คุณภาพ ถูกตัดราคา แต่วันนี้น่าแปลกที่ว่าข้าวเหนียวราคาสูงขึ้น พอข้าวเหนียวราคาสูงขึ้น ก็กลับมาปลูกข้าวเหนียวมากขึ้นแล้วจะไปขายใครข้าวเหนียวราคาสูงขึ้น เพราะว่าขายได้ในอาเซียนเป็นส่วนใหญ่ มีไม่กี่ประเทศ ซึ่งถ้ากลับมาปลูกข้าวเหนียวมากขึ้นข้าวเหนียวก็กลับมาราคาตกอีก ก็ถึงบอกว่าต้องไปดูไร่นาสวนผสม ดู Agri-Map ว่า จะปลูกอะไรกันยังไง ซึ่งตอนนี้ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ กำลังเร่งมือ รัฐบาลหรอถ้าร้องขอให้รัฐบาลเอาเงินไปช่วยจะเอาเงินที่ไหน Subsidize หมดเลยหรอ ทั้งข้าว ทั้งอ้อย ทั้งมัน ทั้งอะไรต่างๆ เยอะแยะไปหมด ทุกอย่าง มันแย่ไปหมด เพราะว่าการผลิตทางการเกษตรโลกมีปัญหา

วีรชน - อันนั้นก็เป็นปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ถือว่าเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้ส่วนหนึ่งนะครับ ในการที่จะกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เพราะว่าตอนนี้ หลายฝ่ายเขาดีใจนะครับว่าเศรษฐกิจดีขึ้น แล้วก็มีความมั่นใจในการลงทุนประเทศไทย แต่ว่ามีบางสิ่งบางอย่างซึ่งเราควบคุมไม่ได้นี่ ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เหล่านี้นี่ ท่านนายกฯ มองว่าอะไรที่น่าเป็นห่วงบ้างครับ

ประยุทธ์ - เรื่องเศรษฐกิจโลกยังไง เพราะโลกต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เป็นตลาด เป็นแหล่งผลิต เป็นแหล่งแปรรูปต่าง ๆ ซึ่งถ้าเหมือนกัน ทุกประเทศทำเหมือนกัน ในอาเซียนมาผลิตเหมือนกัน แปรรูปเหมือนกัน การตลาดต้องลดราคา แข่งขันกันลงมา ก็เป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ราคาตลาดนะ เราจำเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองด้วยนะ ต้องดูแลราคาสินค้า การเกษตรในโลก แล้วก็ปรับดูซิว่าเราจะปลูกอะไร ยังไง ราคาข้าว ราคายาง ราคาน้ำตาล มันสำปะหลัง อ้อย อะไรเหล่านี้ แล้วแนวโน้มของการแข็งตัวของค่าเงินบาทด้วย การปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินด้วย เราต้องกันสถานการณ์ธนาคารประเทศไทย กนอ. รัฐบาล ฝ่ายเศรษฐกิจ ต้องทำหมดน่ะ อันนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวลนะ อันนี้พูดรู้สึกจะเน้นเกษตรอย่างเดียว ยังมีอย่างอื่นเยอะแยะ อาชีพอิสระอีกล่ะ มอเตอร์ไซค์รับจ้างก็มี เย็บปัก ถักรอยอยู่บ้านก็มี เลี้ยงเด็ก เลี้ยงลูก ทำครัว แม่บ้าน เฝ้าบ้าน เยอะแยะไปหมด คนเหล่านี้ก็คือคนทั้งสิ้น คนไทยทั้งสิ้น ถ้ารายได้เขาต่ำกว่าเดือนละ 10,000 อยู่ไม่ได้ จากสถานการณ์วันนี้นะ ผมว่าต้องช่วยกันดูแล้วล่ะ พี่จูงน้อง เพื่อนจูงเพื่อน นะ

วีรชน - ในฐานะที่ขณะนี้ ตอนนี้เรามาอยู่กันที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ของสหพันธรัฐรัสเซียนะครับ เพราะท่านนายกฯ ได้มีการเดินทางมาเยือนอย่างเป็นทางการ ที่ผ่านมานี่ท่านนายกฯ เดินทางไปหลายประเทศมากพอสมควร แล้วมีการพบปะกับผู้นำอะไรก็แล้วแต่เยอะมากพอสมควร แต่ว่าการมารัสเซียครั้งนี้ดูเหมือนว่าท่านจะให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษจะเห็นได้จากองค์ประกอบของคณะครั้งนี้มีรัฐมนตรีมาร่วมหลายท่าน นอกจากนั้นยังมีภาคเอกชน ที่ร่วมสมทบ กับคณะในครั้งนี้แล้วก็มีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ตรงนี้ท่านมองว่า การเยือนรัสเซียครั้งนี้มีความสำคัญยังไงครับ

ประยุทธ์ - ผมอยากให้มองอย่างนี้นะ ไม่ใช่ว่า อย่ามามองว่าประเทศไทยจะเปลี่ยนแนวทางของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไป หรือเปลี่ยนกลุ่มต่างๆ เราอยู่ในกลุ่มทุกกลุ่ม เพราะว่าเรามีการค้าการลงทุน ระหว่างกัน กับทุกประเทศในโลก เพียงแต่ต้องมาจัดระเบียบของเราให้ดีนะครับ เรียกว่าทางเลือกแห่งการเมือง การเมืองมีผลทางด้านเศรษฐกิจไง เราไม่ใช่เป็นการแบ่งพวก แบ่งฝ่าย เปลี่ยนฝ่ายอะไร ไม่ใช่ เราไม่มีฝ่ายใครทั้งสิ้น เพราะว่าเราเป็นประเทศไทย ประเทศเล็กๆ เราแบ่งฝ่ายก็เดือดร้อน มีผลกระทบกับพันธสัญญาต่างๆ ที่มีอยู่กับทุกประเทศในโลกหลายอันนะ วันนี้ก็มีหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ยูเรเซีย ใช่ไหม ทางด้านรัสเซีย มี TPP ทั้งสองกลุ่มพยายามจะอยากให้เราเข้าไป มี อาเซ็บ เข้าไปอีกใช่ไหม แล้วยังมีความสัมพันธ์อื่นๆ อีกเยอะแยะ ของ UN FTA ทั้งหมดนี่ทำยังไง นโยบายผมเหรอ จะต้องไม่ขัดแย้งกัน ไม่ใช่ได้อันนี้แล้วเสียอันนี้ ถ้าอันไหนเสียต้องคุยกันว่า ถ้าจะให้เราเข้าไปแล้วจะช่วยเราได้ยังไงตรงนั้นไม่งันจะเป็นการใช้เศรษฐกิจ มาเดินเรืองการเมือง เรื่องการแบ่งกลุ่มแบ่งอะไรด้วยนะผมก็ได้พูดกับรัสเซียเขาแล้ว เขาก็บอกเป็นทางเลือกของยู เขาก็บอกเป็นทางเลือกเหมือนกัน ของทุกประเทศ เขาไม่ต้องการมีบทบาทกับใครทั้งสิ้น เขาเป็นมหาอำนาจของเขาอยู่แล้ว

ฉะนั้นวันนี้ที่เรามารัสเซีย อย่ามามองว่าผมจะเปลี่ยนข้าง หรือผมจะมาซื้ออาวุธ ผมอารมณ์เสียตอนก่อนมา มาถามผมว่าผมมาครั้งนี้จะซื้อ ฮ.กี่ลำ มันเป็นเสี้ยวเดียวของการที่มาครั้งนี้นะ เพราะมันเป็นกิจกรรมหลายกิจกรรม อันแรก ทำไมถึงมาเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเพราะเมืองนี้เป็นเมืองที่เป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซียเมื่อ 119 ปีมาแล้ว ปีหน้าจะครบ 120 ปี ทำไมถึงเกิดที่นี่เพราะว่ารัชกาลที่ 5 ของเราเสด็จฯ มาที่เมืองนี้ มาสร้างความสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แล้วจากนั้นมาก็ส่งพระราชโอรสมาศึกษาเล่าเรียนใช่ไหม พระองค์เจ้าจักรพงศ์ภูวนาถ แล้วอีกหลายพระองค์ที่มา และในช่วงนั้นทำให้ประเทศไทยสามารถหลุดพ้นจากการเป็นอาณานิคมอะไรต่างๆ มาได้ ถือว่าเป็นสิ่งที่สถาบันทำไว้นะ แล้ววันนี้เป็นโอกาสที่ ปีหน้านะกรกฎาคม พ.ศ.2560 จะครบรอบ 120 ปี วันนี้ผมก็จะมาสร้างความสัมพันธ์วันนี้ ปีนี้เพื่อเตรียมการเฉลิมฉลองร่วมกันในปีหน้า นี่อันที่ 1

อันที่ 2.จากการที่พบปะกับท่านนายกรัฐมนตรีเมดเวเดฟ พบมา 3 ครั้งแล้วมั้ง แล้วยังได้มีการพูดคุยในการประชุมอีกหลายที แล้วเคยมีการเยือนที่ประเทศไทยมาด้วย พูดกันหลายเรื่อง

วีรชน - เมษายนปีที่แล้ว

ประยุทธ์ - ฉะนั้นสิ่งที่เราพูดกันแล้วนี่มันจะต้องเร่งนำมาขับเคลื่อนใช่ไหม ว่าศักยภาพของเราเป็นยังไง ของรัสเซียเป็นยังไง รัสเซียมีจุดแข็งเรื่องอะไรบ้าง เขาแข็งเรื่องอะไร อุตสาหกรรมหนัก วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม การศึกษา อวกาศ การบิน อะไรก็แล้วแต่ วิจัยพัฒนา เหล่านี้ เรากำลังต้องการอยู่

ต้องการทุกประเทศแหละครับ ถ้าประเทศไหนช่วยเหลือเรา เราก็เอาทั้งหมดแหละ เพราะเราต้องเตรียมความพร้อมประเทศไทยไปสู่เทคโนโลยี กลายเป็นประเทศที่ใช้เทคโนโลยี ใช้ความรู้ วิทยาการสมัยใหม่ และก็สอดคล้องกับคำว่า ไทยแลนด์ 4.0 4.0 ก็คือ ไม่ใช่ไทยแลนด์ 4.0 อย่างเดียว คือโลกเป็น 4.0 ด้วย เข้าใจไหม ในโลกยุคใหม่มันจะต้องเป็นเศรษฐกิจที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ ใช้หุ่นยนต์ทำงานอะไรต่างๆ เหล่านี้ เราเตรียมความพร้อมหรือยัง ถ้ายังไม่พร้อมคิดใหม่ได้เหรอ ก็ไปหาประเทศที่เขาทำแล้วสิ วันนี้ก็มาก็ได้ประโยชน์ที่ผมจะคุยกับเขา การค้าการลงทุนเราก็กับรัสเซียเหรอ มันก็น้อยอยู่นะ ที่ผ่านมามันถือว่าน้อย มีเฉพาะการท่องเที่ยวที่มาก ก็ยังลดลงเหมือนกัน จากค่าเงินรูเบิล เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็ไม่สนใจ เราก็มาตั้งเป้าหมายกับท่านนายกรัฐมนตรีว่าทำยังไง เราจะเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่า ภายใน 5 ปี ผมก็บอกว่าเร็วกว่า 5 ปีก็ได้ จะมากกว่า 5 เท่าก็ได้ ผมขอสองปีแรกเนี่ยถึง 2560 ให้ได้ก่อนมั้ย ท่านก็รับปากว่าต้องหาอะไรให้ได้ก่อนเพื่อจะทำ

วันนี้เอาคณะรัฐมนตรีไทยมา 7 ท่าน ถือว่ามากที่สุดแล้ว ในการเยือนต่างประเทศ ทุกคนก็สงสัยว่าทำไมต้องมา เอาใจเขาหรือเปล่า ก็มันมีหลายเรื่อง จะได้จบไปซะทีเดียว แล้วผมเป็นคนนำมา ก่อนผมมาก็รองนายกฯ มา 2 ท่าน คนก็สงสัยอีก ทำไมเอารองนายกฯ มา 2 ท่าน ช่างสงสัยกันจริงๆ ก็งานมันเยอะ ทำให้มันเร็ว ผมต้องส่งคนมาเยอะใช่ไหม แล้วคราวนี้ผมมาเอง เห็นไหม เซ็นเอ็มโอยูไปสิบกว่าฉบับ 14 ฉบับได้ ทั้งของภาครัฐ ภาคเอกชนด้วย มันก็เป็นประโยชน์กับใคร กับผมเหรอ ไม่ใช่ กับประเทศทั้งสิ้น และเราก็ไม่ได้เป็น เขาเรียกอะไรล่ะ แบ่งภาค มันไม่ใช่ ทำยังไงเราจะขับเคลื่อนไปด้วยกัน ไม่ว่าจะใครกันก็เป็นการเชื่อมเศรษฐกิจยูเรเซียใช่ไหม ทางด้านเขา 5 ประเทศของเราคืออาเซียน ผมมาครั้งนี้ผมมาพูดให้อาเซียนด้วย และหลังจากการประชุมครั้งนี้ มันคือการประชุมอาเซียนซัมมิทกับยูเรเซียใช่ไหม กับรัสเซีย ในการประชุมระดับวาระพิเศษ 20 ปี ของความสัมพันธ์อาเซียนกับรัสเซีย

ฉะนั้นเราก็ต้องนำสิ่งที่เราพูดนำไปสู่การปฏิบัติ เราต้องกำหนดแนวทางกันให้ดีว่า จะกำหนดโรดแมป 1,2,3 อะไร ทำเมื่อไรกิจกรรมอะไรบ้าง หลัก รอง เสริม มีการร่วมลงนาม พอลงนามไปแล้วเนี่ยต้องทำ ต้องทำงานให้ได้ ไม่ใช่ลงไปแล้ว ไม่รู้กี่ 100 ฉบับแล้วไม่ทำ มันถึงช้า ทีนี้ผมมาเร่งไง ถึงเอาคนมาเยอะๆ มันจะได้จบเร็วๆ แล้วเดี๋ยวกลับไปก็ทำงานได้เลย

วีรชน - ฉะนั้นในการเยือนรัสเซียครั้งนี้ ท่านได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเมดเวเดฟ และก็อีกหลายๆ ท่าน ความประทับใจของท่านคืออะไร

ประยุทธ์ - ความประทับใจเหรอ ท่านเป็นคน ผมว่าเป็นคนน่ารักนะ ในความรู้สึกส่วนตัวของผม คือท่านเป็นผู้นำที่ทันสมัย มีอารมณ์ศิลปิน ชอบถ่ายภาพ เคยเอาภาพมาแสดงที่เมืองไทยด้วย ไปในรัฐบาลไหนก็ตาม ท่านชอบถ่ายภาพ มีภาพสวยๆ หลายภาพมาแสดงที่เมืองไทย ถ่ายรูปประเทศไทยไว้เยอะแยะ เป็นเล่มๆ เลย นี่ท่านก็แจกให้หนังสือสมุดรวมภาพถ่ายของท่านมา เดี๋ยวผมจะไปดู

วีรชน - ดูเหมือนผู้นำทั้งสองท่าน จะมีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเลยนะครับ

ประยุทธ์ - ผมว่ามันเป็นเขาเรียกอะไรล่ะ เขาเรียกว่า มันตรงกันมั้ง เคมีมันตรงกัน คำว่าเคมีตรงกันคือทำเพื่อประเทศ ทำเพื่อกลุ่ม ทำเพื่อประชาคม และบนหลักการก็คือ ประชาชนต้องเป็นศูนย์กลาง เป็นคนได้ประโยชน์ ประเทศชาติมีการพัฒนา การพัฒนาประเทศที่เราไม่ได้ ผมบอกแต่เพียงว่า ไม่ใช่เฉพาะรัสเซียกับไทย เพราะฉะนั้นถ้าเอาไทยมาอยู่ทางอาเซียน ก็เป็นไทยบวกอาเซียน ของเขาก็เป็นรัสเซียกับยูเรเซีย ถ้าเราทั้งทั้งหมดเนี่ยมันจะกลายเป็นมากขึ้น เป็นพหุภาคีเนี่ยสองข้าง ปริมาณคนเท่าไรล่ะ ตลาดเท่าไรล่ะ การผลิตสินค้าอีกเท่าไร เพราะฉะนั้นมันต้องมาเชื่อม จะไกลยังไงก็ตาม มันถึงแล้ววันนี้

วีรชน - ท่านนายกฯ เรากำลังขยับไปที่เมืองโซชิ เพื่อจะพูดในฐานะที่เราเป็นอาเซียน เรากำลังจะพูดถึงความร่วมมือ ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับรัสเซีย ท่านนายกฯ มีแนวความคิดต่อเรื่องนี้อย่างไรครับ

ประยุทธ์ - อันนี้คงตรงกับที่ผมพูดไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม อะไรก็ตามที่มันเริ่มกันระหว่างประเทศไปแล้วเนี่ย มันต้องไปสู่ประชาคมของตัวเองด้วย และเราเป็นประชาคมอาเซียนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นการที่จะทำให้อาเซียนเข้มแข็ง ในอาเซียนด้วยกันต้องรวมกลุ่มกันให้ได้ ใช่ไหม เป็นเศรษฐกิจเดียวกันให้ได้ เพราะฉะนั้นมันยังมีอีกหลายอย่างที่ผมต้องไปแก้ภายในของผมเองอีก กับเพื่อนเรานะในอาเซียน ก็คุยกับผู้นำทุกประเทศแก้ไปหลายอย่างแล้ว การข้ามสัญจร ข้ามแดนไปมา กติกาการค้าการลงทุน การปรับบีโอไอ การสร้างความเชื่อมโยงถนนหนทาง ทั้งทางอากาศ ทางน้ำ แม้กระทั่งทางรถยนต์ ปริมาณรถยนต์ผ่านแดน การปรับปรุงด่านศุลกากรทั้งหมด การแก้กฎหมายให้มันตรงกัน เพื่อจะรวมกลุ่มการค้าของเราให้ได้ เสร็จแล้วเราจะรวมสินค้าเหล่านี้ไปสู่ขบวนอื่น

เพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถไป ทำความเข้าใจและประชุมกันที่โซชิได้เนี่ย มันจะเพิ่มมูลค่าในการค้าขายระหว่างเรา ผมก็จะตรงนั้น วันนี้ผมมาพูดในฐานะไทยกับรัสเซีย แต่พอผมไปโซชิจะไปอีกเรื่องหนึ่ง ไปเรื่องของไทย อาเซียนกับรัสเซีย และยูเรเซีย เห็นมั้ยมันต่างกันตรงนี้ แล้วผมก็ดีใจนะได้มีโอกาสพบท่านปูตินอย่างเป็นทางการก็คือได้พูดคุยกันตัวต่อตัว ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก็คงได้พูดคุยในสิ่งที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกันมา 120 ปี ว่าจะทำยังไง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบัน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเคยเสด็จมาที่นี่เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว แล้วได้มาพบกับท่านประธานาธิบดีปูติน สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงรับสั่งพระราชทานผมเสมอว่า ท่านภาคภูมิใจในการเสด็จที่นี่ ด้วยความเป็นกันเอง ด้วยความน่ารัก ด้วยความให้เกียรติ และระลึกถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสถาบันด้วยกันในอดีตเกือบ 120 ปีที่ผ่านมา น่าจะดีขึ้นทุกอย่าง

วีรชน - ท่านผู้ชมครับ วันนี้เราก็ได้รับทราบเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ ต่อการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็น ประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนอย่างแท้จริง แต่ว่าสิ่งเหล่านี้เนี่ย มันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยนะครับ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่รัสเซียนั้น ถือว่าเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการที่จะขับเคลื่อนประเทศไทย ในการที่จะนำพาประเทศไทยให้ผ่านพ้นวิกฤต และนำไปสู่การเป็นประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่งอย่างยั่งยืนได้อย่างแท้จริงนะครับ

ประยุทธ์ - อยากจะเสริมนิดนึง คือ เราต้องก้าวของเราภายใน แล้วพาเพื่อนเราก้าวไปด้วย แล้วก็ก้าวไปสู่คนข้างนอกให้เขาพาเราไปอีกทางหนึ่งด้วย มันจะเป็นการก้าวที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน นี่อีกประการหนึ่งที่ผมยังฝากสุดท้าย ก่อนคุณจะสรุป ผมอยากจะบอกอันหนึ่งว่า เมื่อวันพฤหัสที่แล้วเนี่ย ผมได้ตัดสินใจแล้วให้ฝ่ายความมั่นคงไปพิจารณาดูซิว่าจะเปิดเวทียังไงให้ฝ่ายการเมือง ให้ทั้ง กรธ. สนช. สปท. และใครอะ คสช.มั้ง มาชี้แจงว่า เอ๊ะมันจะเดินหน้าประเทศกันยังไง ประชามติ เลือกตั้งอะไรก็แล้วแต่ ผมให้มาถกแถลงก็แล้วกัน เพราะที่ผ่านมาก็หาว่าผมไม่เปิดช่องทาง ผมไปกดดันเขา เนี่ยผมเปิดให้แล้วดูซิว่า ผมกำลังรอรายงานอยู่นะ เกิดไปแล้วล่ะ เมื่อวันวานมั้ง วันพฤหัสฯ หรือไง ก่อนที่เราจะออกรายการวันศุกร์เนี้ยนะ เขาจัดวันพฤหัสฯ ผมมาอยู่นี้ ผมยังไม่ได้รับรายงาน มันคร่อมกันอยู่ เดี่ยวผมจะรอฟังดูซิเขาว่ายังไง เหตุผลของแต่ละพวกเขาว่าไง แต่ผมยังยืนยันอยู่อย่างหนึ่งว่า ผ่านหรือไม่ผ่านก็ เป็นเรื่องของกลไก เป็นเรื่องของกติกา เป็นเรื่องของโรดแมป อะไรต่างๆ แล้วแต่

เพราะฉะนั้นคนไทยต้องมาดูตรงนี้ว่า ไอ้สิ่งที่ผมพูดทั้งหมดมาแล้ว เรื่องความยากจน เรื่องการเกษตร เรื่องของการพัฒนาประเทศ เรื่องของการทุจริตคอร์รัปชัน การมีรัฐบาลธรรมาภิบาลเหล่าเนี้ย มันจะแก้ได้ไหม ในการทำประชามติครั้งนี้ ถ้ามันทำได้ก็ดี ก็เลือกไปสิ แต่ถ้ามันทำไม่ได้ขึ้นมาท่านจะว่ายังไง ท่านก็ว่ามา ผมไม่สามารถจะบังคับท่านได้อีกแล้ว ผมได้ให้อำนาจของผมไปแล้ว ในการพิจารณาร่วมกัน อย่ามาทะเลาะกัน แล้วกรุณาฟังด้วยว่าใครพูดว่าอะไร ใครจะทำอะไรในอนาคต ถ้ามุ่งหวังย้อนกลับไปความขัดแย้งก็อีกล่ะ ย้อนไปย้อนมา ไอ้นี่ผิด ไอ้นั่นถูก ไอ้นี่จะต้องยกโทษ ไอ้นี่นิรโทษไม่มีจบ มันเดินหน้าไม่ได้ไง แล้วบางคนบอกให้ผมแก้ปัญหาของเก่า มันแก้ได้ไหมล่ะ ทุกคนไม่ยอมรับอะไรสักอย่าง แล้วจะให้ผมแก้ มันแก้ไม่ได้หรอก จะหาว่าผมไม่ปรองดอง ผมพร้อมปรองดอง แต่ปรองดองกันด้วยกฎหมายก่อนเท่านั้นเอง รับกันไหมล่ะ

เพราะฉะนั้นอย่ามาพันเรื่องประชามติ อย่ามาพันเรื่องเลือกตั้ง ตอนนี้มันลากไปลากมาทั้งหมดเลย ก็ไปดูเจตนาของคนพูดก็แล้วกันได้ อยากทำอะไรที่มันเกิดประโยชน์มากกว่า เข้าใจไหม

วีรชน - ท่านผู้ชมครับ จริงใจ จริงจัง แล้วก็ชัดเจนในทุกข้อความในทุกข้อมูลที่ได้นำเสนอให้กับพี่น้องประชาชนนะครับ ขอบพระคุณทุกท่าน ที่ติดตามรับชมรายการมาโดยตลอด พบกับท่านนายกรัฐมนตรี และรายการคืนความสุขให้กับคนในชาติในสัปดาห์หน้านะครับ สำหรับวันนี้ ท่านนายกรัฐมนตรีและผมขออนุญาตลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ

ประยุทธ์ - สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น