ป้อมพระสุเมรุ
ดูท่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะพยายามใช้กรณีการจับกุม “กลุ่มแอดมินเพจ” จำนวน 8 ราย ในข้อหาความผิดที่เกี่ยวกับความมั่นคง ขยายผลไปให้ถึงต้นตอ “คนชักใย” ให้ได้
อีกทั้งยังใช้เป็นยุทธวิธี “เชือดโชว์” เป็นบทเรียนให้แก่ผู้ที่ริจะทำซ้ำ-เลียนแบบ หวังแหย่เสืออย่างรัฐบาล คสช.ไม่เลิก ดูได้จากข้อหาที่ “8 แอดมิด-เอดิเตอร์” โดดกันไม่ใช่ข้อหาจิ๊บจ๊อย งัดมาทั้งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ผนวกกับความผิดด้านความมั่นคงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 โทษฐานยุยงปลุกปั่น
แถม 2 แกนหลักสำคัญยังโดนข้อหาหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกด้วย
ล่าสุด “ศาลทหาร” ก็ยกคำร้องไม่อนุญาตให้ประกันตัว 8 มือโพสต์ 2 ครั้งรวด ทำให้ทั้งหมดต้องอยู่ในซังเตต่อไป
เข้าใจได้ว่าเหตุผลที่ คสช. โดย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. รวมทั้ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงท่าทีขึงขึงไม่ยอมอ่อนข้อให้ เพราะไม่ต้องการให้ “ขั้วการเมือง” ฉวยโอกาสช่วงการทำประชามติรับ/ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ มาปลุกปั่นยุยงให้เกิดความวุ่นวาย
พูดง่ายๆก็คือทางฝั่ง “เพื่อไทย - เสื้อแดง” และแนวร่วมนั่นเอง
ตั้งแต่เข้ามายึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 2557 รัฐบาล คสช.ก็พยายามทำทุกทุกวิถีทางเพื่อสกัดขบวนการเคลื่อนไหวของฝ่ายต่อต้านมาโดยตลอด มีทั้งการจับกุมคุมตัวการเคลื่อนไหว “บนดิน” ในรูปแบบต่างๆที่มาเป็นระลอก แกนนำ-แนวร่วมโดนเรียกเข้าปรับทัศนติกันเป็นแถวๆ ที่น่าหนักใจคงเป็นการสกัดความเคลื่อนไหว “ใต้ดิน” ที่ก่อหวอดรวมตัวกันมาตั้งแต่ก่อนที่ คสช.จะเข้ามา โดยเฉพาะช่วงที่มีการชุมนุม กปปส.ขับไล่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ซึ่งมีความพยายามจากบางฝ่ายต้องการเล่นเกมใต้ดินปั่นกระแสความเกลียดชังในตอนนั้น
หลังจากที่ คสช.เข้ามา กลุ่มใต้ดินเหล่านี้ก็ปรับโทนจากเดิมที่สนับสนุนรัฐบาลก่อน มาโจมตีตั้งแต่ คสช. ก่อนจะมาเป็นรัฐบาล มีการสื่อสารกับมิตรรักแฟนคลับอย่างต่อเนื่อง ทว่าฝั่งรัฐบาล คสช.กลับทำได้แค่ “เล่นตามเกม” ของฝ่ายต้านไปเรื่อยๆ ทำให้แนวร่วมขยายวงกว้าง ทั้งในอารมณ์ไม่ยอมรับอำนาจ “รัฐบาลทหาร” และผลพวงจากการบริหารประเทศที่ผิดพลาด เศรษฐกิจที่ตกต่ำ
และเมื่อปี่กลองประชามติเชิดอย่างเป็นทางการ หลังจากที่มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ กำหนดวันลงคำแนนในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 แล้ว จึงเห็นได้ว่า รัฐบาล คสช.ปรับเกมจากที่คอยติดตามสืบค้น มาเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู มีการเรียกแกนนำพรรคเพื่อไทยเข้าปรับทัศนคติ การจับกุมกลุ่มนักศึกษาประชาชนที่จัดกิจกรรมในเชิงต่อต้านต่างๆ จนมาถึงการเข้าชาร์จ “8 แอดมิด-เอดิเตอร์” นำไปสู่การดำเนินคดีดังกล่าว
จะสังเกตได้ว่า กลุ่มคนที่ฝ่ายต่อต้าน คสช.ดึงมาใช้งานนั้นเป็นบรรดา "นักศึกษาจบใหม่” ซึ่งเติบโตมาในยุคโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค และหลายคนมีทัศนคติไม่ดีต่อรัฐบาลเป็นทุนเดิม บวกกับ “น้ำเลี้ยง” ค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ ในการทำงานเปิดเพจติดตามข่าว และสร้างกระแสเสี้ยมตามวาระโอกาส
จากผังเชื่อมโยงที่ทางตำรวจนำมาเปิดเผย โดยอ้างว่าเป็นการจัดทำผังขึ้นมาจากคำสารภาพของ “8 แอดมิด-เอดิเตอร์” เอง มีตัวละครสำคัญรายหนึ่งระบุว่าชื่อ "ชัยธัช รัตนจันทร์" ทำหน้าที่เป็นผู้รับคำสั่งจากผู้สั่งการ พร้อมรับเงินค่าตอบแทนไปจ่ายให้กับทีมงาน ซึ่งขณะนี้ตามข้อมูลทราบว่า “ชัยธัช” อาศัยแต่ในต่างประเทศ จึงมีฐานะเป็นผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับอยู่ในตอนนี้
ถัดมาก็เป็น "หฤษฎ์ มหาทน" อดีตนักข่าวค่ายสีแดง ทำหน้าที่ดูแลเนื้อหาที่นำไปเผยแพร่ในเพจ และให้ "ณัฏฐิกา วรธันยวิชญ์" นำข้อมูลไปเผยแพร่ต่อ และยังมีข้อมูลพบว่าทั้งคู่เคยรับเงินจาก “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. และ “บก.ลายจุด” สมบัติ บุญงามอนงค์ ด้วย
รายของ “ณัฏฐิกา” ถูกระบุในผังว่ารับเงินจาก “บก.ลายจุด” ตลอดช่วงที่กลุ่ม กปปส.ชุมนุม รวมแล้วเกือบ 1 ล้านบาท เพื่อทำเพจต่อต้านหักล้างข้อมูลเวที กปปส.
หลักฐานเด็ดที่ คสช.นำมาเชื่อมโยงความสัมพันธ์มาถึง “ตุ๊ดตู่-บก.ลายจุด” คือการโอนเงินเข้าบัญชี และยังมีหลักฐานเป็นรูปถ่ายบรรดา 8 มือโพสต์ ที่ร่วมทำกิจกรรมกับ “ขั้วแดง” อยู่หลายครั้ง
แต่ “ตุ๊ดตู่-บก.ลายจุด” นั้นเป็น “เซเลบเสื้อแดง” ที่ คสช.หมายหัว และเฝ้าจับตาการเคลื่อนไหวอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจเท่าไร รวมทั้งยังไม่ได้เกี่ยวข้องกับผังที่ว่านี้แบบโดยตรง โฟกัสจึงจับไปที่ “บุคคลนิรนาม” ที่ปรากฎเป็นรูปเงาดำอยู่บนสุดของผัง ซึ่งถูกระบุว่าเป็น “ผู้บงการ” สร้างเครือข่ายในโลกออนไลน์
ไม่ทันไรก็ปรากฎชื่อ “โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความเป็นไปได้ว่าเป็น “บุคคลนิรนาม” ที่ว่า แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากเจ้าหน้าที่ ทำให้วิเคราะห์กันว่า ยังไม่สามารถเชื่อมโยงหลักฐานเพื่อเอาผิดได้
เบื้องต้นฝ่ายข่าว คสช.สืบทราบว่า เพจหลักของ “โอ๊ค” ที่ชื่อ “Oak Panthongtae Shinawatra” นั้นมีทีมงานช่วยดูแลอยู่ในลักษณะเดียวกับที่ “ตุ๊ดตู่-บก.ลายจุด” จ้างแอดมินบางคนในกลุ่ม 8 คนดูแล โดยมีการจ้างค่าตอบแทนเป็นรายเดือน ซึ่งจุดนี้ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย เป็นการดำเนินการปกติเช่นเดียวกับองค์กรธุรกิจทั่วไป เพียงแต่สิ่งที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายก็คือเนื้อหาในการโพสต์ที่ทาง คสช.กำลังเฝ้ามอร์นิเตอร์ติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ก็ยังไม่มีโพสต์สามารถเอาผิดได้อย่างจริงๆจังๆ
ทั้งนี้ “ทีมโอ๊ค” ที่ทำเพจเฟซบุ๊คให้ “พานทองแท้” นั้น พบว่าส่วนใหญ่เป็น “อดีตนักข่าว” ที่คอยคิดเนื้อหา-รูปแบบการโต้ตอบในสถานการณ์ต่างๆ โดยบ่อยครั้งมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า “โอ๊ค” คงไม่ได้คิดหรือเขียนข้อความด้วยตัวเอง
โดย “ทีมโอ๊ค” ตัวหลักตามข้อมูลของ คสช. มี “อดีตนักข่าว” ที่เคยสังกัดสถานีโทรทัศน์มาแล้วหลายช่องทั้งช่องน้อยสี-ช่องสื่อสาธารณะ-ช่องทีวีเคเบิล คอยกำกับเนื้อหาและเขียนเฟสบุ๊คแทน ทำทุกอย่างเหมือน “โอ๊ค” ทำเองทั้งหมด แถมยังต้องดูแลลูกน้องที่จะคอยปั่นยอดกดไลท์ เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งให้ชาวออนไลน์ได้เห็นความเคลื่อนไหวของเพจโอ๊คอีกทาง
อีกคนเป็น “อดีตนักข่าว” หนังสือพิมพ์การเมืองที่ผันตัวไปรับใช้ “ขั้วแดง” เต็มตัว ซึ่งรับจ็อบเหมือนกันคือคอยคิดเนื้อหา ข้อความหวือหวาโจมตี “ขั้วตรงข้าม” แทนเจ้าตัวทั้งหมดเช่นกัน
“ทีมเพจโอ๊ค” ชุดนี้หาตัวได้ไม่ยาก หากไปเดินแถวถนนวิภาวดี-รังสิต เลยสโมสรทหารบกไปนิดหน่อย พบสถานีโทรทัศน์วอยส์ทีวี ในตัวอาคารของวอยส์แบ่งเป็น 2 โซน โดยโซน 1 ใช้สำหรับสถานีโทรทัศน์ โซน 2 ใช้สำหรับการสื่อสารทางออนไลน์ ซึ่งหากเจอหน้าค่าตาก็จะร้องอ๋อทันที เพราะอยู่ในวงการข่าวมานานพอสมควร อายุงานเกือบ 20-30 ปี
ข้อมูลของ คสช.ระบุด้วยว่า สนนราคาที่ “โอ๊ค” ใช้ฟาดหัว “อดีตนักข่าว” ขึ้นอยู่กับราคาค่าประสบการณ์ของแต่ละคน ใครประสบการณ์มากหน่อย ก็ต่อรองได้สูงไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาทต่อเดือนที่เหลือก็ลดหลั่นลงมา แต่ไม่อยู่ในอัตราที่น่าเกลียดเสื่อมเสียฐานะลูกมหาเศรษฐีแน่นอน เคาะออกมาแล้วก็ยังมากกว่าเงินเดือนนักข่าวหลายเท่าตัว
เมื่อ “โอ๊ค” ใช้ “อดีตนักข่าว” ทำงานให้ “เพจโอ๊ค” เลยหาช่องฟ้องร้องหรือจับผิดได้ยาก เพราะ “อดีตนักข่าว” ใช้สิ่งที่เรียนรู้มาป้องกันให้ทุกทาง คำเขียนที่สามารถตีความเข้าข้างตัวเองไม่ให้ผิด ถูกนำมาใช้หลายครั้ง สิ่งใดที่สุ่มเสี่ยงจะถูกคัดกรองก่อนทันที คสช.ที่จ้องอยู่จึงจับผิดไม่ได้สักที
แต่ช่องที่เปิดอยู่คือ เครือข่ายเพจอื่นที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์มายัง “โอ๊ค” ได้ยังพอมีอยู่ แต่ต้องไล่ความสัมพันธ์บรรดา “ลูกมือ” ที่รับจ่ายเงินกันเป็นทอดๆให้ดี เพราะถ้าไล่ได้เมื่อไรมีหวังบิงโก จับมือบงการใหญ่ได้เร็วขึ้นเมื่อนั้น
เกมใต้ดินที่ “ขั้วแดง” กำหนดยุทธศาสตร์เอาไว้เป็นไม้ตายปลุกคนขึ้นมาสู้ เมื่อ คสช.เปิดเกมให้ขึ้นมาเล่นกันบนดินแล้ว ก็ควรขจัดต้องใช้ “ไม้แข็ง” กวาดล้างให้สิ้น
ถ้ายังเหยาะแหยะแจ้งข้อหาหยุมหยิมเอาผิดไม่ได้ ก็จะเป็นเสี้ยนหนามมาทิ่มแทง คสช.เองได้ในสถานการณ์ที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม.