“ประยุทธ์” ขออย่าไปตีกระแสปม ป.ป.ช.พิจารณาถอนฟ้องคดีสลาย พธม. 7 ตุลาฯ แย้ม ป.ป.ช.รับเรื่องผู้ถูกกล่าวหาตาม กม. แนะอีกฝ่ายยื่นบ้าง มองไม่ผิดปกติ ไม่สนใจ “สนธิ” วิจารณ์โครงการประชารัฐเอื้อลูกนักธุรกิจ ย้อนไม่เคยทำและพูดมันง่าย ขออย่าก้าวก่ายงานกัน ย้ำทำเพื่อประโยชน์ ปชช. สตาร์ทอัพไม่เสียหาย
วันนี้ (3 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมพิจารณาถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ปี 2551 ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การรื้อฟื้น แต่เป็นการยื่นเรื่องจากฝ่ายผู้ต้องหาที่ถูกกล่าวหาขอให้พิจารณาทบทวน ทุกคนสามารถยื่นได้หมด ทาง ป.ป.ช.เพียงแต่รับมาพิจารณาว่ารับได้หรือไม่ได้ ใช่หรือไม่ที่เขามีมติออกมา แต่การดำเนินการต่อหลังจากนั้นคงต้องติดตามดูกันอีกที แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาในเรื่องนี้นั้นจะนำไปสู่การปฏิบัติ ถ้าเขายังไม่ได้ตั้งก็ไม่ได้ตั้ง ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น ฉะนั้นอย่าไปตีกระแสตรงนี้ให้มันขัดแย้งกันอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมต้องขอถอนฟ้อง เมื่อคดีนี้อยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลแล้ว นายกฯ กล่าวว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ยื่นเรื่องขึ้นมา ซึ่งตามกฎหมาย ป.ป.ช.คงต้องรับ แต่ปัญหาว่าถ้าอยู่ในชั้นการพิจารณาเขาจะทำต่อหรือไม่ เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.จะพิจารณาต่อไป อีกฝ่ายก็มาเสนอ ดูว่าเขาจะรับหรือไม่
ส่วนกรณีที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์หาก ป.ป.ช.ดำเนินการถอนฟ้องและเกิดบรรทัดฐานกับคดีอื่นนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะเป็นบรรทัดฐานอะไรในเมื่อมันยังไม่เกิด ตนบอกเองว่าถ้าจะให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันก็ให้เขามายื่นให้เหมือนกัน
เมื่อถามว่าส่วนของนายกฯ มองว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มองว่าผิดปกติ อะไรที่ไม่ใช่เรื่องคือไม่ใช่เรื่อง ตนได้แต่บอกว่าควรทำหรือไม่ควร ก็ไปว่ากันมา เวลานี้ปัญหาตนก็เยอะอยู่แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และอดีตแกนนำพันธมิตรฯ แสดงความเห็นต่อโครงการประชารัฐว่าเป็นโครงการเอื้อลูกนักธุรกิจให้ได้ประโยชน์ว่า ตนไม่สนใจ เพราะทำในสิ่งที่ดี คนที่พูดแล้วไม่ได้ทำก็ลองมาทำดูเองบ้าง และทำให้ได้อย่างตนทุกคนที่ออกมาพูด ถ้าไม่เคยทำ คิดและพูดมันง่ายเกินไป เพราะคนพูดไม่ได้เจอปัญหา มีแต่สร้างปัญหาความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจ
“ผมยังไม่ก้าวก่ายงานของท่านเลย ยังไม่เคยบอกหนังสือพิมพ์หรืออะไรของท่านเขียนในเชิงสร้างความขัดแย้ง ยังไม่เคยว่าเลย ฉะนั้นอย่ามายุ่งกับผม แม้แต่คนที่มาช่วยโครงการสตาร์ทอัพ เขาจะมาฮุบอย่างไร บอกวิธีการฮุบมาสิ ผมจะไม่ฉลาดพอที่จะให้เขาฮุบเหรอ เขามาช่วยขับเคลื่อน ร่วมตั้งบริษัทและมีผลกำไรหรือเปล่า ผลกำไรอยู่ที่ไหนดูตรงนี้ โครงการประชารัฐไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่หรืออย่างไรนั้นเพื่อเอาประโยชน์มาสู่ประชาชน เพราะประชาชนเป็นหุ้นส่วนใหญ่ เงินที่ได้กลับมาไม่ได้แบ่งปันผลประโยชน์ แต่เอามาเป็นค่าแรงค่าจ้างเจ้าหน้าที่ ที่เหลือผลักเข้าสู่กองทุน นำไปใช้ขยายที่อื่นมันผิดตรงไหน” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่ายังนายกฯ มั่นใจว่านโยบายนี้เป็นสิ่งที่ดี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ไม่มั่นใจจะทำทำไม เคยเข้าใจคำว่าโซเชี่ยล บิซิเนสหรือไม่ถ้าไม่เข้าใจก็พูดกันไม่รู้เรื่อง ธุรกิจเพื่อสังคมไปเปิดเว็บเปิดยูทูปดู เขาทำอย่างไรกันมา ถ้าไม่ดูตรงนี้ก็คุยกันคนละเรื่องสตาร์ทอัพมันจะเสียหายตรงไหน ในเมื่อเป็นการเอาเอสเอ็มอีรุ่นเก่ารุ่นใหม่มา ซึ่งรุ่นเก่าได้ให้ทุนไปแล้ว พอไม่ให้ทุนก็หาว่าไม่จริงจัง ไม่ดูแลเอสเอ็มอี แต่ให้ไปก็บอกว่าจะเป็นหนี้ครัวเรือน เป็นเอ็นพีแอล แล้วจะทำอะไร ก็อยู่เฉยๆสิ อย่างที่เขาอยู่กันมาดีไหม แล้ววันนี้เขามีการเพิ่มมูลค่าการค้าขาย รู้ไหมประเทศไทยมีเอสเอ็มอีเท่าไร กว่าร้อยละเก้าสิบ สองล้านหกแสนรายแล้วไม่สนใจเขาได้หรือไม่ และสตาร์ทอัพก็คือเอสเอ็มอีขนาดเล็ก เป็นการใช้ปัญญาประดิษฐ์ เป็นการให้การบริการใช้สมองคิดออกมา อย่างการสร้างโปรแกรมบริการซักผ้า 24 ชั่วโมง ไปดูถูกไปอย่างไรว่าเขาจะเจ๊ง เขาลงทุนเราให้เงินกู้ไม่กี่สตางค์ ซึ่งเขาก็ขยายกิจการ ถ้าไปได้เขาก็ไปเองไม่ใช่ว่ารัฐจะเลี้ยงดู และจะเอาเงินเท่าไร ทำไมไม่คิดว่าเป็นการสร้างคนรุ่นใหม่ในธุรกิจ และรู้จักการคืนสังคม สอดคล้องกับไทยแลนด์ 4.0 แต่อย่าไปฟัง ไทยแลนด์ 4.0 อย่างที่บางคนพูด พอรัฐบาลพูดก็พูดบ้าง เก่งนักหราหรือ แล้วทำไมไม่ทำ วันหน้ากลับมาใหม่ก็ไปถามเขา ว่า 4.0 ทำอย่างไร จะดูแลเกษตรกรอย่างไร ที่ไม่ใช่การอุดหนุนทั้งหมด ถามเขาว่าทำเป็นหรือเปล่า