xs
xsm
sm
md
lg

โฆษก คสช.ป้อง “บิ๊กตู่” ฟังตลอด ยันเห็นต่างได้แต่ต้องอยู่ในกรอบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (แฟ้มภาพ)
โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติป้องนายกฯ รับฟังตลอด เชื่อสังคมเข้าใจใช้กฎหมายพิเศษ ยันโยกย้ายเพื่อความเหมาะสมตามเนื้องาน ไม่มีเรื่องการเมือง ยันเห็นต่างได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบ

วันนี้ (2 พ.ค.) พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่าเข้าใจในความรู้สึกของนายกฯ ในฐานะผู้นำต้องเปิดใจรับฟังการวิพากษ์วิจารณ์นั้นว่า ผู้บังคับบัญชาพร้อมรับฟังมาตลอด ได้มีการกำหนดช่องทางการรับฟังที่เป็นทางการในหลายช่องทางมากมายกว้างขวางทั่วประเทศ เพื่อจะนำสิ่งที่ได้รับไปเข้าสู่การพัฒนาปรับอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติอย่างแท้จริง และข้อมูลที่ได้รับตามช่องทางที่กำหนดนี้ส่วนใหญ่มีเหตุมีผลที่สามารถนำไปสู่การพัฒนาตอบสนองไปตามกระบวนการ ไม่เหมือนที่พบในบางกรณีที่บางกลุ่มบางบุคคลพยายามหาช่องไปแสดงออกนอกช่องทาง เพื่อให้เป็นประเด็นในมุมต่างๆ แบบมีนัยแอบแฝง

สำหรับที่กล่าวถึงกรณีเปรียบเทียบว่าในช่วงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่สามารถออกกฎหมาย หรือคำสั่งใดๆ ให้เป็นกฎหมายได้นั้น โฆษก คสช.กล่าวว่า สังคมเข้าใจถึงบริบทในความแตกต่างได้ โดยเฉพาะข้อจำกัดในเรื่องของเวลาหรือเทอมในการทำงาน มั่นใจว่าในช่วงเวลาปกติถึงแม้จะไม่มีกฎหมายพิเศษก็ยังคงสามารถดำเนินการบริหารแก้ไขสิ่งต่างๆ ได้อยู่ที่ความตั้งใจ หรือความพยายามที่สามารถแสดงให้สังคมได้รับรู้รับทราบ

สำหรับที่กล่าวถึงข้อห่วงใยการใช้กฎหมายปลดคนนั้นคนนี้เพราะไม่สนองตอบนโยบาย หรือเอากฎหมายมาบังคับใช้คนให้ทำงานตามคำสั่งจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปนั้น พ.อ.วินธัยกล่าวว่า การปลดหรือปรับเปลี่ยนบุคคลในช่วงก่อนในหลายกรณีสังคมอาจยังรู้สึกเคลือบแคลงมองว่าเป้าหมายอาจเป็นเรื่องการสมประโยชน์ในมุมทางการเมืองเป็นส่วนสำคัญ มั่นใจว่าสำหรับในปัจจุบันที่การปรับเปลี่ยนบุคคลหรือข้าราชการคนใดเป็นเรื่องความเหมาะสมตามเนื้องานเป็นสำคัญ เพื่อให้การตอบสนองความต้องการของประชาชนเป็นไปอย่างสมบูรณ์และเต็มประสิทธิภาพ สอดรับกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน โดยไม่มีเรื่องของการเมืองใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง

ส่วนที่ระบุคนที่มีความคิดเห็นต่างไม่ได้หมายความว่าจะทำให้บ้านเมืองแตกแยกนั้น โฆษก คสช.กล่าวว่า อาจต้องยอมรับว่าในสังคมไทยมักมีให้เห็นอยู่ 2 ลักษณะ คือ แบบความคิดเห็นต่าง แต่มีพฤติกรรมอยู่ภายในกรอบ กับแบบมีความคิดเห็นต่างแต่ชอบมีพฤติกรรมนอกกรอบ และยิ่งในอดีตที่สังคมเห็นและสัมผัสได้ถึงพัฒนาการในความเห็นต่างของสังคมไทย ไม่เพียงทำให้บ้านเมืองนั้นดูแตกแยก หรือแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างเดียว ยังนำมาซึ่งการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินซึ่งสังคมไหนๆ ก็ไม่สามารถยอมรับได้ การบริหารจัดการความคิดเห็นที่แตกต่างจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและต้องระมัดระวัง

พ.อ.วินธัยกล่าวยืนยันว่า แนวทางในปัจจุบันไม่ใช่คนในสังคมจะเห็นต่างไม่ได้ แต่การเห็นต่างนั้นควรอยู่ในช่องทางที่เหมาะสม ปราศจากความรุนแรง กรณีมีประเด็นข้อกังวลสงสัยต่างๆ ก็ควรเป็นลักษณะที่จับต้องได้จริงเพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องนำไปสู่การปรับพัฒนาให้เกิดประโยชน์กับสังคมและประเทศชาติอย่างแท้จริง


กำลังโหลดความคิดเห็น