ประชุม สนช.พิจารณาร่างร่างกม.ดิจิตอล ที่กำหนดให้นายกฯ เป็น ปธ.กก.ดิจิตอลเพื่อ ศก.และสังคมแห่งชาติ กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาดิจิตอลฯ สมาชิกหวังช่วยเพิ่มมูลค่าทาง ศก. ลดค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ แต่ห่วงยังไม่มีการตั้ง รมว.ดูแล รมว.ไอซีทีแจงรัฐมีแผนรองรับ พร้อมพัฒนาบุคคลและเตรียมตั้งกระทรวงใหม่ ก่อนมีมติรับหลักการ
วันนี้ (28 เม.ย.) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ โดยมีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้มีนโยบายระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิตอลฯ มีเป้าหมายแนวทางอย่างน้อย 1. การดำเนินการและพัฒนาให้การใช้เทคโนโลยีดิจิตอลก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดที่ทำให้สามารถใช้ร่วมกันหรือเชื่อมโยงกันได้หรือวิธีอื่นใดที่เป็นการประหยัดทรัพยากรของชาติและเกิดความสะดวกต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง 2. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีดิจิตอลฯ ซึ่งต้องครอบคลุมโครงข่ายการติดต่อสื่อสารในทุกรูปแบบไม่ว่าจะอยู่ในภาคพื้นดิน พื้นน้ำ ในอากาศหรืออวกาศ 3. การส่งเสริมและสนับสนุนให้มีระบบการให้บริการหรือแอปพลิเคชันสำหรับประยุกต์ใช้งานด้วยเทคโนโลยีดิจิตอล 4. การส่งเสริมให้เกิดมาตรฐานหรือกฎเกณฑ์ในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิตอลให้สอดคล้องกันเพื่อให้การทำงานระหว่างระหว่างระบบสามารถทำงานเชื่อมโยงกันได้อย่างมีความมั่นคงปลอดภัย
5. การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาให้เกิดอุตสาหกรรมและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิตอล การพัฒนาให้เกิดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างหรือเผยแพร่เนื้อหาผ่านทางสื่อที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและความมั่นคงของประเทศ 6. การส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตและพัฒนากำลังคน ให้เกิดความพร้อมและความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิตอล 7. การพัฒนาคลังข้อมูลและฐานข้อมูลดิจิตอล การบริหารจัดการความรู้ รวมทั้งการส่งเสริมเพื่อให้มีระบบที่เป็นศูนย์แห่งการเรียนรู้และให้บริการข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย
นอกจากนี้ยังกำหนดให้มีคณะกรรมการดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ มีอำนาจหน้าที่จัดทำนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิตอลฯ เสนอต่อ ครม.เสนอแนะเพื่อกำหนดนโยบายและทิศทางด้านการเงิน การคลัง การลงทุน รวมทั้งมาตรการทางภาษีและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับหรือเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาดิจิตอลฯ อีกทั้งให้มีสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิตอล มีเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิตอล โดยเป็นหน่วยงานของรัฐมีฐานะเป็นนิติบุคคล และไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน หรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายอื่น
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาดิจิตอลฯ เพื่่อใช้จ่ายเกี่ยวกับการพัฒนาดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการให้อุดหนุนหรือให้กู้ยืมเงินแก่หน่วยงานของรัฐและเอกชนหรือบุคคลทั่วไปในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาดิจิตอลฯ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิตอลฯ และแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิตอล โดยกองทุนประกอบด้วยเงินและทรัพย์สิน ได้แก่ (1) เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้ (2) เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี (3) เงินที่ได้รับจากการจัดสรรคลื่นความถี่ โดยสำนักงาน กสทช.จัดสรรให้อัตรา 25% ของรายได้จากการจัดสรรคลื่นความถี่ (4) เงินที่ได้รับการจัดสรรจากรายได้ของสำนักงาน กสทช. คือ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการ และรายได้หรือผลระโยชน์อันได้มาจากการดําเนินงานตามอํานาจหน้าที่ของ กสทช.
(5) เงินที่ กสทช.โอนให้กองทุน ซึ่งเป็นเงินที่เรียกเก็บจากผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม (6) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคหรือมอบให้ (7) เงินหรือทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนหรือที่กองทุนได้รับตามกฎหมาย (8) ค่าตอบแทน ค่าบริการ หรือรายได้จากการดำเนินกิจการของสำนักงานหรือกองทุน รวมทั้งผลประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นของสำนักงานหรือกองทุน และ (9) ดอกผล ผลประโยชน์ หรือรายได้อื่นที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ สมาชิก สนช. กล่าวว่า ตนคาดหวังว่าหากกฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้แล้วจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้น พร้อมกับมีการลดค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ รวมทั้งจำนวนของบุคคล เนื่องจากเศรษฐกิจดิจิตอลที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะเน้นการสร้างระบบเป็นหลัก โดยใช้จำนวนคนไม่มากนัก จึงหวังว่าในอนาคตจะช่วยลดภาระงบประมาณให้กับประเทศได้ประมาณ 5% ต่อปี เพื่อไปเพิ่มงบลงทุนของประเทศจาก 20% เป็นระดับ 25%-30%
นายตวง อันทะไชย สมาชิก สนช.ตั้งข้อสงสัยว่า หากผ่านสภาไปแล้วจะมีผลบังคับใช้ได้จริงหรือไม่ เพราะปัจจุบันยังไม่มีการแต่งตั้ง รมว.ดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลยังไม่มีการส่งร่าง พ.ร.บ.เพื่อจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเพื่อให้ สนช.พิจารณาให้ความเห็นชอบ
นายอุตตม สาวนายน รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ชี้แจงว่า รัฐบาลมีแผนรองรับภายหลังกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากร โดยการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอลจะมีการดำเนินการแบบบูรณาการเพื่อขับเคลื่อน โดยเอกชนจะเข้ามามีบทบาท ส่วนรัฐจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายสนับสนุนเช่นเดียวกับการเตรียมเสนอกฎหมายปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรมเพื่อตั้งกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมต่อไป
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีมติเสียข้างมาก 159 ต่อ 4 คะแนน รับหลักการในวาระที่ 1 และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 23 คน กำหนดเวลาการทำงาน 60 วันก่อนส่งกลับไปมาให้ สนช.ลงมติให้ความเห็นชอบอีกครั้ง