ศาลปกครองกลางไต่สวนคดี ไทยทีวี ขอศาลสั่ง กสทช.ระงับเรียกเก็บค่าค้ำประกัน 1,976 ล้านบาท จนกว่าจะมีคำพิพากษา ด้านประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มั่นใจศาลจะให้ความยุติธรรม เชื่อมีหลายช่องเตรียมชักดาบ โอดธุรกิจกระทบหนักมาก ขณะที่ “สุภิญญา” ซัดเคยหาทางออกให้แล้วแต่กลับไม่เอา เลือกที่จะไม่ชำระหนี้ ถ้าไม่ทำจะกระทบงาน
วันนี้ (27 เม.ย.) ที่ศาลปกครองกลาง ตุลาการศาลปกครองกลางออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคดีที่บริษัท ไทยทีวี จำกัด ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ประเภทช่องรายการข่าวและสาระ ยื่นขอให้ศาลสั่งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ระงับการดำเนินการเรียกเก็บชำระเงินตามหนังสือค้ำประกัน หรือแบงก์การันตีของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) รวม 16 ฉบับรวมเป็นเงิน 1,976 ล้านบาท ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดีที่บริษัท ไทยทีวี ฟ้อง กสทช.อีกครั้ง
จากที่ก่อนหน้านี้ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ศาลปกครองได้เคยมีคำสั่งยกคำขอกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนดังกล่าวไปแล้ว โดยให้เหตุผลว่ายังไม่มีเหตุอันสมควรเพียงพอที่ศาลจะพิจารณากำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษารตามคำขอของบริษัทไทยทีวีมาใช้ได้
ในการไต่สวนครั้งนี้ นางพันธุ์ทิพา หรือติ๋ม ทีวีพูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยทีวี จำกัด เดินทางมาพร้อมกับนายสุชาติ ชมกุล ทนายความ และคณะ ขณะที่ฝ่าย กสทช.มี น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กสทช. เป็นตัวแทนมาร่วมการไต่สวน โดยศาลใช้เวบาไต่สวนประมาณ 2 ชั่วโมง
ภายหลังการไต่สวน นางพันธุ์ทิพาเปิดเผยว่า ได้ขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้ธนาคารจ่ายเงินค้ำประกันก่อนการพิพากษา เนื่องจากครั้งที่แล้วความเสียหายยังไม่ได้เกิด แต่ครั้งนี้ความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ตนมั่นใจว่าศาลจะให้ความยุติธรรม เพราะ กสทช.มีความผิดจริงสามารถพิสูจน์ได้ทั่วประเทศ เพราะขณะนี้มีทีวีดิจิตอล 9 ช่องได้ฟ้อง กสทช. ตนจึงเชื่อว่าเมื่อครบกำหนดจ่ายเงินค่าใบประมูลคลื่นทีวีดิจิตอลในครั้งที่ 3 คงจะมีหลายช่องมากที่ไม่จ่ายเงิน แต่หากศาลไม่มีคำสั่งคุ้มครองตนจะเดินหน้าสู้ต่อไปอีกหลายครั้ง และจะทำให้ธุรกิจขอตนกระทบหนักมาก มั่นใจมากว่าคดีของตนมีโอกาสชนะสูงมาก
ด้าน น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กสทช.กล่าวว่า ที่ผ่านมาพยายามให้โอกาสบริษัท ไทยทีวี หาทางออกเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้มาโดยตลอด ทั้งการให้โอกาสหาผู้ร่วมทุนใหม่ หรือให้จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย แต่ทางผู้บริหารบริษัท ไทยทีวี กลับไม่สนใจ และเลือกใช้วิธีการสุดโต่ง ไม่ชำระหนี้ค่าสัมปทาน กสทช.จำเพิกถอนใบอนุญาต บังคับคดีให้ชำระหนี้
น.ส.สุภิญญากล่าวว่า เมื่อบริษัทไทยทีวีไม่ยอมจ่ายหนี้ก็ต้องเป็นหน้าที่ของธนาคารผู้ค้ำประกันต้องชำระหนี้แทน เพราะถ้า กสทช.ไม่สามารถบังคับใช้บริษัท ไทยทีวี ชำระหนี้ หรือธนาคารผู้ค้ำประกันชำระหนี้แทนได้ ก็จะส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินของ กสทช.ในอนาคต เพราะจะทำให้ผู้ประกอบการอื่นทำตามได้ ไม่เช่นนั้น กสทช.อาจต้องทำหนังสือไปถึงธนาคารแห่งประเทศไทย เสนอถึงผลกระทบของของธนาคารที่ไม่ยอมจ่ายแบงก์การันตี ทั้งนี้ ทางไทยทีวีอ้างว่าคดียังไม่สิ้นสุดและไม่ให้ยึดแบงก์การันตี ก็ต้องปล่อยตามกระบวนการของกฎหมาย อย่างไรก็ตามเบื้องต้น กสทช.ต้องเร่งทำคำให้การโต้แย้งข้อกล่าวหาของบริษัท ไทยทีวี ก่อนเพราะ กสทช.มั่นใจว่าจะชนะคดีนี้เหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาดำเนินการอย่างถูกต้อง แต่หาก กสทช.แพ้คดีก็สามารถเรียกเงินชดใช้เงินคืนทั้งหมดในภายหลังได้เช่นกัน