“ประยุทธ์” บินถึงเชียงใหม่ ย้ำยึดตามพระราชดำริ มุ่งทำให้ภาคเกษตรอยู่ดีมีสุข

นายกฯ นำคณะบินเชียงใหม่ รักษาความปลอดภัยเข้ม ก่อนประชุม กปส. ย้ำรัฐยึดแนวทางเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา นำไปสู่ ศก.พอเพียง ปูทางประชารัฐ พร้อมนำการพัฒนาเกษตรไปเผยแพร่ต่างประเทศ ยันทำให้ภาคเกษตรอยู่ดีมีสุข พิจารณากรอบยุทธศาสตร์ 5 ปี เน้นบริหารจัดการน้ำ



วันนี้ (27 เม.ย.) เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ฝูงเครื่องบิน กองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบกดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยมีนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ทหาร ตำรวจ และข้าราชการให้การต้อนรับ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างเข้มงวด โดยไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าไปให้การต้อนรับแต่อย่างใด

จากนั้นเวลา 09.30 น. นายกฯ เดินทางถึงอุทยานหลวงราชพฤกษ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) ครั้งที่ 1/2559 โดยมีหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวงฯ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม ทั้งนี้ นายกฯได้กล่าวตอนต้นการประชุมว่า รัฐบาลจะขับเคลื่อนยึดตามแนวทางเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นำไปสู่หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อนำไปใช้ในการเดินหน้าตามแนวทางประชารัฐ ให้นำไปสู่การปฏิบัติให้ได้ โดยเฉพาะการปฏิบัติในพื้นที่ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างรัฐ ภาคประชาสังคม และในปีนี้ประเทศไทยเป็นประธานกลุ่มจี 77 จะนำแนวทางพัฒนาภาคการเกษตร ตามแนวทางพระราชดำริ ไปเผยแพร่ให้แก่ประเทศต่างๆ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ เพื่อให้ทุกประเทศมีความเข้มแข็งด้วย พร้อมยืนยันรัฐบาลจะทำให้ประชาชน เข้มแข็ง อยู่ดีมีสุข โดยเฉพาะภาคการเกษตร

ทั้งนี้ ในการประชุมได้มีการรายงานผลการดำเนินงานโครงการ ในช่วงงบประมาณปี 58 ที่ได้มีการขึ้นทะเบียนพันธุ์ไม้ผลจากกรมวิชาการเกษตร ได้แก่ เสาวรสพันธุ์เหลืองหวาน สตรอว์เบอร์รีพันธุ์พระราชทาน 88 โดยมีเกษตรกร 14,883 ครัวเรือน เข้าร่วมปลูกพืชในพื้นที่โครงการหลวง ส่งผลผลิตการเกษตรปี 58 ภายใต้ตรา “โครงการหลวง” ในปี 2558 มีมูลค่า 1,197 ล้านบาท และนายกฯได้พิจารณากรอบยุทธศาสตร์ แผนงาน และงบประมาณของหน่วยงานต่างๆ ในระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2560-2564) ให้ความสำคัญในการบริหารจัดการน้ำ การอนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่ป่าต้นน้ำ และสร้างคุณภาพชีวิตในชนบทพื้นที่สูง