นายกฯ สั่งห้ามรณรงค์ประชามติ ย้ำ ปชต. ต้องมีกฎเกณฑ์ ขู่ พ.ร.บ. ประชามติโทษหนัก สื่อโดนด้วย ปัดรังเกียจแต่ต้องอยู่ใต้ กม. แจงปฏิรูป ต้องทำให้ ท้องถิ่น จว. ภูมิภาค เข้มแข็ง อ้างเก็บภาษี เพิ่มรายจ่ายประเทศ ปลื้มสงกรานต์ วอนคนไทยยกระดับวัฒนธรรม ชี้ ปัญหาแว้น เหตุเด็กไม่เข้าใจ ขอสื่อช่วยรณรงค์ เตรียม ให้กำลังใจ “น้องเมย์” ชมเป็นเด็กน่ารัก พัฒนาตนเอง เผยมอบแสนเหรียญช่วยแผ่นดินไหว
วันนี้ (19 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวถึงกรณีการรณรงค์รับหรือไม่รับประชามติ ว่า วันนี้ได้สั่งการไปแล้วว่าต้องไม่มี ไม่ต้องทำ และได้ชี้แจงว่าเป็นหน้าที่ของประชาชนตามหลักประชาธิปไตยที่จะออกเสียงประชามติหรือเลือกตั้ง แต่อยากพูดเพียงว่าประชาธิปไตย คือ การเลือกตั้ง สิทธิมนุษยชน หรือเสรีภาพ เพราะมันไม่ใช่ ประชาธิปไตยต้องมีกฎเกณฑ์ กฎกติกา มีองค์ประกอบมากมาย อย่าเลือกแค่สิ่งดี ๆ แต่สิ่งทีไม่ดีกลับไม่ชอบ
เมื่อถามว่า ที่นักวิชาการออกมารณรงค์แสดงความเห็นเชิงวิชาการนั้นทำได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า พ.ร.บ. การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ... ยังไม่โปรดเกล้าฯลงมา แต่ถ้าโปรดเกล้าฯลงมาก็โดนหมด เพราะเขาห้ามพูดรณรงค์ไม่ใช่หรือ กฎหมายเขาเขียนให้นักวิชาการรณรงค์ได้ แต่ประชาชนรณรงค์ไม่ได้เช่นนั้นหรือไม่ แต่กฎหมายเขียนว่าห้ามรณรงค์รับหรือไม่รับ แค่นี้ทำไม่ได้หรืออย่างไร ไม่เข้าใจภาษาไทยหรือจึงต้องแปลไทยเป็นไทย
เมื่อถามว่าใส่เสื้อโหวตโน หรือ โหวตเยส ก็ไม่ได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใช่แล้ว รณรงค์ให้รับหรือไม่รับก็ไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าอยากให้บ้านเมืองเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ท่าน กำหนดเอาเอง ตนทำให้ได้แค่นี้ ทำให้เต็มที่แล้ว เมื่อถามอีกว่า การชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญต่อประชาชนเป็นห่วงว่าจะถูกบิดเบือนจากนักการเมืองหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว เมื่อ พ.ร.บ.ประชามติฯ ออกมาจะมีบทลงโทษถึง 10 ปี ถ้าไม่กลัวก็ตามใจ ซึ่งสื่อก็โดนด้วย ขอให้ไปบอกแก่นายทุนสื่อด้วย วันนี้ปล่อยไปก่อน แต่ถ้ากฎหมายออกมาเมื่อไหร่ก็จะโดนเมื่อนั้น จะฟ้องศาลกันหมด พวกนักวิจารณ์ กฎหมายคือกฎหมาย ถ้าบอกว่ากฎหมายไม่เป็นธรรมก็แสดงว่าที่ผ่านมาไม่เป็นธรรมทั้งหมด หรือรัฐบาลนี้เข้ามากฎหมายจึงไม่เป็นธรรมทั้งหมด รัฐบาลทำสิ่งดี ๆ ตั้งมากมาย แต่บางเรื่องอยากขอเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายแต่ก็ให้ไม่ได้อีก แล้วจะเอาอะไรกัน
เมื่อถามว่า นายกฯ ชอบวิจารณ์สื่อ มีแนวคิดที่จะสร้างสื่อของตนเองขึ้นมาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี พูดมาคนเดียวก็แย่พออยู่แล้ว ถ้าพูดแล้วไม่เข้าใจก็เลิก แต่ที่พูดมากก็เพื่อสร้างความเข้าใจ ทั้งหมดนี้ตนเป็นคนคิดใครไม่อยากฟังก็ไม่ต้องฟัง แต่จะไม่เปลี่ยน ที่ผ่านมา ก็สื่อสารด้วยการเขียนไปมาก และได้สั่งการให้ทุกกระทรวงจัดทำจดหมายข่าว (press release) ออกมาทุกสัปดาห์ หลังจากนี้ จะบอกว่าไม่รู้เรื่องคงไม่ได้ เพราะพูดแล้วไม่ฟัง เขียนก็อ่านไม่ออก แต่สิ่งนี้จะเป็นหลักฐานว่าตนได้พูดอะไรไปบ้างแล้ว
“ผมไม่ได้รังเกียจสื่อ อย่าไปเขียนว่าผมรังเกียจสื่อ คุณไม่ใช่ศัตรูผม ผมไม่อยากบังคับท่านอยู่แล้ว เพราะท่านเป็นสื่อแต่จะพิเศษมาก ๆ คงไม่ใช่ ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ ทุกคนมีศักดิ์ศรี ผมก็มีศักดิ์ศรีของผม อย่าละเมิดกันก็พอ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย. มีการประชุมภาคธุรกิจร่วมกับรัฐบาล ไม่ใช่ว่าเขาเสนออะไรมาแล้วต้องทำหมด เพียงแต่เสนอปัญหาอะไรที่สามารถร่วมมือกับเราได้ ก็ต้องนำมาพิจารณาร่วมกัน โดยอาศัยข้อมูลพื้นฐานจากในพื้นที่ โดยเราจะทำทุกเรื่องให้ท้องถิ่น กลุ่มจังหวัด และภูมิภาคเข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำ เศรษฐกิจ การลงทุนทุกอย่างต้องประกอบกัน ตรงนี้คือการปฏิรูป ไม่ใช่สั่งวันนี้แล้วพรุ่งนี้ต้องออกไม่ได้เรียกว่าปฏิรูป แต่การปฏิรูปคือการแก้ไขทั้งหมด ไม่เคยมีใครทำในสมัยที่ผ่านมา ตนได้สั่งการเรื่องอ้อย ที่ต้องไปแก้ที่ต้นเหตุ เช่น ทำไมจะต้องจุดไฟเผาอ้อย มันเสียหาย ก็ต้องไปรื้อทั้งระบบ จะต้องแก้ไขการปลูกอ้อยให้ครบวงจร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว นอกจากนี้ ครม. ได้อนุมัติในหลักการเรื่องรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ซึ่งน่าจะสำเร็จได้ 3 - 4 สาย ซึ่งต้องทำให้เกิดความโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณ มีการผลิตชิ้นส่วนในประเทศก็จะลดราคาลงไปได้เยอะ เราก็จะมีการทำแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องภาษีวันนี้ต้องมาคลี่กันใหม่หมด ไม่ได้หมายความว่า ไปรีดภาษีจากท่าน เพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกคน คนจนไม่เดือดร้อน แต่รัฐจะต้องหาหนทางว่าจะมีรายจ่ายเพิ่มมาได้อย่างไรทดแทนรายจ่ายที่สูญเสียไป โดยใช้รูปแบบทางภาษี ให้คนเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น จะได้ไม่เลี่ยงกฎหมายกัน นี่คือสิ่งที่คิดไว้สองทาง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สงกรานต์ปีนี้เป็นความงดงามของบ้านเรา หลายอย่างดีขึ้น ฉะนั้น พวกเราต้องช่วยกันยกระดับขึ้นมา ด้วยการสร้างวัฒนธรรม สร้างความเป็นไทย ไม่ใช่แค่แต่งตัว ไม่ใช่แค่การรักษาโบราณสถาน แต่ต้องสร้างวัฒนธรรมทางจิตใจของเรา ต้องมีความภูมิใจในความเป็นชาติ ปีนี้เป็นปีแห่งการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ทั้งเรื่องท่องเที่ยว เรื่องอาหาร โบราณสถาน ตนได้สั่งการไปแล้ว ซึ่งแต่ละกระทรวงก็ไปดำเนินการว่าจะทำอะไรก่อน รัฐบาลจะต้องอนาคตว่าต้องการอะไรใน 20 ปีข้างหน้า
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงปัญหาการขับขี่มอเตอร์ไซค์แว้นบนถนน ว่า กำลังดูว่ามาตรการสวนทางกันหรือเปล่า คือ สั่งไปแล้วก็ยังมีปัญหา ก็จับหมด วันนี้กฎหมายแรงขึ้น ก็ยังตายอยู่ ยังเจ็บอยู่ เด็กแว้นก็เหมือนกันห้ามแล้ว หามาตรการแล้วก็ยังดื้อด้านอยู่ ตนคิดว่าคนพวกนี้ไม่เข้าใจ และการปลูกจิตสำนึกยังมีปัญหาอยู่ ผู้ปกครองเดือดร้อน ส่วนมาตรการก็กำลังคิดอยู่ จะให้สื่อมวลชนไปช่วยรณรงค์เขียนขอร้องกัน มีหรือเปล่า เขียนกันไหม ช่วยอย่างนี้กันไหม สังคมต้องการอะไร มีบ้างไหม ไหนเอามาให้ดูสิ ว่ามีเล่มไหนบ้าง ไม่มีหรอกอย่ามาพูด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการเตรียมของขวัญแสดงความยินดีกับ “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ ว่าที่นักแบดมินตันมือ 1 ของโลกที่จะเข้าพบนายกฯ ว่า จะให้กำลังใจและมีของขวัญนิดหน่อยแค่นั้น แต่ “น้องเมย์” คงไม่อยากได้ของขวัญของตนเท่าไหร่นักหรอก อยากได้กำลังใจจากตนมากกว่า โดยตนจะคุยและให้กำลังใจ เพราะเคยมาพบครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งก่อนมาก็เป็นเด็กน่ารัก แล้วชีวิตเขาค่อนข้างยากลำบากมาตลอด และปรับปรุงพัฒนาตนเองขึ้นมา มีแรงสนับสนุนเป็นกำลังใจจากครอบครัว ผู้สนับสนุน ราชการและสมาคมฯ วันนี้ก็ต้องการแรงใจจากคนไทยทั้งประเทศ ตนเป็นกังวลกับเขาอย่างเดียวเท่านั้น อย่าให้เขาเหนื่อยมากนัก เวลาของเขาเหนื่อยมามหาศาลกว่าจะได้มือ 1 ซ้อมนานแข่งติดกัน 3 ประเทศ กลับมาออกงานบ่อย ๆ เดี๋ยวป่วยไข้ไม่สบายอีก ตนเป็นห่วงออกงานเยอะ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนภาคธุรกิจอะไรก็เป็นเรื่องของเขา แต่ตนเป็นห่วงเด็กให้ทุกคนมีจิตสำนึกว่าอย่าไปเพิ่งอะไรกับเขาเลยให้เขาภูมิใจของเขาไปก่อน ถ้าไปเอาเขามาโฆษณาโน่นนี่ก็หมด แล้วเด็กก็จะเสียไป เอามาเป็นสัญลักษณ์ในการที่จะนำร่องให้คนไทยรักกีฬารักแบดมินตัน วันนี้กีฬาต้องมาดูแลเรื่องสมรรถภาพทางร่างกายทำอย่างไรให้นักกีฬาเราถึงจะแข็งแรง วิทยาศาสตร์การกีฬา พัฒนาสมาคมการกีฬา ต้องไปดูเรื่องของกายภาพบำบัด นักกีฬาไทยเราตัวเล็กมาก ต่างประเทศตนเห็นเขาเอานักกีฬาคนตัวใหญ่มาแล้วมาฝึกกีฬาทีหลัง แต่เราเอาเป็นกีฬามาก่อนมันก็ได้ตัวเล็ก มันต้องคัดตัวสูง ๆ มาก่อนลองเอามาฝึกดูไปได้ ไปไม่ได้ก็กลับบ้านเอาคนใหม่มา ต้องหาคนสูงมาก่อน มีสองส่วนที่เล่นเป็นก็เอาไปก่อนและพวกเล่นไม่เป็น แต่มีทักษะร่างกายไม่แข็งแรงโครงสร้างดีก็เอาเข้ามา นักวิ่งขาไม่ยาวเขาวิ่งไปสามก้าวเราวิ่งสิบก้าวจะไปสู่ไหวไหมกรีฑา อาหารการกินเต็มที่นมก็ให้อะไรก็ให้ยังตัวเล็กเหมือนเดิม ประเทศเพื่อนบ้านที่กีฬาเก่ง ๆ เมื่อก่อนตัวเท่าเราแต่ตอนนี้ตัวโตกว่าเราไม่เข้าใจ เขาไม่คิดเรื่องไรสาระ สมองมันว่าง ไม่คิดความขัดแย้งมากมันก็โตเร็วเท่านั้น
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการดำเนินการช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหวที่เกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น ของรัฐบาลไทย ว่า เหตุการณ์ถือว่ารุนแรงพอสมควร วันนี้ได้ส่งเงินไปช่วยตามหลักการ 1 แสนดอลลาร์ก่อน รวมทั้งที่เอกวาดอร์ด้วย