ปูด “บิ๊กกุ้ย” เดินเกมแรง เร่งแก้ระเบียบ ป.ป.ช. ตัดภาระฟ้องคดีอาญา ขรก. ผิดวินัย เหลือแค่คดีโกง เผยสัปดาห์ก่อนจี้ “สำนักกฎหมาย” รีบร่างแก้ไข กม. ป.ป.ช. จ่อชง “บิ๊กตู่” ใช้ ม.44 ลัดขั้นตอน อ้างหวังช่วยเคลียร์ดินพอกงาน ป.ป.ช. จับตาโละทิ้ง “คดีวินัย” ทั้งยวง แถมถอนฟ้องคดีที่อยู่ในชั้นศาลด้วย อานิสงส์ถึง “บิ๊กป๊อด” เต็ม ๆ อาจพ้นบ่วง 7 ต.ค. 51 ด้วย
รายงานข่าวจาก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุถึงความคืบหน้ากรณีที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ได้มอบหมายนโยบายแก่หน่วยงานภายในร่วมกันปรับปรุงการทำงานของ ป.ป.ช. ให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยกำหนดเป้าหมายทำคดีสำคัญให้แล้วเสร็จอย่างน้อย 500 คดี ภายในปีงบประมาณ 2559 นี้
แหล่งข่าวภายในสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า หลังจากที่หน่วยงานภายใน ป.ป.ช. ได้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กชอป) ร่วมกันเมื่อช่วงเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับปรุงวิธีการทำงานหลายประเด็น รวมไปถึงการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ล่าสุด เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.อ.วัชรพล ได้สั่งการผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้เร่งสรุปในประเด็นที่เกี่ยวกับการแก้ไขระเบียบ ป.ป.ช. ที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงาน โดยมีแนวคิดที่จะปรับให้ ป.ป.ช. รับผิดชอบการเสนอฟ้องเฉพาะคดีอาญา อันเกิดจากความผิดที่เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน โดยไม่รวมคดีอาญาที่เกิดความผิดทางวินัย ที่ต้องการให้เป็นอำนาจของส่วนราชการนั้น ๆ โดย ป.ป.ช. มีหน้าที่เพียงชี้มูลความผิดเท่านั้น ซึ่งได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า ต้องมีการแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) พ.ศ. 2542 ทำให้มีข้อกังวลเกี่ยวกับระยะเวลาและขั้นตอนการดำเนินการที่ยุ่งยาก เพราะต้องผ่านการอนุมัติทั้งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนส่งไปให้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาอีกขั้นตอนหนึ่ง
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า จึงมีการเสนอว่า หากต้องการตัดขั้นตอนที่ยุ่งยาก ป.ป.ช. ต้องทำข้อสรุปประเด็นต่าง ๆ ให้เสร็จเรียบร้อย เพื่อที่จะนำเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ใช้อำนาจมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ 2557 สั่งแก้ไข พ.ร.ป.ป.ป.ช. โดยเน้นไปในประเด็นความรับผิดชอบเสนอฟ้องเฉพาะคดีอาญา อันเกิดจากความผิดที่เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันเท่านั้น
"ท่านประธาน ป.ป.ช.เชื่อว่า หากทำข้อสรุปพร้อมแนบเหตุผลว่า การแก้ไขประเด็นนี้จะช่วยให้การไต่สวนคดีทุจริตเป็นไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมทั้งส่งร่างแก้ไข พ.ร.ป.ป.ป.ช.ไปด้วย เชื่อว่า หัวหน้า คสช.คงให้การสนับสนุน" แหล่งข่าว ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากความพยายามของ พล.ต.อ.วัชรพล ดังกล่าว ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ภายในสำนักงาน ป.ป.ช.ว่า มีนัยซ่อนเร้นเพื่อปกป้องข้าราชการที่มีความผิดเฉพาะการกระทำผิดทางวินัย ซึ่งหากมีการใช้อำนาจมาตรา 44 แก้ไข พ.ร.บ.ป.ป.ช.ในส่วนนี้จริง อาจมีผลทำให้การตรวจสอบคดีความผิดทางวินัยที่อยู่ในกระบวนการของ ป.ป.ช.ต้องหยุดชะงักทั้งหมด รวมไปถึงคดีอาญาที่เกี่ยวกับความผิดทางวินัย ก็อาจมีการเสนอให้มีการถอนฟ้องอีกด้วย ซึ่งรวมไปถึงคดีที่ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. (ทั้งหมดเป็นตำแหน่งเมื่อปี 2551) เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งศาลประทับรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำ อม.2/2558 ไปแล้วด้วย
ทั้งนี้ การขึ้นดำรงตำแหน่งประธาน ป.ป.ช. ของ พล.ต.อ.วัชรพล ถูกมองว่าได้รับการสนับสนุนจาก พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ซึ่งเป็นพี่ชายของ พล.ต.อ.พัชรวาท อีกทั้งยังเคยทำงานใกล้ชอดกับทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.ต.อ.พัชรวาท ทั้งในสมัยที่ยังอยู่ในราชการ จนเกษียณอายุราชการ โดยดำรงตำแหน่งสุดท้ายเป็น รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (พล.อ.ประวิตร) ก่อนได้รับเลือกเป็น ป.ป.ช. เมื่อช่วงปลายปี 2558 ที่ผ่านมา