รองนายกฯ เผยไม่ได้ยินแม่น้ำ 4 สายจะนัดหารือ หลัง กรธ.ยอมปรับแก้บทเฉพาะกาล ร่าง รธน.บางส่วนที่เสนอไป เบื้องต้นพอใจเหตุผลที่ปรับแก้บางส่วน เผย “มีชัย” ชี้แจงนายกฯ ด้วยวาจาแล้ว ติงสื่ออย่าดักคอล็อกคนนั่ง ส.ว.ล่วงหน้าแล้ว เปรยสถานการณ์บ้านเมืองในอนาคตอาจทำให้หลายอย่างเปลี่ยนไป
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ระบุอาจมีการประชุมแม่น้ำ 4 สายเพื่อหารือถึงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญตามที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ปรับแก้ตามข้อเสนอว่า นายพรเพชรเป็นผู้นำแม่น้ำ 1 สาย แต่ตนไม่ได้เป็นจึงไม่ทราบในรายละเอียด และไม่ได้ยินว่าจะมีการนัดประชุม เพราะขณะนี้นายกรัฐมนตรีติดภารกิจต่างประเทศ แม่น้ำสายที่ตนอยู่ยังนิ่งและไหลลึก และการปรับแก้ดังกล่าว กรธ.ได้ชี้แจงและอธิบายการปรับแก้มาให้ตนทราบ พร้อมทั้งแจ้งผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ แม้จะไม่เป็นไปตามข้อเสนอทั้งหมด แต่ก็มีการอธิบายจากทาง กรธ.ด้วยเหตุด้วยผล ซึ่งรับฟังได้ ไม่มีใครขัดข้องหรือมีปฏิกิริยาใดๆ ออกมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรธ.จำเป็นต้องชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่จำเป็นและไม่ทราบว่าเขาจะทำมาหรือไม่ แต่ตามหลักการควรมีการชี้แจงมา ส่วนจะมีหรือไม่ต้องถาม กรธ. เราจะพูดอะไรออกไปไม่ได้ เพราะจะเป็นการคาดคั้น อย่างไรก็ตาม การปรับแก้ดังกล่าว นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ได้แจ้งให้นายกฯ ทราบด้วยวาจาแล้ว แต่ตนยังไม่ได้หารือกับนายกฯ ส่วนกรณีที่บางคนอยากเห็นภาพความขัดแย้ง ตนคิดว่าคงไม่เกิดขึ้น
ต่อข้อถามว่าขณะนี้ทุกอย่างอยู่ที่นายกฯ คนเดียวใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ได้รอ แต่เป็นเรื่องที่สื่อรอ เพราะตนชัดเจนแล้ว และจะไม่ตอบว่าทุกอย่างอยู่ที่นายกฯ เพราะจะกลายเป็นพาดหัวใหญ่ว่าทุกอย่างอยู่ที่ประยุทธ์ซึ่งคิดว่าไม่ใช่
นายวิษณุกล่าวถึงกรณีที่นายมีชัยระบุว่าสมาชิกในแม่น้ำ 4 สายสามารถเป็น ส.ว.สรรหาได้โดยไม่ติดเงื่อนไขต้องลาออกจากตำแหน่งก่อน 90 วันนั้น ไม่มีที่ไหนห้าม แต่ถ้าเป็นข้าราชการอยู่ต้องลาออก
ส่วนที่มองกันว่าการไม่นำเงื่อนไขดังกล่าวมาใช้ เป็นการป้องกันข้อครหาล็อกตัวบุคคลที่ลาออกจากตำแหน่งใดก็ตาม มาเป็น ส.ว.ใช่หรือไม่นั้น นายวิษณุกล่าวว่า ไม่จำเป็น เพราะตั้งไปแล้วค่อยลาออกก่อนนำความกราบบังคมทูลฯก็ได้ ส่วนกระแสข่าวว่ามีการล็อกตัวบุคคลมานั่งเป็น ส.ว.สรรหานั้นเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ธรรมดาที่สื่อจะดักหน้าไว้เช่นนั้นก่อน แต่ไม่ต้องคิดว่าดักหน้าแล้วเขาจะหลบ ไม่เอาตามนั้น เมื่อดักแล้ว สังคมคาดหมายแล้ว ไหนๆ ก็ทำแบบนั้นเสียเลย จึงไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอย่างนั้น และเรื่องนี้ยังอีกนาน เพราะยังต้องผ่านขั้นตอนการทำประชามติ รวมถึงสถานการณ์บ้านเมืองขณะนั้น อาจทำให้หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป
นายวิษณุกล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เคาะตัวเลขงบประมาณที่ใช้ในการทำประชามติ จำนวน 2,991 ล้านบาทว่า ตนทราบตัวเลขดังกล่าวแล้ว แต่คงมีการหารือภายหลังได้รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์จาก กรธ.แล้วซึ่งจะมีการต่อรองกับสำนักงบประมาณ เมื่อถามว่าตัวเลขดังกล่าวถือว่าสูงไปหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ส่วนตัวมองว่ายังสูงอยู่ เพราะครั้งที่ผ่านมา กำหนดให้แจกจ่ายร่างรัฐธรรมนูญร้อยละ 80 ของครัวเรือนผู้มีสิทธิก็เป็นตัวเลขจำนวนนี้ วันนี้เมื่อตัดเงื่อนไขดังกล่าวไปแล้วจะเพิ่มตรงไหนก็ต้องแจกแจงต่อสำนักงบประมาณ แม้การจัดพิมพ์บทสรุปร่างรัฐธรรมนูญก็ไม่น่าจะทำให้เพิ่มขนาดนี้
เมื่อถามว่า ร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ.นั้นฝ่ายการเมืองต่างไม่เห็นด้วย แต่เหมือนต้องการบีบให้รับร่างไปก่อนหรือไม่ เพราะร่างใหม่อาจมีเนื้อหาหนักหนากว่านี้ นายวิษณุกล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้ เมื่อถามอีกว่า หากต้องร่างรัฐธรรมนูญอีกครั้ง เป็นไปได้หรือไม่ว่าไม่ต้องทำประชามติแล้ว นายวิษณุกล่าวว่า “ผมไม่ควรพูด เพราะผมอาจจะกลายเป็นคนที่มีส่วนร่วมตรงนั้น อย่างเผยไต๋ออกไป เพราะเมื่อเดาไปเดาอาจมีอะไรมาโดนผมสักเสี้ยวสักเศษหนึ่ง และยืนยันไม่ใช่การแบะท่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ 3 เพราะผมยืนยันให้รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้”