xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวซื้อเก้าอี้ตำรวจส่อทำยุ่ง “พี่เสือ” สั่งหยุด-เคลียร์ด่วน!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

เรียกว่าเป็น “หนังคนละม้วน” กันไปเลย สำหรับข่าวคราวเรื่องการ “ซื้อขายตำแหน่ง” ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีการให้ข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันไลน์จาก พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) อดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จากเดิมที่ฝ่ายอำนาจรัฐยืนยันเสียงแข็งต้องจัดการขั้นเด็ดขาด อ้างว่าทำให้องค์กรเสื่อมเสีย

หลังจากก่อนหน้านั้น พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ตามข่าวระบุในทำนองว่ามี “นายทหารยศพลเอก” เกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่ง จากนั้นไม่นานหากจำกันได้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ออกมาส่งสัญญาณให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินคดีต่อ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป และตามมาด้วยหมายเรียกให้ไปพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา โดยคดีนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบหมายให้ บก.ปอท.ตามความผิดที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ในวันที่ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป เดินทางไปพบพนักงานสอบสวนวันที่ 10 มีนาคม มีคนสำคัญและมวลชนจำนวนมากมาให้กำลังใจ

ที่น่าสนใจเริ่มตั้งแต่ตำรวจไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ขณะเดียวกัน พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ก็อ้างว่าเขาได้พูดคุยและได้รับกำลังใจจาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชัน ขณะเดียวกันยังระบุว่าได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในเรื่องการปฏิรูปตำรวจอีกด้วย

ที่บอกว่าเป็น “หนังคนละม้วน” คนละอารมณ์กับที่โหมโรงในช่วงเริ่มต้นดูแล้วเข้มข้นดุเดือด ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของ “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และส่งผ่านมายัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำให้เข้าใจว่าต้อง “จัดการขั้นเด็ดขาด” กับ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ฐานทำให้องค์กรตำรวจเสียหาย ทำให้สังคมเข้าใจว่ามีการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้ง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประกาศว่าในยุคของเขาไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งระบุว่าเป็นการพูดแบบ “ตกเบ็ด” ล่อเหยื่ออะไรประมาณนั้น

อย่างไรก็ดี ท่าทีดังกล่าวกลับเริ่มอ่อนลงมาอย่างเห็นได้ชัด สังเกตได้จากคำพูดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หลังจากนั้นก็คือกล่าวว่า พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป เป็น “รุ่นน้อง” ก็มีความหวังดีอยากให้มีการตรวจสอบ

แต่ที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือชัดเจนก็คือ คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่กล่าวตอนหนึ่งในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า

“ในเรื่องของการซื้อขายตำแหน่งตำรวจเหมือนกัน ก็พูดกันไปพูดกันมา แต่การพูดทำให้เสื่อมเสีย เสียหาย ทั้งที่คนพูดก็เจตนาดีนะ ไม่อยากให้เกิดขึ้น เราต้องเอามาเจอกันนะครับ ผมก็ได้คุยกับท่านรองนายกฯ แล้วว่าต้องคุยกันแล้ว คุยกันให้รู้เรื่องซะทีว่ายังไงกันแน่ ไม่อยากให้มีความขัดแย้งกันต่อไปนะครับ จะมีซื้อหรือไม่ จะขายตำแหน่งกันหรือไม่ก็ไปว่ามานะครับ ขอให้มีการแจ้งหรือการร้องเรียนมา จะปฏิรูปอะไรก็แล้วแต่ ตำรวจ หารือกันสิครับ ถ้าทุกคนจะเอาอย่างนี้ เอาอย่างโน้น แล้วเอาของตัวเองทั้งหมด เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว คนไทยชอบอย่างนี้ซะด้วย ถูกคนเดียว คนอื่นผิดหมด ไม่ได้ ต้องเอาส่วนที่ถูกของทุกคนนี่มาหารือแล้วทำก่อน”

“ถ้าจะปฏิรูปตำรวจ ก็อะไรที่ตำรวจเขาเห็นด้วย ก็ต้องให้เกียรติเขาด้วย เพราะเขาต้องปกครอง บังคับบัญชาคนของเขา เราทำยังไงให้คนของเขาทำหน้าที่ตามกฎหมาย ถ้าไม่ทำก็ลงโทษ เพราะงั้นเราต้องร่วมมือนะครับ เดี๋ยวผมจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ได้โดยเร็ว แล้วถ้าหากว่ามีปัญหาอะไรเรื่องนี้ ก็ร้องทุกข์มาครับ แจ้งความ กล่าวโทษ อะไรก็แล้วแต่ สอบสวนให้ทุกอัน อย่าพูดกันลอยไป ลอยมา มีปัญหาหมด เดี๋ยวก็ฟ้องศาล ฟ้องอะไรกันเยอะแยะไปหมด รกศาลนะ อะไรพูดได้พูดกัน อย่าเอากฎหมายอะไรมาสู้กัน”

ความหมายก็คือ “ได้คุยกับรองนายกฯ ว่าต้องคุยกันแล้ว” ซึ่งรองนายกฯ ที่ว่า หากเดาไม่ผิดก็น่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่ดูแลตำรวจ และที่ผ่านมาเคยพูดว่าจะให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดำเนินคดีต่อ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อ้างว่าทำให้องค์กรเสียหาย และคำว่า “ต้องคุยกันแล้ว” ก็คงหมายความว่าต้องมีการหารือกัน ให้นำข้อมูลที่มีอยู่มาร้องเรียนมาบอกกล่าวเพื่อจะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหา และที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ มีการรับปากว่าจะเร่ง “ปฏิรูปตำรวจ” หลังจากก่อนหน้านี้เคยประกาศแล้วว่าจะไม่ดำเนินการ อ้างว่าไม่มีเวลา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง

แน่นอนว่าไม่ว่ามองในมุมไหนก็มองออกว่านี่คือการ “กลับลำ” เป็นการเปลี่ยนท่าทีแบบหักมุมกันเลยทีเดียว เพราะคงมีการประเมินแล้วเห็นว่าหากยังเดินหน้าเต็มตัวแบบเดิมคงมีแต่เสียหาย หากพิจารณาจากจำนวนมวลชนที่ไปให้กำลังใจ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป มีทั้งคนสำคัญที่เปิดเผยตัวแทบทุกองค์กร นี่ยังไม่นับคำพูดที่อ้างว่า “ป๋าเปรม” ให้กำลังใจ มีการอ้างถึงวันเวลาชัดเจนว่าพบกันวันที่ 4 มีนาคมอีกด้วย เป็นใครก็ต้อง “คิดมาก” แหละ

ขณะเดียวกัน เรื่อง “การปฏิรูปตำรวจ” ถือว่าเป็นความรู้สึกร่วมของสังคมไปแล้ว และที่สำคัญเมื่อจับอารมณ์จากคำพูดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ประกาศว่า “ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งในยุคของผม” มันทำให้สังคมหันมามองพร้อมกันเป็นตาเดียว และถือว่า “แน่มาก” ทีเดียว แต่อย่างไรก็ดีนาทีนี้มัน “ต้องเคลียร์” กันแล้ว ต้องมีการเปิดรับ “ข้อมูลใหม่” กันแล้ว!
กำลังโหลดความคิดเห็น