ไม่เคยรู้มาก่อน! อดีตนายกรัฐมนตรี อ้างจัดตั้งกองกำลังส่วนที่ 3 มาแล้ว 3 ปี มีทั้งชาวไทยภูเขา 21 ชนเผ่าเป็นล้าน ชาวไทยใหม่เป็นแสน รากหญ้าอีก 10 ล้าน คนใต้และกลุ่มผู้วางอาวุธอีก อ้างช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง ไม่ให้คนไทยฆ่ากันเอง บอก “ประยุทธ์” ถ้าอยากคุยก็ยินดี ปัดเอี่ยวพาทักษิณกลับบ้าน ย้ำ ไม่รับใบสั่งใคร ยังเคารพ “ป๋าเปรม” แนะ คสช. แก้จนมากกว่าร่างรัฐธรรมนูญปราบนักการเมืองเลว ชี้ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นไปไม่ได้ ไม่ขัดข้องมีกลไกพิเศษ
วันนี้ (13 มี.ค.) ที่บ้านพักซอยปิ่นประภาคม ซอยติวานนท์ 18 ถนนติวานนท์ จ.นนทบุรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้นัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงสถานการณ์การเมืองอีกครั้ง หลังแถลงข่าวไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยมีนายทหารจากกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 5 (ปตอ.พัน 5) จำนวน 3 นาย นำโดย ร.ต.ทวีศักดิ์ สุขเจริญ รองผู้บังคับหมวด ปตอ.พัน 5 มาสังเกตการณ์ ซึ่ง ร.ต.ทวีศักดิ์ ระบุว่า มาสังเกตการณ์ตามภารกิจประจำพื้นที่
พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดตั้งกองกำลังส่วนที่ 3 (Thrid Force) โดยตั้งมาแล้ว 3 ปี ซึ่งไม่ใช่กองกำลังที่ติดอาวุธ แต่เป็นกองกำลังที่ประกอบด้วยผู้ที่มีความคิด ความรู้ในการแก้ปัญหาบ้านเมือง มารวมตัวกันเพื่อระดมความคิดช่วยกันแก้ปัญหาบ้านเมือง เพื่อให้คนไทยเลิกฆ่ากันเอง และไม่มองทหารเป็นศัตรู โดยกองกำลังดังกล่าวมีแนวร่วมประกอบด้วย ชาวไทยภูเขา 21 ชนเผ่า คิดเป็นจำนวนมากกว่า 1 ล้านคน ชาวไทยใหม่ อีกจำนวนหลักแสนคน ประชาชนที่มีฐานะยากจนมากกว่า 10 ล้านคน ประชาชนจากภาคใต้ และผู้ที่วางอาวุธแล้วประมาณ 200,000 - 300,000 คน
สำหรับภารกิจหลักที่จะทำ คือ ให้ความรู้กับประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เข้าไปสลายทุกสีเสื้อ ซึ่งการตั้งกองกำลังครั้งนี้ไม่กังวล และไม่คิดว่าต้องพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพราะเป็นการช่วยแก้ปัญหา ไม่ใช่การรบ แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการพูดคุยกับตัวเอง ตนก็ยินดีช่วยเสริมการทำงานของผู้ควบคุมประเทศ
ขณะเดียวกัน พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ในการพูดคุยครั้งนี้ไม่อยากให้เข้าใจผิดและเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตนยืนยันว่า การทำงานของตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับใคร การตั้งพรรคการเมืองและทำงานการเมืองก็ทำมียุทธศาสตร์ของตัวเองมาล่วงหน้า และมีความเป็นห่วงบ้านเมือง ไม่เคยเกี่ยวข้องและรับเงินใครทั้งสิ้น
ขณะเดียวกัน ตัวเองไม่มีหน้าที่ต้องพาใครกลับบ้าน แม้ที่ผ่านมาได้สังกัดพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อแผ่นดิน ในฐานะที่เคยรับราชการทหาร เป็นหน้าที่โดยตรงในฐานะที่เป็นทหาร ต้องสร้างความสันติสุขเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้ประชาชน โดยใช้ยุทธศาสตร์ของตัวเองทั้งโซ่ข้อกลาง และดอกไม้หลากสีในการทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทย เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่อาจบานปลาย
นอกจากนี้ ตนไม่เคยรับคำสั่งใคร ยังเคารพรักและคิดถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ตนอยากพบ พล.อ.เปรม ใจจะขาด แต่ไม่กล้าเพราะเคยได้ยินมาว่า พล.อ.เปร มไม่อยากพบนักการเมือง แต่ตนยืนยันว่าตัวเองไม่ใช่นักการเมือง
เมื่อถามว่ากรณีร่างรัฐธรรมนูญอาจมีปัญหาสร้างความขัดแย้งในประเทศหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสืบทอดอำนาจของ คสช. พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า นายกฯ และ คสช. ควรนั่งลงคุยกันในเรื่องที่สังคมกังวล อีกทั้งในเวลานี้คนไม่ชอบทหารมีมากขึ้น ความยากจนเป็นเรื่องใหญ่สุดที่ต้องเร่งแก้ไขมากกว่ามาทุ่มเทเรื่องการเขียนรัฐธรรมนูญปราบการทุจริต หรือต่อว่านักการเมืองเลว ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องอดทนและเปลี่ยนบทบาท อย่าสร้างความเกลียดชังเพิ่มขึ้น การพูดอย่างสร้างสรรค์จะทำให้ทุกคนมาช่วยกันสร้างบ้านเมืองก้าวไปข้างหน้า
“รัฐธรรมนูญมีความสำคัญ แต่ไม่ใช่สิ่งที่จะสร้างความสงบสุขได้ สิ่งที่เป็นเจตนาของรัฐธรรมนูญ คือการเป็นประชาธิปไตย ซึ่งประชาธิปไตยสร้างด้วยนโยบาย ไม่ใช่รัฐธรรมนูญ โดยต้องสร้างความสมดุลระหว่างอำนาจอธิปไตยปวงชนกับเสรีภาพของบุคคลเพื่อไม่ให้เกิดสภาพอนาธิปไตยหรือเผด็จการ” พล.อ.ชวลิต กล่าว
สำหรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของรัฐบาลนั้น ตนมองว่าไม่มีความเป็นไปได้ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ส่วนกรณีข้อเสนอที่ให้ ส.ว. มาจากการสรรหา ช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ถ้าจะมีต้องเป็น ส.ว. สรรหาอย่างแท้จริงที่ทำเพื่อประชาชน ไม่ใช่สรรหาเพื่อเป็นการเชียร์อีกฝ่าย ซึ่งสร้างความไม่เป็นธรรม ส่วนกลไกพิเศษมีได้ถ้ามีความจำเป็น ตัวเองไม่ขัดข้อง.