รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต จวก คสช.คิดแต่วางกลไกพิเศษช่วงเปลี่ยนผ่านจนลืมออกแบบกลไกปฏิรูปจริงจัง ทำแนวคิด ส.ว.สรรหา 5 ปี เป็นแค่ตรรกะลอยๆ ระบุหาก กรธ.รับลูกก็ต้องรื้อร่างใหม่ เตือนถ้าอำนาจพิเศษขาดความชอบธรรมจะเป็นดาบสองคมทำสถานการณ์เลวร้ายลง จี้ตกผลึกงานมีกี่ภารกิจ ก่อนวางกลไก ดึงภาคส่วนร่วม และทำให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง ไม่ใช่แค่โวหารไปวันๆ
วันนี้ (12 มี.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต กล่าวว่า ตนเห็นว่าในขณะนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คิดแต่การวางกลไกพิเศษทางอำนาจในช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่ลืมออกแบบกลไกปฏิรูปที่จะขับเคลื่อนการปฏิรูปในแต่ละด้านอย่างจริงจัง จนทำให้ข้อเสนอเรื่อง ส.ว.สรรหา ที่มีอำนาจพิเศษ 5 ปี ยังเป็นข้อเสนอที่ไม่มีน้ำหนักจนถูกมองว่าเป็นการวางกลไกสืบทอดอำนาจเท่านั้น สมมติว่า คสช.ตั้งใจดีอยากให้มีกลไกพิเศษอย่าง ส.ว.สรรหามาขับเคลื่อนความต่อเนื่องของการปฏิรูป หรือทำหน้าที่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ก็มีคำถามว่า จะปฏิรูปเรื่องอะไร อย่างไร และสถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านแค่กลไก ส.ว.เอาอยู่หรือไม่ และสังคมจะเป็นเจ้าภาพ หรือมีส่วนร่วมได้อย่างไร คสช.น่าจะคิดทั้งระบบ
“เหมือนกับว่าเรายังไม่รู้เลยว่าเรือลำนั้นโครงสร้างเป็นอย่างไร นั่งได้กี่คน และจะไปขึ้นฝั่งที่ไหน แต่อยู่ๆ ก็จะให้คนจำนวนหนึ่งลงไปนั่งคุมเรือลำนั้น 5 ปี เว้นแต่ว่าเรือลำนั้นยังเป็นเรือของแป๊ะ ตรรกะ ส.ว.สรรหา 5 ปีจึงยังเป็นตรรกะลอยๆ อาจทำให้กลายเป็นจุดอ่อนของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และถ้า กรธ.รับลูกก็อาจต้องรื้อร่างฯ เขียนกันใหม่ เพราะคนละเจตนารมณ์ต่อที่ กรธ.ออกแบบมา อำนาจพิเศษในช่วงเปลี่ยนผ่านถ้าขาดความชอบธรรมเพียงพอก็อาจจะเป็นดาบสองคมซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลงได้เช่นกัน” นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวว่า ตนจึงอยากเรียกร้อง คสช.ออกแบบการปฏิรูปประเทศให้ตกผลึกก่อนว่ามีกี่ภารกิจ ใช้เวลาเท่าไรในแต่ละเรื่อง ค่อยวางกลไก และหาเจ้าภาพมาขับเคลื่อน และดึงภาคส่วนต่างๆ ในสังคมเข้ามาร่วมเป็นเจ้าภาพ และควรทำให้เสร็จ และเป็นรูปธรรมก่อนเลือกตั้ง ไม่อยากเห็นฝ่ายใดก็ตามเอาเรื่องการปฏิรูปมาอ้าง และเป็นโวหารไปวันๆ แต่ไม่ได้ทำกันจริงจัง