“อนุพงษ์” ระบุ “ประยุทธ์” ไปอุดรธานีไม่ได้เจาะจงจังหวัดใดเป็นพิเศษ เชื่อคนไทยทุกคนต้องการความสงบสุข เพราะทุกคนได้รับบทเรียนว่าความขัดแย้งไม่ได้ช่วยให้ใครมีความสุข ส่วนปัญหาภัยแล้งทุกกระทรวงช่วยกันประคับประคองเต็มที่เพื่อให้ผ่านพ้นไปได้ ไม่สนถูกหยิกยกมาเป็นประเด็นการเมือง เหตุเป็นเรื่องธรรมชาติ พร้อมหนุนดึงงบฯ ท้องถิ่นช่วยท้องเที่ยง ระบุไม่ขัดกฎหมาย
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการลงพื้นที่ภาคอีสานที่ จ.อุดรธานี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้ารักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ในเดือน มี.ค.นี้ว่า ต้องยอมรับว่าประชาชนในประเทศไทยต้องการความสงบสุข เพราะทุกคนล้วนได้รับบทเรียนและรับทราบดีว่าความขัดแย้งไม่ได้ช่วยให้ใครมีความสุข ทั้งการดำเนินชีวิต และการประกอบอาชีพ ต่างก็ติดขัดไปหมด การอยู่ร่วมกันของคนในชาติจะต้องมีความสามัคคี เงื่อนไขต่างๆ สามารถพูดได้ แต่ถ้าจะหยิบยกมาเป็นความขัดแย้งก็คงไม่ถูก รัฐบาล และ คสช.ต้องการให้มีรัฐธรรมนูญและให้บ้านเมืองนิ่งสงบ แต่ถ้ารัฐบาล และ คชส.เข้ามาแล้วคนยังตีกัน ไม่สงบ ก็คงไม่จบ ดังนั้น จึงอย่าไปคุ้ยอะไรขึ้นมาเลย
“นายกฯ เองไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะต้องลงพื้นที่จังหวัดใดเป็นพิเศษ เพราะก่อนหน้านี้นายกฯ ก็ลงพื้นที่ในทุกภาค ทั้งกลาง ใต้ ยืนยันว่ารัฐมนตรีทุกคนสามารถลงพื้นที่ได้ทุกภาค ซึ่งตรงไหนมีปัญหาเร่งด่วนพิเศษก็จะต้องลงไป นายกฯ ไม่มีวาระอื่นใดๆ ทั้งสิ้น”
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ว่า เป็นที่ทราบดีว่าปัญหาภัยแล้งนั้นเกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญซึ่งทำให้น้ำมีปริมาณจำกัด โดยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยทุกส่วนได้ช่วยกันประคับประคองให้ผ่านพ้นสถานการณ์ไปได้ เพื่อให้ประชาชนมีน้ำในการอุปโภคบริโภค และช่วยเหลือความเสียหายในพื้นที่ทำการเกษตร ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ภัยแล้งนั้นรุนแรงจริงๆ แต่เชื่อว่าระบบการช่วยเหลือของประเทศไทยนั้นมีอยู่แล้วเพราะได้รับความช่วยเหลือจากเอกชน และประชาชนด้วย นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดคอยบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลหรือไม่ว่าปัญหาภัยแล้งจะถูกนักการเมืองหยิบเป็นประเด็นโจมตี รมว.มหาดไทยกล่าวว่า ไม่เป็นอะไร เขาจะว่าอย่างไรก็ได้ แต่รัฐบาลมีหน้าที่ มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาให้ประชาชน และตอนที่มีน้ำมากหรือน้ำท่วมทั้งประเทศแล้วทำไมไม่มีใครไปโจมตีเขาบ้าง แต่ปัญหาภัยแล้งหากเกิดเพราะรัฐบาลไม่ทำให้ฝนตกก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เป็นเรื่องของธรรมชาติ
พล.อ.อนุพงษ์ยังกล่าวถึงแนวคิดการพิจารณางบประมาณเก็บสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มาส่งเสริมการท่องเที่ยวว่า แนวคิดดังกล่าวมาจากการที่ อปท.มีเงินสะสมอยู่และสามารถนำมาใช้ได้ โดยกระทรวงมหาดไทยจะให้นโยบายในการใช้งบประมาณให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น ใช้ในการปรับปรุงพัฒนาแหล่งน้ำ ส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น เป็นต้น โดยการใช้งบประมาณต้องเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของ อปท. และไม่ผิดกฎหมาย การใช้งบประมาณจะต้องเป็นประโยชน์ต่อประชาชนผ่านความเห็นชอบจากสภาท้องถิ่น เรื่องดังกล่าวมีการพูดว่าเป็นการโยกงบฯ แต่เรื่องนี้เป็นการพิจารณาใช้งบประมาณตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ ซึ่งขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของ อปท.ด้วย
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวคิดนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในท้องถิ่น และท้องถิ่นมีอำนาจใช้งบประมาณดังกล่าว เราก็มองว่าควรจะใช้เงินตรงนี้เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ โดยเรามองถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม
รมว.มหาดไทยกล่าวว่า ถ้าใช้งบประมาณเอามาพัฒนาทำให้ท้องถิ่นดีขึ้น ห้องน้ำห้องท่าสะอาด การท่องเที่ยวก็จะดี ซึ่งการใช้งบประมาณในส่วนนี้ ไม่ต้องแก้ไขกฎหมายใดๆ ซึ่งอาจจะมีเพียงแก้ไขระเบียบของอปท.เล็กๆ น้อยๆ แต่ในโครงสร้างใหญ่นั้นไม่ต้องแก้ไขกฎหมายเลย สามารถนำงบฯมาใช้ได้อยู่แล้ว โดยเราจะให้กรอบนโยบายไปว่าควรเอาเงินไปใช้ในส่วนใดบ้าง ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน เช่น แหล่งน้ำ การท่องเที่ยว