สปท.ลงชื่อยื่นญัตติระดมความคิดกรณีศาลพิจารณาจำคุก “สุรยุทธ์” กว่า 13 ปี ฐานทุจริตค่าโฆษณา โดยที่ช่อง 3 ไม่แบน เจ้าตัวยังโผล่จอเล่าข่าวต่อ ยันไม่ได้กดดันใคร แต่ต้องการให้สำนึกในเรื่องจริยธรรม-จรรยาบรรณสื่อ ชี้ 4 ปมพิสูจน์ชัดผิดจริง “หมอพรทิพย” ห่วงสังคมวิกฤตคุณธรรม ลั่นไม่รับเชิญออกรายการเด็ดขาด
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ โฆษกสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวว่า สมาชิก สปท.ได้ร่วมลงชื่อยื่นญัตติต่อ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. เพื่อระดมความคิดสมาชิกต่อปัญหากรณีศาลอาญาพิพากษาจำคุกนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าว 13 ปี 4 เดือน ข้อหาทุจริตค่าโฆษณา โดยร่วมกับคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปสื่อมวลชน และคณะกรรมาธิการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยจะเสนอต่อที่ประชุมวิป สปท.พิจารณาวันพรุ่งนี้ (3 มี.ค.) หากผ่านก็จะมีการพิจารณาญัตตินี้ในการประชุมวันจันทร์ที่ 7 มี.ค.
พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวว่า การยื่นญัตติครั้งนี้ไม่ได้ต้องการกดดันใคร แต่ด้วยสามัญสำนึกทุกคนมีอยู่ในตัว และทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเอง เมื่อ สปท.มีหน้าที่เน้นการขับเคลื่อนการปฏิรูปถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการนำประเด็นเหล่านี้ไปปฏิรูป โดยไม่จำเป็นที่จะต้องรอให้มีกฎหมายออกมาก่อน โดยเฉพาะเรื่องจริยธรรม และจรรยาบรรณของสื่อ
โฆษก สปท.กล่าวว่า แม้ต้นสังกัดคือช่อง 3 จะยังยืนยันให้นายสรยุทธจัดรายการต่อไปตามปกติ แต่ตนยืนยันว่าจะไม่ขอรับเชิญไปออกรายการด้วยอย่างแน่นอน เพราะเรื่องนี้เห็นความผิดชัดเจนแล้ว คือ 1. มีการปลอมแปลงเอกสารโดยใช้น้ำยาลบความผิด 2. ตัวเลขกลมๆ ซึ่งสายธนาคารจะหาได้ไม่ยากว่าเสน่หาหรือเปอร์เซ็นต์ 3. หน่วยงาน อสมท ได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่ามีการต้องจ่ายมาให้แล้ว 138 ล้านบาท เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นหรือไม่ 4. กระบวนการ ป.ป.ช.ที่ได้ตรวจสอบและลงโทษเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะผิดฝ่ายเดียวไม่ได้ ก็เห็นอยู่แล้วว่ามีความจริงที่เกิดขึ้น 4. อย่างที่ไม่ต้องแสวงหาอะไรอยู่ ยกเว้นว่าจะเอากรอบอะไรมาตัดสินว่าถูกหรือผิด หากปล่อยสิ่งเหล่านี้เอาไว้สังคมจะไม่มีทางดีขึ้นได้ และ5. ศาลชั้นต้นตัดสินบนความจริงทั้ง 4 ข้อนี้
“ดิฉันยืนยันว่าจะไม่รับเชิญร่วมรายการของนายสรยุทธทุกกรณี แต่ไม่เกี่ยวกับช่อง 3 หรือตัวพิธีกร แต่เกี่ยวกับหน้าที่คนไทย เพราะปัญหาวันนี้ที่เกิดขึ้นก็เพราะวิกฤตคุณธรรม คนมีการศึกษากำลังเถรตรง เอาการศึกษามาจับ เดิมทีก็แย่แล้วว่าเรียกหาแต่ใบเสร็จ ดันมาเจอแบบนี้อีก ใบเสร็จยังเห็นความจริงไม่ค่อยชัด แต่กรณีนี้มันเห็นชัดเจนแต่ขาดเพียงการใช้ข้อกฎหมายหรือระเบียบ แต่ในหน้าที่เรามองว่ามันไม่ควรที่จะรออีกต่อไป และไม่เห็นด้วยกับกระบวนการนินทา ช่วยกันซุบซิบ คนดีต้องออกมาพูด แต่ไม่ใช่พูดด้วยอารมณ์” พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าว
