นายกรัฐมนตรีชี้ถ้ามองว่าประชาธิปไตยและการเลือกตั้งเป็นไฮไลต์ของชาติก็กลับไปสู่จุดเดิม ซัดพวกไม่รับกติกาใหม่มีแต่นักการเมือง เหตุเข้าสู่อำนาจยากขึ้น สับสื่อชอบเสนอข่าวแบบกัดกันเป็นหมา ขู่ใครเอาคำพูดไปพาดหัวไม่ต้องมาคุย ลั่นไม่อดทน จวกไม่เสนอเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อชาติ ถามถ้าจลาจลทั้งเมืองใครจะรับผิดร่วม รับรังเกียจไอ้เจ้าของบางสำนักพิมพ์ จ่อใช้กฎหมายจัดการพวกสร้างความแตกแยก ฉุนถ้าชาติล่มสลายจะขึ้นชื่อให้ดูใครหากินบนความเดือดร้อน
วันนี้ (5 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11. 00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดสื่อสารคดีในโครงการจัดนิทรรศการและสื่อสารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถึงการติดตามร่างรัฐธรรมนูญ ว่าได้ติดตามอยู่เพราะตนก็เป็นผู้ที่ตีกรอบไปเอง ส่วนข้อเสนอในวิธีการการเลือกตั้งแบบใหม่นั้นตนเคยบอกแล้วว่าถ้ามองว่าประชาธิปไตยและการเลือกตั้งเป็นไฮไลต์ของทั้งหมดประเทศไทยก็กลับไปที่เดิมเท่านั้นเอง มันไปอย่างอื่นไม่ได้ อย่างไรก็ตามก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต้องคุยกันว่าทำอย่างไรประเทศชาติจะปลอดภัยและเป็นประชาธิปไตยที่ต่างชาติยอมรับได้ด้วย ทุกวันนี้เขาก็คิดกันหัวจะผุอยู่แล้ว
“คนที่จะไม่รับกติกาใหม่ๆ อะไร ส่วนใหญ่ก็เป็นนักการเมืองทั้งสิ้น ยอมรับไม่ได้เพราะทุกอย่างจะทำให้ยากในการเข้าสู่กระบวนการ สู่การมีอำนาจ หรือการใช้จ่ายงบประมาณทุกอย่างเขาเลยต้องการเหมือนเดิมเพราะต้องการที่จะได้คะแนนนิยมจำนวนมากๆ เท่าเดิมหรือมากกว่าเดิม ผมบอกมาหลายครั้งแล้วว่าสังคมและประเทศมันเกิดอะไรขึ้น วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ซึ่งทั้งหมดมันคงไม่ได้แก้ด้วยรัฐธรรมนูญ กฎหมาย นักการเมือง ผม หรือการรัฐประหารเพียงอย่างเดียว มันไม่ได้หรอก ทุกอย่างมันต้องแก้ด้วยจิตสำนึกของทุกคนว่าจะช่วยให้ประเทศชาติปลอดภัยอย่างไร ผมบอกมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่าความจริงไม่ต้องไปเขียนรัฐธรรมนูญใหม่มาให้ยากหรอก ถ้าทุกคนยอมรับกติกาว่าจะให้ประเทศมีการเปลี่ยนแปลง ง่ายที่สุดคือรัฐธรรมนูญเก่าเลยก็ได้ อันนี้ผมสมมตินะ แต่จะต้องมีระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน 4 ปีแล้วจะเป็นอย่างไร ไม่เช่นนั้นถ้าไม่คิด 4 ปีข้างหน้าก็จะกลับมาเหมือนเดิมหมด ไม่อย่างงั้นไม่ต้องรอถึง 4 ปี ปีเดียวก็กลับมาหมดแล้ว ใช่หรือไม่” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อเองก็ไม่มีคำตอบตรงนี้เพราะอ้างแต่ว่าจะเสนอข่าวตรงกลางเพียงอย่างเดียว ใครมันจะเสนอซ้ายเสนอขวาก็ไม่สนใจ จะเสนอแต่ตรงกลางอย่างเดียว แล้วมันก็กัดกันเป็นหมาอยู่ทุกวันนี้ ชอบให้ตนพูดแบบนี้ใช่หรือไม่แล้วเดี๋ยวถ้าใครเอาคำของตนไปพาดหัว ไม่ต้องมาพูดกับตนแล้วนะ ชอบแบบนี้ ชอบสร้างความขัดแย้งให้กับตน ทำอย่างไรสังคมมันจะสงบ ไม่ใช่อะไรก็จะทำให้ตนอารมณ์เสีย แล้วก็มาบอกว่าเป็นนายกฯ ต้องอดทนแล้วตนจะอดทนไปทำไมเล่า จะอดทนไปทำไม อดทนแล้วให้ทุกคนขัดแย้งกันแบบนี้หรือ ตนไม่อดทน ทุกวันนี้ทำแทบตายไม่ต้องมาบอกตนก็ทำให้อยู่แล้ว แต่ยังมาทำกับตนเหมือนกับคนอื่นทั่วๆ ไป มันไม่ใช่ ตนไม่ใช่คนแบบนั้น คิดทุกวันทำทุกนาทียังไม่ช่วยกันเลย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐธรรมนูญจะออกอะไรออกมาถามว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเอาอย่างไร เมื่อเดินไปตามขั้นตอนอีกสักพักก็จะมีการทำประชามติ แต่ถ้าประชาชนออกมาประชามติแล้วเสียงส่วนใหญ่บอกว่าไม่เอา แล้วจะทำอย่างไรกันต่อไป จะเลือกตั้งกันให้ได้อย่างนั้นหรือ วันนี้ก็ต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจว่าทำไมถึงต้องเป็นเช่นนี้ เหตุผลของการคัดสรรในเรื่องต่างๆ เข้ามาเพราะอะไรถ้าชี้แจงแบบนี้ประชาชนก็น่าจะเข้าใจ แต่ถ้ามัวไปชี้แจงว่าคัดสรรเข้ามาเพื่อการมีอำนาจ พูดแต่เรื่องของอำนาจเพียงอย่างเดียว ไม่เห็นพูดกันว่าจะทำอย่างไรกันบ้าง ที่เถียงกันอยู่ทั้งหมดสื่อก็ขยายความออกไปเรื่อยๆ ประเทศไทยก็กลับที่เดิมคือการเลือกตั้งส่วนจะได้ใครกลับมาก็ไม่รู้ ประเทศชาติจะเดินไปข้างหน้าได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ สื่อทำกันแบบนี้แล้วก็มากล่าวหาว่าตนโทษแต่สื่อ
“สื่อรู้กันทั้งหมดแต่ไม่ยอมเสนอเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ถ้าเผื่อประเทศต้องมีปัญหา ต้องล่มลงไปเศรษฐกิจเดินหน้าไม่ได้ เกิดความขัดแย้ง เกิดการจลาจลกันทั้งเมือง ใครจะมารับผิดชอบร่วมกับผม แต่ก็ยังเขียนทุกเรื่องที่มีปัญหา ผู้สื่อข่าวในสนามผมถือว่าโอเค ผมรู้เพราะอยู่ด้วยกันมานานแล้ว แต่ผมรังเกียจไอ้เจ้าของสำนักพิมพ์บางสำนักพิมพ์ จะว่าผมแรงก็ต้องแรงนะจะบอกให้ ไม่มีเลิก ตอนที่มีเรื่องมันอยู่ไหน เขียนเชียร์เขาอยู่นั่นแหละ ทุกวันนี้ก็ยังเชียร์อยู่ คนบังคับใช้กฎหมาย คนทำงานเดือดร้อน รู้อยู่แล้วนะว่าใครไม่ต้องเอ่ยชื่อ ไม่ได้ขู่ด้วย ผมสามารถชี้แจงกับคนอื่นได้ว่าทำไมผมถึงทำแบบนี้ ถ้าผมจะต้องทำกับไอ้บางคนซึ่งจะทำตามกฎหมาย อย่าหาว่าผมไปรังแกสื่ออะไรทั้งสิ้น แบบนี้เขาไม่ได้เรียกว่าสื่อ สร้างความแตกแยก” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า แสดงว่านายกฯ กำลังคิดจะทำอะไรอยู่ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ผมพูดให้ฟังทำไมหรือจะไปเขียนกันว่านายกฯ จะเริ่มควบคุมสื่อละเมิดจรรยาบรรณสื่อ โถ่ ไอ้ห่วย แบบนี้เขาไม่เรียกสื่อหรอก พวกท่านก็ค้านเขาไม่ได้ เพราะทุกคนทุกสำนักพิมพ์ต้องการรายได้ ไม่สนใจว่าประเทศมันจะเสียหายตรงไหน ไม่สนใจเลย แข่งกันสิ แข่งกันขายกันเท่านั้นเล่มเท่านี้เล่ม เอาเงินที่ขายเอามากิน ก็ใช่มันเป็นความจำเป็น แต่มันทำลายประเทศไปด้วย ผมอยากจะบอกคำนี้ บางคอลัมน์ใช้ไม่ได้ทั้งนั้น พอผมถามกลับไปก็ตอบกลับมาว่าคุมไม่ได้ครับ พอเรียกมาก็เป็นอย่างนี้หมด เชิญมาพบไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิ เรียกมาคุยตั้งโต๊ะคุยดีๆ ในห้องแอร์ถามว่าเขียนอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร ก็บอกว่า อ๋อ เดี๋ยวผมจะแก้ไข ผมจะปรับปรุงครั้งหน้า รับรองไม่มีครับ มันก็มีอีก เรียกมาครั้งที่ 2 ก็ขอโทษครับมันเป็นแบบนี้ครับ ผมยังคุมคนเหล่านี้ไม่ได้ เดี๋ยววันหน้าผมจะแก้ไขพูดอย่างนี้มา 7-8 ครั้งแล้ว ไอ้คนแบบนี้ถ้าประเทศนี้มันล่มสลายจะขึ้นชื่อให้ดูทั้งหมดว่าใครบ้าง ไม่รู้จักอับอายคนเขาบ้าง หากินบนความเดือดร้อน บนความสูญเสียของคนอื่นบ่อนทำลายชาติ ความจริงตั้งใจจะพูดแต่สิ่งดีๆ ไปซะแล้ว”