“คำนูณ” หนุน พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ แต่เล็งอภิปรายปรับเนื้อหา เปิดโอกาส รบ.ใหม่เข้าทำหน้าที่ ขัดแย้งยึดมติรัฐสภาเป็นใหญ่ ค้านกำหนดโทษไม่ปฏิบัติตามเหตุผิดใน รธน.อยู่แล้ว ไม่ควรบัญญัติให้จัดการงบเพราะจะเทียบองค์กรอิสระ โฆษก กรธ.ปัดยุทธศาสตร์ชาติไม่ใช่อำนาจที่ 6 มีเพื่อพัฒนาชาติ ไม่น่ากลัว
วันนี้ (15 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวว่า ในวันที่ 16 ก.พ.จะอภิปรายร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งนี้ โดยหลักการตนเห็นด้วยว่าประเทศไทยต้องมียุทธศาสตร์ชาติเพื่อกำหนดทิศทางของประเทศได้ถูกต้อง แต่จะขอให้มีการปรับปรุงเนื้อหาบางส่วนให้ร่างกฎหมายดังกล่าว เช่นในบทเฉพาะกาล คือช่วงเปลี่ยนผ่านของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติในกรณีวาระเริ่มต้นจะให้นายกฯ ประธาน สนช. และประธาน สปท.เข้าทำหน้าที่ แต่หากมีรัฐบาลใหม่เข้ามาควรเปิดโอกาสให้ นายกฯ ประธานสภา และประธานวุฒิสภา และผู้ทรงคุณวุติชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน
รวมทั้งการอนุมัติเรื่องเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ชาติ ในกรณีที่เกิดความขัดแย้งระหว่างคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติกับรัฐสภาให้ตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมาแก้ปัญหา แต่สุดท้ายหากตกลงกันไม่ได้ก็ให้ยึดมติรัฐสภาเป็นใหญ่ตัดสิน รวมทั้งยังไม่เห็นด้วยต่อการกำหนดโทษหากหน่วยงานไหนไม่ปฏิบัติตาม ก็ให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติส่งเรื่องไปให้องค์กรอิสระ อย่างเช่นคณะกรรมการ ป.ป.ช.เอาผิด จึงเห็นว่าควรตัดเนื้อหาดังกล่าวออกเพราะร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีนายชัย ฤชุพันธุ์ ที่รับรองอำนาจของเรื่องยุทธศาสตร์ชาติเอาไว้ ดังนั้นใครไม่ปฏิบัติตามก็มีความผิดตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้วในมาตรา 230-232
นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ควรบัญญัติให้จัดการ งบประมาณให้เพียงพอ เพราะจะทำให้เทียบเท่ากังองค์กรอิสระ และศาล รวมทั้งเงินเดือนของคณะกรรมการก็ควรให้เป็นไปตาม พ.ร.ฎ. และเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย หากทำได้ตามนี้ก็เชื่อว่าสังคมจะยอมรับได้
ด้านนายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีหลายฝ่ายวิจารณ์ว่ายุทธศาสตร์ชาติ เป็นอำนาจที่ 6 ว่า คงไม่ใช่เรื่องอำนาจที่ 6 แต่เป็นเรื่องที่ กรธ.คิดว่าควรกำหนดยุทศาสตร์ของประเทศให้เดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นประเทศมาเลเซีย โดยร่างรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้ออกกฎหมายลูกรองรับ และต้องกำหนดให้มีส่วนร่วมและการรับฟังความเห็นของประชาชนประกอบด้วย ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล คสช.จะเป็นผู้กำหนดทุกเรื่อง เพราะเปิดโอกาสให้รัฐบาลใหม่เข้ามาขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายได้ รวมทั้งยังเปิดโอกาสให้มีการปรับปรุงยุทศาสตร์ชาติได้ทุก 5 ปี จึงถือว่าไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเพราะประชาชนมีส่วนร่วม
