xs
xsm
sm
md
lg

เล็ง 3.5 หมื่นล้านเข้า “บัญชีประชารัฐ” แยกจากเงิน “กองทุนหมู่บ้านเดิม” - “บิ๊กตู่” กดปุ่ม 19 ก.พ.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.)
“บิ๊กตู่” จัดอีก 3.5 หมื่นล้าน ผุด “บัญชีประชารัฐ” เข้า 4 แบงก์รัฐ แยกจาก “กองทุนหมู่บ้านเดิม” ไฟเขียวเพิ่มระเบียบโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ กดปุ่มเปิด 19 ก.พ.นี้ เตรียมยกร่างระเบียบบอร์ดกองทุนฯ ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยใน กทม. เพิ่มประสิทธิภาพและเศรษฐกิจชุมชนเมือง

วันนี้ (12 ก.พ.) มีรายงานว่า นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) เพื่อพิจารณาโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ หลังจากนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะประชาชนผู้มีรายได้น้อยทั้งประเทศ โดยที่ประชุมรับทราบว่าโครงการตลาดประชารัฐ เมื่อวันที่ 30-31 มกราคมที่ผ่านมาในกรุงเทพมหานคร บริเวณวัดพระยาสุเรนทร์ คลองสามวา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน ซื้อสินค้าคุณภาพดีราคาย่อมเยาจากผู้ประกอบการรายย่อยโดยตรงส่งผลให้เศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียนมากขึ้น

ทั้งนี้ ได้รับทราบผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองเพื่อการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐเมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ อิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี โดยได้รับความคิดเห็นเพื่อเพิ่มมาตรการฟื้นฟูและพัฒนากองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองให้มีประสิทธิภาพในการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับนโยบายเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายประชารัฐของรัฐบาล โดยเน้นความโปร่งใส สุจริต และผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ

“ที่ประชุมยังเห็นชอบการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ เพื่อเป็นกลไกในการติดตามสนับสนุนโครงการฯ จะมีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการฯ ในวันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์นี้ ณ อิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา พร้อมสนับสนุนความเข้มแข็งและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้แก่สมาชิกให้มีโอกาสพัฒนาความเป็นอยู่และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นอกจากนี้จะมีการยกร่างระเบียบคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติว่าด้วยการบริหารโครงการดังกล่าว ในการกำกับดูแลโครงการฯ ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในกรุงเทพมหานครให้มีประสิทธิภาพและเศรษฐกิจชุมชนเกิดการหมุนเวียนมากขึ้นกว่าเดิมด้วย และยังจะมีการจัดตั้งฝ่ายประชารัฐ ในสำนักงานคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) เพื่อให้มีบทบาทสำคัญในการจัดทำยุทธศาสตร์ แผนแม่บท และกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนกลไกประชารัฐในภาพรวมพร้อมประมวลข้อมูลสถิติ ข่าวสาร ตลอดจนการจัดทำโครงการ และกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้แก่สมาชิก และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง

ด้านนายสุวพันธุ์กล่าวภายหลังว่า ที่ประชุมเห็นชอบการออกระเบียบในการดำเนินโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ วงเงิน 35,000 ล้านบาท จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นหนึ่งชุด มีผู้แทนจากภาคราชการ ประชาชน และจากภาคเอกชนคือสถาบันการเงินของรัฐ ร่วมกันกลั่นกรอง และพิจารณาอนุมัติโครงการของแต่ละกองทุนที่เสนอของบประมาณไปลงทุนทำโครงสร้างพื้นฐานในท้องถิ่น ในวงเงินกองทุนละไม่เกิน 500,000 บาท โดยโครงการที่กองทุนจะเสนอขึ้นมาต้องผ่านการทำประชาคมที่ได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกกองทุนหมู่บ้านด้วย

“เมื่อโครงการได้รับการอนุมัติจากคณะอนุกรรมการแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการโอนเงินลงไปผ่านธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ 4 แห่ง คือ ธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. ธนาคารกรุงไทย และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยกองทุนหมู่บ้านแต่ละแห่งต้องเปิดบัญชีใหม่ ชื่อว่า บัญชีประชารัฐ เพื่อแยกการบริหารจัดการออกมาจากบัญชีเดิมที่กองทุนเคยเปิดกับธนาคารไว้ ซึ่งจะทำให้กองทุนฯ รู้จักการจัดการบริหารงบประมาณส่วนนี้อย่างถูกต้อง และรองรับกรณีมีโครงการใหม่ๆในลักษณะใกล้เคียงกันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ส่วนการติดตามและประเมินผลโครงการนั้น ได้มีการสร้างเครือข่ายอาสาประชารัฐ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของ สทบ. และบุคคลในท้องถิ่น เพื่อช่วยติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการทุกขั้นตอนว่า โครงการได้ผ่านกระบวนการจัดทำตามระเบียบที่ออกหรือไม่ หรือต้องประเมินผลว่า เมื่อเริ่มดำเนินโครงการไปแล้วเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างไร ขณะเดียวกันยังได้ขอให้เพิ่มข้อกำหนดด้วยว่า ในการดำเนินโครงการนี้ต้องการให้มีความโปร่งใสสุจริต ไม่มีข้อครหาโดยเฉพาะการฮั้ว ซึ่งในระเบียบจะมีข้อกำหนดไว้ว่าหากพบความผิดปกติไม่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดจะระงับโครงการและเรียกเงินกลับคืนด้วย

ทั้งนี้จะมีการเปิดตัวโครงการดังกล่าวในวันที่ 19 ก.พ.นี้ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มากดปุ่มเปิดงาน ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะเป็นการหารือระหว่างสมาชิก ประธานเครือข่าย ประธานกองทุนระดับอำเภอ ระดับจังหวัด เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำโครงการ โดยมีคู่มือการปฏิบัติงานชี้แจงให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุมรับทราบ ถือว่าเป็นการหารือครั้งสุดท้าย ก่อนจะเริ่มทยอยโอนเงินลงไปยังบัญชีใหม่ที่กองทุนเปิดไว้ หากโครงการที่กองทุนเสนอมมาได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการ คาดว่าวงเงินนี้จะทยอยออกในช่วงเดือน มี.ค.เป็นต้นไป โดยล่าสุดมีโครงการที่กองทุนเสนอมาแล้วกว่า 20,000 โครงการ


กำลังโหลดความคิดเห็น