ป้อมพระสุเมรุ
เผยโฉมออกมาสู่สายตาสาธารณชนอย่างเป็นทางการมาแค่สัปดาห์เดียว “ร่างรัฐธรรมนูญร่างแรก” ของ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มี "เนติบริกรตัวพ่อ” มีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ก็ถูกถล่มเละไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะ “ฝ่ายการเมือง” ที่เรียงคิวประเคนแข้งเข้าใส่แบบไม่ยั้ง
โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ว่าเป็น “รัฐธรรมนูญเผด็จการ" ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
จับอาการของ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ “ร้อนแรง-ร้อนรุ่ม” เห็นได้ชัดว่าโดนกดดันมาจากหลายทาง
คนที่ผ่านร้อน-ผ่านหนาวมาเยอะอย่าง "บิ๊กตู่" คงไม่หวั่นไหวกับแค่ข่าว-บทวิจารณ์ที่ปรากฎตามหน้าสื่อ หรือแม้กระทั่งคำด่าเสียดสีของ "นักการเมือง"มากนัก เพราะรู้อยู่แล้วเต็มอกรัฐธรรมนูญแม้จะออกมาอย่างไร "นักการเมือง" ก็ต้องด่าอยู่ดี โดยเฉพาะฝ่าย “พรรคเพื่อไทย” รวมไปถึง “กลุ่ม นปช.” ต้องตั้งธง “ค้านดะ” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรของรัฐบาลชุดนี้
แต่ "บิ๊กตู่" คงเจอแรงกดดันที่มาเกินกว่าจะรับได้ โดยเฉพาะแรงกดดันจาก "อำนาจพิเศษ" ที่ใครหลายคนใน คสช.-รัฐบาล รวมถึง "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ย้ำหนักย้ำหนาว่ารัฐธรรมนูญต้องเป็นแบบนี้ เพราะอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ
เมื่อสถานการณ์ของบรรดา "อำนาจพิเศษ" ยังไม่นิ่ง จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ต้องคงอำนาจของ คสช.เอาไว้ ภายหลังที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีผลยังคับใช้ ซึ่งจะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 ต้องโดนโละทิ้งไป
แต่หมากที่ "คสช.-กรธ." วางไว้คือการคงอำนาจ คสช.ให้มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ซึ่งอยู่ใน “บทเฉพาะกาล” มาตรา 257 ซึ่งระบุไว้ว่าให้ คสช.มีอำนาจต่อไปจนกว่าจะมี "รัฐบาลชุดใหม่"
ถือเป็นการร่างรับธรรมนูญแนวใหม่ เพราะตามปกติแล้วอำนาจตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวจะหมดลงหลังมีรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ครั้งนี้ไม่เป็นเช่นนั้น
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า “มาตรา 44” ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวยังคงมีผลบังคับใช้ได้กับทุกคน-ทุกกลุ่ม-ทุกองคาพยพต่อไป ซึ่งบรรดาพรรคการเมืองกำลังเดาทางกันอยู่ว่า "บิ๊กตู่-ขุนทหาร" จะมาไม้ไหน
เพราะหากมี “อุบัติเหตุ” เกิดขึ้นก่อนมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ เชื่อกันว่า "บิ๊กตู่-ขุนทหาร" จะสามารถคุมหมาก-วางเกม กับเหตุการณ์สำคัญที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ในทางตรงกันข้ามหาก “ยืดเยื้อ” ไประหว่างการเลือกตั้งความโกลาหลจะเกิดขึ้นทันที ดังนั้นจึง “ต้อง” คงอำนาจตาม “มาตรา 44” เอาไว้บริหารจัดการ“สถานการณ์ฉุกเฉิน” ที่อาจเกิดขึ้น
มองกันยาวๆต่อไปอีกว่า หากสเปคของ "รัฐบาลชุดใหม่" ไม่ตรงกับที่ "ขุนทหาร" อยากให้เป็น ก็ “มาตรา 44” นี่แหละที่จะเป็น “ประตูฉุกเฉิน” นี่เป็นเหตุผลที่ "บิ๊กตู่-กรธ.-ขุนทหาร" จึงจำเป็นต้องคงอำนาจไว้อย่างยิ่ง
บรรดาพรรคการเมืองขาประจำเริ่มสงสัยแคลงใจกับการวางเกมครั้งนี้ เพราะชั่วโมงนี้ "บิ๊กตู่" คงไม่กล้าที่จะปรับ “โรดแมป” ให้เลื่อนออกไปอีกแน่นอน เพราะได้ให้สัญญาไว้กับ "โลก" แล้วว่าจะจัดการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม 2560 เพราะเคยขยายโรดแมปมาแล้วหนหนึ่งเมื่อครั้งแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2558 เมื่อครั้งที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “เดอะปึ๊ด” บวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำท่าจะไปไม่รอด
แม้ “ปู่มีชัย” จะหวังดีขยาย “โรดแมป คสช.” จากเดิมที่ยึดสูตร 6-4-6-4 หรือ 20 เดือน สิ้นสุดกรกฎาคม 2560 ออกไป เป็น “สูตรเจ้าคุณปู่” ที่เคาะตัวเลขตามร่างรัฐธรรมนูญที่สูตร 6-4-8-5 หรือ 23 เดือน กล่าวคือ เพิ่มเติมไปอีก 3 เดือน หลังการทำประชามติ หากผ่านก็ กรธ.ก็จะใช้เวลา 8 เดือนในการทำกฎหมายลูก และให้ทาง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาอีกราว 5 เดือน ตามสูตรนี้มีเลือกตั้งเร็วที่สุด พฤศจิกายน 2560
เหมือนยัดไส้-ลักไก่สูตร 6-4-8-5 ไว้ใน “ร่างแรก”
แต่ “สูตรเจ้าคุณปู่” ดูจะไม่ค่อยแนบเนียน “บิ๊กตู่” จึงต้องส่งสัญญาณไม่เห็นด้วย พร้อมขอให้เร่งทุกกระบวนการให้แล้วเสร็จ เพื่อเตรียมจัดการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม 2560 ตามที่ได้ประกาศไว้ โดยมอบหมายให้ “ศิษย์สำนักเนติบริกร” วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้หาแนวทางปรับโรดแมปตามร่างรัฐธรรมนูญให้ล่นเวลาลง โดยให้ออกกฎหมายลูกเท่าที่จำเป็นต่อการเลือกตั้งไปก่อน
นับว่า “มีชัย - วิษณุ” คุยภาษาเดียวกันคล่องคอกว่า
มองเผินๆ ต้องบอกว่า "บิ๊กตู่" ก็แคร์สายตา "โลก" ไม่ใช่น้อย แม้จะมีอำนาจเต็มในการบริหารสถานการณ์ของประเทศไทย แต่สัญญาจากปาก "ผู้นำประเทศ" ที่ให้ไว้ก็สำคัญไม่น้อยเช่นกัน
แต่อีกมุม เกมคงอำนาจ คสช. จนถึงมี "รัฐบาลชุดใหม่" ย่อมถูกมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกเสียจาก “ประตูฉุกเฉิน” ที่ตอนนี้ถูก “ฝ่ายตรงข้าม”อ่านขาดว่า อาจจะมีการ "ล้มประชามติ” เลยเถิดไปถึง “ล้มเลือกตั้ง" หากเกิด “อุบัติเหตุ” หรือ "รัฐบาลชุดใหม่" ไม่เป็นไปตามสูตรที่วางไว้
เพราะอย่าลืมว่าหากพรรคการเมืองที่อยู่ “คนละขั้ว” กับ "ขุนทหาร" ชนะการเลือกตั้ง ระหว่างที่จะมีการจัดตั้ง "รัฐบาลชุดใหม่" ที่ต้องผ่านอีกหลายด่าน อาจจะมีสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น กระทั่ง “ขั้วตรงข้าม” จะปลุกมวลชนออกมาต่อต้าน จนเกิดการปะทะก็ยังอยู่ในข่ายที่คาดการณ์กันไว้
หากสถานการณ์ถึงขั้นวิกฤตขึ้นมาอีก "บิ๊กตู่-คสช." ก็สามารถอ้างเหตุผลสร้างความชอบธรรรมให้กับตัวเอง เพื่อควบคุมอำนาจต่อไปได้ แม้จะค้านสายตา "โลก" ก็ตาม แต่ความชอบธรรมก็อ้างได้มากกว่า “ทะลึ่ง” ยืดโรดแมปออกไปตั้งแต่ตอนนี้
และเมื่อถึงวันนั้นหากสถานการณ์ต่างยังคงไม่นิ่ง สิ่งเดียวที่จะ “เอาอยู่” ก็คือ "กองทัพ" ที่ควบคุมโดย “รัฐบาลทหาร” เท่านั้น ไม่มีที่ว่างให้กับ"รัฐบาลพลเรือน" อย่างแน่นอน
จึงฟันธงได้เลยว่าเหตุผลหลักที่จำเป็นต้องคงอำนาจของ "บิ๊กตู่ - คสช." ไว้ก็เพื่อ “ประคองสถานการณ์” ดูหน้าดูตาของ "รัฐบาลชุดใหม่" ที่จะได้มาจาก “สูตรพิสดาร” ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสียก่อน
ประเทศไทยอยู่ในช่วง “เปราะบาง” จำเป็นต้องมี “ประตูฉุกเฉิน” ซึ่งก็คือการคงอำนาจ “บิ๊กตู่ ณ คสช.” ไว้ในมาตรา 257 ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับ“เจ้าคุณปู่” นั่นแล..
ส่วนจะใช้แบบ “สร้างสรรค์” หรือจะเป็นแบบ “คนป่ามีปืน” ก็ต้องตามดูกันยาวๆ