ผู้บัญชาการทหารบก เข้าพบนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้า รับทราบนโยบายทหารลงพื้นที่ชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญ และการเรียกตัวแกนนำ นปช. ทำความเข้าใจ ด้านโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ เจ้าตัวฝากขอโทษสื่อมวลชน หลังแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว พร้อมฝากแยกแยะสิ่งที่เป็นคุณและโทษของประเทศ
วันนี้ (3 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล รายงานข่าวแจ้งว่า ตั้งแต่เวลา 09.30 น. พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อนจะเดินทางกลับในเวลา 10.10 น. ซึ่งคาดว่าจะเป็นการรับทราบนโยบายให้ทหารลงพื้นที่ ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงรายงานสถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่มีการจับตาการวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญและโจมตีรัฐบาลและ คสช. ซึ่งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา มีการเชิญ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มาพูดคุยทำความเข้าใจ และคาดว่า จะมีการเชิญกลุ่มเคลื่อนไหวการเมืองอื่น ๆ มาทำความเข้าใจเพิ่มเติม
อีกด้านหนึ่งเมื่อเวลา 16.45 น. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการออกคำสั่งที่ 5/2559 มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ว่า มีสื่อวิทยุบางที่ เสนอข่าวว่า การออกคำสั่งดังกล่าวเป็นการรังแกข้าราชการ ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกว่าข้าราชการเกียร์ว่างรัฐบาลไม่ทำอะไร พอออกคำสั่งมาก็วิจารณ์ทำให้คนออกคำสั่งน้อยใจ ยืนยันว่า การออกคำสั่งดังกล่าวเพื่อเป็นการรักษษเกียรติและศักดิ์ศรีของข้าราชการ เพื่อให้ทำงานรับใช้ดูแลทุกข์ประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีกับข้าราชการที่มีเนื้อแท้ และจิตวิญญาณในการทำงาน จะไม่รู้สึกอึดอัด หรือคิดว่าถูกรังแก แต่ถ้าเป็นข้าราชการที่ใกล้ชิดกับผู้บังคับบัญชา วิ่งเต้น ก็อาจจะอึดอัด สิ่งที่ออกคำสั่งเป็นการสร้างเกียรติศักดิ์ศรีและเกราะคุ้มกันให้ข้าราชการแข็งแกร่งขึ้น นักการเมืองจะมาโยกย้ายไม่ได้
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกฯ ฝากขอโทษต่อสื่อและประชาชน จากกรณีให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ตนเชื่อว่า นายกฯ รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน นายกฯ คงมีแรงกดดันมากพอสมควร กับความคาดหวังของประชาชนว่าจะเป็นหัวหอกนำพาประเทศไปในทิศทางส่วนใหญ่ที่สังคมต้องการ แต่ตนคิดเอาเองว่านายกฯ อาจรู้สึกว่าเมื่อท่านเหลียวไปข้างหลัง ท่านเดินอยู่คนเดียวหรือเปล่า เพราะสังคมไทยส่วนใหญ่จะนิ่ง รอรับฟัง ทำให้คนตั้งใจแก้ไขปัญหารู้สึกอ้างว้างและเดียวดาย จึงอยากเรียกร้องสื่อมวลชน ขอความร่วมมือจากท่านให้ทำหน้าที่มากกว่าเดิมมากขึ้นอีก 1 ขั้น
“อยากให้ช่วยกรุณาแยกแยะอะไรที่เป็นคุณต่อประเทศ อะไรที่ไม่เป็นคุณต่อประเทศ อะไรที่เป็นสิ่งดีงาม อะไรที่อยู่ตรงกันข้ามกับความดีงาม ถ้าท่านไม่เปิดโอกาสให้สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับความดีงามได้ใช้พื้นที่ของท่านนำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ ออกไปในสังคม จะทำให้สังคมไม่สับสน ทำให้คนตั้งใจปฏิรูปบ้านเมือง สามารถเดินไปได้ โดยปราศจากความรู้สึกว่าตนเองไปเพียงลำพัง อ้างว้าง เดียวดาย คนเก่งและมีความสามารถในเมืองไทยมีเยอะ แต่คนที่กล้าหาญมีไม่เยอะนัก ตนเชื่อมั่นว่า นายกฯ เป็นคนที่มีทั้งความสามารถและกล้าหาญ อยากวิงวอนว่าอย่าปล่อยให้คนที่กล้าหาญและคนมีความสามารถต้องเผชิญสิ่งต่าง ๆ โดยลำพัง ประเทศเราจะไม่สามารถก้าวข้ามผ่านวิกฤตนี้ไปได้” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
เมื่อถามว่า ทำไมนายกฯ ไม่มาขอโทษเอง พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกฯ มีภารกิจในการต้อนรับ รอง ปธน.อินเดีย และต้องเข้าใจว่าเรื่องบางเรื่องมนุษย์ปถุชนต้องมีเวลาในคิด ทบทวน รักษาความบอบช้ำของใจตัวเองบ้าง มั่นใจว่า นายกฯ ไม่สบายใจ ตนจึงขอใช้โอกาสนี้ชี้แจงกับสื่อ ในโอกาสต่อไปเข้าใจว่าบุคลิกนายกฯ ที่เป็นแบบนี้ อีกไม่นานคงต้องให้ข่าวกับสื่อ
เมื่อถามว่า ท่าทีของนายกฯ ก็มีลักษณะแบบนี้ตลอด จะมีการปรับเปลี่ยนท่าทีหรือไม่ พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ตอบแทนท่านไม่ได้ แต่ถ้าคิดถึงใจเขาใจเรา ตนว่าท่านแบกภาระเยอะ ภาระของท่านคือปัญหามากมายในประเทศ ทั้งภัยแล้ง เศรษฐกิจ เป็นต้น ทั้งหมดอยู่บนบ่าของ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าวันหนึ่งเรามีภาระแบบนี้เราคงเข้าใจความรู้สึก