“สปท.คำนูณ” รับบัตรเลือกตั้งใบเดียวเป็นจุดอ่อนตัดหนทางพรรคทางเลือกโดยสิ้นเชิง พรรคทุนหนาสมัคร ส.ส.เยอะได้เปรียบ ถ้าไม่แก้ก็จบ ตอกย้ำผูกขาดอำนาจพรรคให้แน่นหนาขึ้น
วันนี้ (3 ก.พ.) นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และอดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงรัฐธรรมนูญร่างแรกว่า จุดอ่อนที่สุดของระบบการเลือกตั้งแบบบัตรเดียวกาเดียวได้ทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อก็คือเป็นการตัดหนทางพรรคทางเลือกใหม่และพรรคทุนน้อยโดยสิ้นเชิง สงวนการเสนอตัวเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยไว้กับพรรคการเมืองทุนหนาแต่เพียงสถานเดียว เพราะระบบการเลือกตั้งแบบนี้ คะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อจะมาได้ก็โดยคะแนนที่ได้รับจาก ส.ส.เขตเท่านั้น ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะในการเลือกตั้ง ส.ส.เขตในแต่ละเขตก็ตาม เป็นการบีบให้พรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตมากๆ ไม่ว่าจะมีความหวังในเขตนั้นๆ หรือไม่ เพราะทุกคะแนนมีความหมาย พรรคทางเลือกใหม่ พรรคของกลุ่มความคิดเฉพาะทางเฉพาะด้าน พรรคเกิดใหม่ ที่ไม่ใช่นักการเมืองเก่าไม่มีความนิยมในเขตใดเขตหนึ่งโดยเฉพาะแต่มีความนิยมกระจายอยู่ทั่วประเทศ ถ้าเป็นการเลือกตั้งระบบ 2 บัตร 2 กาแยกระหว่าง ส.ส.เขต กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่คนไทยคุ้นชินมาตั้งแต่ปี 2540 เคยมีโอกาสที่จะมี ส.ส.ในสภาได้สัก 1-5 คนจาก ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ
นายคำนูณกล่าวอีกว่า จากนี้ไปถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่านออกมาใช้โดยไม่มีการแก้ไขก็เป็นอันหมดโอกาสโดยสิ้นเชิง เพราะไม่มีปัญญาที่จะส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตจำนวนมาก ตัดหนทางพรรคทางเลือกใหม่ทุนน้อย ตัดหนทางการรวมตัวของกลุ่มภาคประชาสังคมที่จะรวมตัวกันเป็นพรรคการเมืองเพื่อจะเข้ามาเป็นปากเป็นเสียงในสภาสักเสียงสองเสียง ตัดโอกาสทางเลือกใหม่ๆ ของประชาชน สงวนความเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยไว้กับพรรคการเมืองทุนหนาเดิมๆ การบังคับผู้สมัคร ส.ส.ให้ต้องสังกัดพรรคก็จำกัดสิทธิพออยู่แล้ว นี่ยังมาบังคับโดยปริยายให้ผู้ที่ประสงค์จะมีบทบาทในสภาต้องสังกัดแต่พรรคทุนหนาอีก จะยิ่งไม่เป็นการตอกย้ำระบบผูกขาดอำนาจของพรรคการเมืองให้แน่นหนาขึ้นอีกหรือ แม้แต่พรรคการเมืองทุนหนาเดิมๆ ด้วยกันเอง หลายพรรคที่ไม่เคยส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตจำนวนมากก็ต้องพิจารณาส่งมากขึ้น เพราะทุกคะแนนไม่ว่าจะแพ้หรือชนะล้วนมีความหมาย นี่คือจุดอ่อนหนึ่งที่ในมุมมองเฉพาะของผมเห็นว่าเป็นจุดอ่อนที่สุดของระบบเลือกตั้งแบบบัตรเดียวกาเดียว