นายกรัฐมนตรี เรียกร้องสื่อบางสังกัดหยุดปล่อยนักการเมือง นักปลุกระดมมีวาระซ่อนเร้น ใช้เป็นช่องทางบิดเบือน พูดขาวเป็นดำ ขยายความขัดแย้ง สร้างความสับสนให้สังคม
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แสดงความเป็นห่วงต่อแนวทางการทำงานของสื่อมวลชนบางแขนงบางสังกัด ที่ยังขาดการใช้ดุลพินิจแยกแยะว่าเรื่องใดมีสาระควรเป็นข่าว หรือเรื่องใดมีเพียงสีสันแต่หาประโยชน์ไม่ได้ โดยสื่อควรเลือกนำเสนอข่าวที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต หรือ ทำให้ประชาชนเกิดแรงจูงใจที่จะพัฒนาตนเอง
“นายกฯ ห่วงเป็นพิเศษ สำหรับสื่อมวลชนที่ยังขาดจรรยาบรรณปล่อยให้นักการเมือง นักปลุกระดมบางกลุ่มบางคนที่มีวาระซ่อนเร้น มาใช้สื่อเป็นช่องทางนำเสนอข้อมูลที่บิดเบือน สร้างความสับสนในสังคม พูดขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว ขยายความขัดแย้งในประเทศไม่รู้จักจบสิ้น ที่สำคัญ ข้อมูลเท็จและกล่าวให้ร้ายต่อสถานการณ์ภายในประเทศจากบุคคลเหล่านี้ เมื่อมีการเผยแพร่ออกไป ยังทำลายภาพลักษณ์ของชาติในสายตาประชาคมโลก ที่อาจไม่เข้าใจสถานการณ์จริงของประเทศไทย ซึ่งสื่อมวลชนไม่ควรปล่อยให้ตัวเองตกเป็นเครื่องมือในการบ่อนทำลายชาติทางอ้อมเช่นนี้”
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า สื่อควรยกระดับการทำงานและปฏิรูปตนเอง มองประโยชน์และภาพรวมที่จะเกิดขึ้นกับประเทศด้วย เลิกขายข่าวสีสัน ข่าวความขัดแย้ง ไร้สาระ และข่าวความคิดเห็นที่ขาดความเป็นกลาง แล้วมุ่งเสนอข้อเท็จจริงที่ผ่านการวิเคราะห์แล้วอย่างถูกต้อง เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม กล่าวโดยสรุปคือ สื่อต้องทำหน้าที่อย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้สื่อยังควรระมัดระวังการเสนอข่าวในเชิงชี้นำหรือนึกคิดสรุปไปเอง โดยปราศจากข้อมูลและความเข้าใจที่ถูกต้อง เช่น การวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญเพียงผิวเผิน บางจุดบางประเด็นโดยปราศจากความพยายามที่จะเข้าใจเจตนารมย์สำคัญของการร่างรัฐธรรมนูญ ว่าทำไปเพื่อป้องกันปัญหาความรุนแรง ความขัดแย้งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ไม่ให้กลับมาเกิดซ้ำรอยอีก และป้องกันคนโกงคนเลวไม่ให้เข้ามามีอำนาจ แสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรของชาติ
“นายกฯ กล่าวย้ำในการประชุม ครม.เสมอว่า รัฐบาลไม่ต้องการแสวงหาอำนาจ แต่ต้องใช้อำนาจเพื่อรักษาประเทศชาติให้มั่นคงไว้เพื่อลูกหลานในอนาคต”