อดีต ส.ว. กทม. สับร่าง รธน. ฉบับมีชัย หั่นแหลกการมีส่วนร่วมและการตรวจสอบของภาคประชาชน ตัดข้อความป้องสาธารณสมบัติชาติ ส่อเแฝงแปรรูปให้ตกเป็นของเอกชน เชื่อ มีโอกาสเกิดเผด็จการรัฐสภาภาคสอง ก่อความขัดแย้งกับ ปชช. ขนาดใหญ่
วันที่ 30 ม.ค. เมื่อเวลาประมาณ 23.10 น. น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตกลุ่ม 40 ส.ว. กรุงเทพฯ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว รสนา โตสิตระกูล ตั้งข้อสังเกตร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย หัวข้อ “รัฐธรรมนูญฉบับทุนขุนนาง ทางออกหรือวิกฤตของประเทศไทยรอบใหม่?” ตามข้อความดังนี้
สิทธิ คือ อำนาจของประชาชนที่กฎหมายต้องกำหนดให้เพื่อประชาชนจะสามารถสำเร็จประโยชน์ตามที่กฎหมายคุ้มครอง แต่ถ้าไม่มีการบัญญัติเป็นรูปธรรมในรัฐธรรมนูญว่าประชาชนมีสิทธิอะไรบ้าง และนิติรัฐที่กินภาษีของประชาชนต้องจัดสรรอะไรบ้างเพื่อผดุงสิทธิอันพึงมีพึงได้แก่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอธิปไตยตัวจริงแล้วไซร้ สิทธิที่กล่าวไว้อย่างล่องลอยในมาตรา 25 ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ก็ย่อมไม่มีผลบังคับได้จริง
ไม่ใช่แค่สิทธิชุมชนที่หายไปครึ่งต่อครึ่งในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สิทธิของผู้บริโภคที่เคยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และ พ.ศ. 2550 ให้มีองค์กรอิสระผู้บริโภคก็หายไปด้วย
จากปี 2540 ถึงปัจจุบัน เวลาผ่านไปถึง 18 ปี แม้มีบัญญัติในรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจนในหมวดสิทธิของประชาชน แต่นักการเมืองในสภาทุกสมัยที่ผ่านมาก็ไม่ยอมออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญให้มีองค์อิสระผู้บริโภคตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ย้ายการคุ้มครองผู้บริโภคไปอยู่ในหมวดหน้าที่ของรัฐ ยิ่งไม่มีหลักประกันใดว่ารัฐบาลต่อไปจะปฏิบัติ!?!
นอกจากนี้ ในรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ระบุว่า “รัฐต้องเป็นเจ้าของโครงข่ายขั้นพื้นฐานของกิจการสาธารณูปโภคพื้นฐานของรัฐอันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน หรือเพื่อความมั่นคงของรัฐ จะปล่อยให้ตกเป็นกรรมสิทธิของเอกชนไม่ได้หรือรัฐเป็นเจ้าของกรรมสิทธิต่ำกว่า 51% ไม่ได้” แต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ตัดข้อความนี้ออกไปทั้งหมด ไม่ทราบว่ามีเจตนาแอบแฝงจะให้แปรรูปสาธารณสมบัติของชาติให้ตกเป็นของเอกชนหรือไม่?
ดังซูเปอร์บอร์ดบางคนที่เสนอความคิดว่ารัฐไม่ควรถือกรรมสิทธิ์ในรัฐวิสาหกิจเลย ซึ่งมาจากแนวคิดการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่ตกยุคของอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นางมาร์กาเร็ต แธชเชอร์ (รวมทั้งพวกทักษิโณมิกส์ด้วย) โดยยกวาทะ นางแธชเชอร์ ที่ว่า “ทรัพย์สินของรัฐ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เมื่อไม่มีเจ้าของ ก็ไม่มีคนดูแล” (Government owns is Nobody owns. Nobody owns is Nobody cares) และยังอ้างตรรกะบริโภคเพิ่มว่า ขืนปล่อยให้รัฐเป็นเจ้าของรัฐวิสาหกิจต่อไป นักการเมืองจะเข้ามาล้วงลูกได้ จึงสมควรแปรรูปสาธารณสมบัติเหล่านั้นให้เอกชนเป็นเจ้าของไปเสียเลย
ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือ รัฐธรรมนูญฉบับทุนขุนนาง ที่ตัดการมีส่วนร่วม และการตรวจสอบของภาคประชาสังคมออกไป ซึ่งจะทำให้การตรวจสอบอำนาจรัฐและการทุจริตของฝ่ายบริหารโดยองค์กรอิสระภาครัฐเป็นเพียงตรายางเท่านั้น
มีโอกาสเกิดเผด็จการรัฐสภาภาคสอง ที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งขนาดใหญ่ ซึ่งไม่ใช่ระหว่างเหลืองกับแดงอีกต่อไป แต่จะเป็นความขัดแย้งระหว่างภาคประชาสังคม กับกลุ่มทุนการเมืองและข้าราชการ ที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนผูกขาดอีกกลุ่มที่เลวร้ายไม่น้อยกว่ากลุ่มทุน “ทักษิโณมิกส์”