แกนนำ นปช. เตือนมาตรการแก้ปัญหาราคายางของรัฐบาลน่าเป็นห่วง ชี้ ดูเฉพาะราคาท้องถิ่นไม่ได้ ต้องดูราคาตลาดโลก ระวังนายทุนไปกว้านซื้อมาเก็บไว้ และต้องยุติขายยางในสต๊อกเดิมเด็ดขาด ฝากหันมาช่วยชาวนาด้วย เตรียมนำเรียงความ “ครอบครัวของฉัน ในวันที่ไม่มีโครงการรับจำนำข้าว” ให้นายกรัฐมนตรีอ่าน จะได้รู้ว่าลำบากขนาดไหน
วันนี้ (17 ม.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า เท่าที่ดูมาตราการแก้ปัญหาราคายางของรัฐบาลยังมีข้อหน้าเป็นห่วง อาทิ การที่รัฐบาลบอกว่าแค่ประกาศจะรับซื้อราคายางก็ขยับขึ้นทันทีกว่า 2 บาทนั้น สะท้อนให้เห็นว่าผู้มีอำนาจไม่เข้าใจการพิจารณาราคาของยางซึ่งจะดูเฉพาะการประมูลในท้องถิ่นนั้นไม่ได้ ต้องเทียบราคากับตลาดต่างประเทศที่มีอิทธิพลสูงด้วย ที่ผ่านมา ราคาตลาดต่างประเทศแทบจะไม่ขยับตัวเลย ดังนั้น อยากให้รัฐบาลตรวจสอบสัญญาณนี้ให้ดีว่า ที่ราคาขยับขึ้นนั้นเพราะนายทุนไปกว้านซื้อมาเก็บไว้ เพื่อรอจังหวะปล่อยขายในราคารับซื้อของรัฐบาลหรือไม่ นอกจากนี้ ยังเป็นสัญญาณเตือนให้รัฐบาลรัฐกุมมากขึ้นด้วย
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า รัฐบาลจะต้องยุติการพยายามขายยางในสต๊อกเดิมโดยเด็ดขาด เพราะที่ผ่านมา ที่ราคาตกมากนั้น เนื่องมาจากรัฐบาลพยายามติดต่อขายยางส่วนนี้ให้กับเอกชน ให้กับสิงคโปร์ และจีน ในระดับราคาที่ต่ำกว่ามติ ครม. ทำให้ยางพาราของไทยอยู่ในสภาพที่เป็นลองผู้อื่นมาตลอด นอกจากนี้ การมอบให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นหน่วยงานรับซื้อนั้น อคส. ไม่มีความชำนาญในตลาดซื้อขายยางและไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเกษตรกร ดังนั้น อาจจะแยกไม่ได้ว่าใครเป็นเกษตรกร ใครเป็นพ่อค้า และใครเป็นนายทุน ดั้งนั้น หากมาตรการนี้ใช้แล้วไม่ได้ผล เกรงว่าราคยางอาจจะตกต่ำกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ ซึ่งผู้มีอำนาจจะต้องเข้าใจไม่ใช่มัวแต่ตื่นเต้น ซึ่งตนต้องการให้มาตราการนี้เกิดประโยคสูงสุดกับชาวสวนยาง ไม่ใช่กับนายทุนหรือผู้ประกอบการรายใหญ่
“ผมยังยืนยันว่า เมื่อช่วยชาวสวนยางแล้ว ก็ขอให้หันมาช่วยชาวนาด้วย เนื่องจากชาวนาไม่กล้าส่งเสียง ถ้าส่งก็เบามาก เพราะกลัวอำนาจรัฐ อย่างไรก็ตาม ภายในสัปดาห์นี้ผมจะรวบรวมเรียงความ ครอบครัวของฉัน ในวันที่ไม่มีโครงการรับจำนำข้าว ที่ลูกหลานชาวนาส่งมาให้เพื่อนำไปมอบให้กับท่านนายกฯ ที่ทำเนียบฯ เพื่อให้นายกฯ ได้รับทราบปัญหาและสถานการณ์จริงว่า ชาวนายาลำบากขนาดไหนจะได้หันมาแก้ปัญหาให้กับชาวนาบ้าง” นายณัฐวุฒิ กล่าว