นายกรัฐมนตรีสั่งทุกหน่วยป้องกันไฟป่าทั่วประเทศเคร่งครัด แบ่ง 3 พื้นที่รับผิดชอบ ระงับการเผาป่าหรือวัสดุการเกษตร พร้อมสร้างจิตสำนึก พร้อมวอนเกษตรกรปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทนการทำนาปรังในช่วงฤดูแล้ง
วันนี้ (17 ม.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาหมอกควันและไฟป่าทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ 9 จังหวัด ที่มักเกิดปัญหาวิกฤตทุกปีในช่วงเดือน ม.ค. ถึง เม.ย. ได้แก่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย น่าน แพร่ พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง และตาก เนื่องจากตรงกับช่วงฤดูแล้งและภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นแอ่งกระทะ ประชาชนมักเผาวัชพืชและวัสดุการเกษตรเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูก มีการเผาวัชพืชริมทาง เผาในชุมชน หรือเกิดจากไฟป่า
“รัฐบาลกำหนดให้แต่ละจังหวัดใช้กลไกประชารัฐในการแก้ไขปัญหา โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ทำหน้าที่บูรณาการความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายพลเรือน ทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ภาคเอกชน และประชาชน แบ่งหน้าที่และพื้นที่รับผิดชอบ เฝ้าระวัง ระดมกำลังคน จัดหาอุปกรณ์ ระงับการเผาป่าหรือวัสดุการเกษตร จัดทำมาตรการบรรเทาผลกระทบ และประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึกร่วมกันในการป้องกันปัญหา” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า จะมีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบที่ชัดเจน คือ 1. พื้นที่เกษตรกรรม มีกระทรวงมหาดไทยเป็นหลัก ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอื่น ๆ รณรงค์ให้มีการไถกลบตอซังและใช้สารย่อยสลายแทนการเผา ใช้กลไกควบคุมกันเองในชุมชน เช่น ประกาศเขตห้ามเผา 90 วัน เป็นต้น 2. พื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ มีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหลัก ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ตำรวจตระเวณชายแดน ทหาร อปท. และประชาชน จัดทำแนวป้องกันไฟป่า ลาดตระเวน และบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดโดยเคร่งครัด 3. พื้นที่ริมทางหลวง มีกระทรวงคมนาคมเป็นหลัก ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ควบคุมไม่ให้มีการเผาในพื้นที่เขตทางหลวง จัดชุดลาดตระเวนเฝ้าระวังการเผา
“นายกฯ กำชับให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามแผนอย่างเคร่งครัดและมีเอกภาพ เน้นการทำงานเชิงรุก เพราะปัญหาหมอกควันส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยและการใช้ชีวิตของประชาชน รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยว และหากเกิดไฟป่าและหมอกควันอาจจำเป็นต้องใช้น้ำเพื่อบรรเทาปัญหา ซึ่งจะกระทบต่อปริมาณน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคในช่วงหน้าแล้ง ดังนั้น จึงขอความร่วมมือไปยังประชาชนในภาคเหนือร่วมกับเจ้าหน้าที่ป้องกันปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างจริงจัง และวิงวอนพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ภาคกลางปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแทนการปลูกข้าวนาปรัง เพื่อจำกัดการใช้น้ำให้เพียงพอต่อการอุปโภคและบริโภค โดยรวมในช่วงหน้าแล้งนี้” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว