“ประยุทธ์” แวะทักทายเด็กนักเรียนศิษย์เก่าพร้อมให้โอวาท ย้ำครูสอนกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดการพัฒนาทางสมอง เผยสร้างไอทีหนุนการศึกษา ขออย่าแค่เรียนจบ แนะฝืนชะตาชีวิตได้ เด็กรุ่นหลังคิดให้ซับซ้อนขึ้น สอนคำในหลวงให้พอประมาณ วางโครงสร้างพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระยะยาว สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ แนะเด็กต้องไม่ขัดแย้ง ปชต.เสียหายทหารต้องมาปกป้อง อยากได้ความเข้าใจ
วันนี้ (15 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำลังจะออกเดินทางไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปบทบาทความสำคัญของตลาดทุนและแผนพัฒนาตลาดทุนฯ ปรากฏว่าช่วงนั้นได้มีนักเรียนละครูจากโรงเรียนวัดนวลนรดิศ ประมาณ 200 คนกำลังเดินแถวเข้ามาในทำเนียบฯ เพื่อเยี่ยมชมงาน “พม.ตลาดน้ำใจ วิถีไทยผดุง” เดินทางบริเวณทางขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าพอดี ปรากฏว่านายกฯ ได้ให้ความสนใจและเดินลงมาที่กลุ่มนักเรียนและมาทักทาย สร้างความตื่นเต้นให้บรรดาครูและนักเรียนวิ่งมาขอถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งนักเรียนได้นำสบู่และคุกกี้มามอบให้นายกรัฐมนตรีด้วย
นายกฯ ได้กล่าวทักทายพร้อมให้โอวาทว่า “เป็นยังไงบ้าง ใครอยากเป็นนายกฯ บ้าง มาเอาไปเลยนะ กำลังยุ่งๆ เลยล่ะ สิ่งที่ครูสอนเป็นการสอนพื้นฐาน เมื่อนักเรียนได้รับการถ่ายทอดมา เขาเรียกว่าเป็นการสอนกระบวนการเรียนรู้ในหัวของเรา ไม่ใช่ว่าทุกคนบอกว่าเรียนไปแล้วไม่เห็นได้ใช้ เรียนจบมาแล้วไม่ได้ใช้อะไรเลย นั่นแสดงว่าไม่ได้ใช้อะไรเลยไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาสอนมาทำให้เกิดพัฒนาการทางสมองทุกช่วงวัย ตั้งแต่ก่อนวัยเรียน อนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อุดมศึกษา อาชีวะศึกษาหรืออะไรก็แล้วแต่ รวมถึงการศึกษานอกโรงเรียน นอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เรากำลังสร้างสังคมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เด็ก คนแก่ ทุกคนสามารถเรียนได้ตลอดไป เรากำลังทำเรื่องของไอทีซึ่งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เน้นเรื่องการศึกษา เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ทุกคนก็เรียนจากไอซีทีของลุง ของนายกฯ นี่แหละเพิ่มจากครูกู (กูเกิล) แต่ครูกูก็สู้ครูที่สอนเราไม่ได้เพราะครูกูตอบแค่สองบรรทัด เพราะฉะนั้น กระบวนการเรียนรู้ต้องขอฝากอาจารย์ไว้ด้วยหากเป็นไปได้ เราจะล้มไปทางไหนไม่ไดจึงต้องร่วมมือกันผ่านทั้งครูและอาจารย์ไปเข้าระบบ หามาว่าคำถามคำตอบอะไรในกูเกิลอันไหนสำคัญ แล้วเอาทั้งหมดมาพูดคุยกัน ในช่วงบ่ายโดยตั้งโจทย์แล้วให้ไปค้นหา แล้วมาถกเถียงกันให้นักเรียนชี้แจง โดยให้ครูเป็นผู้กำหนดโจทย์แบบนี้ถือเป็นตัวอย่างในการสร้างการเรียนรู้ไม่ใช่แค่เรียนอย่างเดียว เรียนแล้วได้แค่ปริญญาแล้วไม่มีงานทำแล้วจะทำอย่างไร ก็ไปเดือดร้อนพ่อแม่อีก
“วันนี้จบมา 40 เปอร์เซ็นต์แล้วไม่มีงานทำ ตอนนี้จะจบปริญญามาอย่างเดียวไม่ได้บางคนอาจจะชอบเรื่องของอาชีพก็เรียนอาชีวะ ลุงเลยให้มีการเข้าไปสอนแนะแนวตั้งแต่ชั้นมัธยมให้เด็กได้รู้ตัวว่าไปไม่ไหวหรือไม่ ถ้าไม่มีการแนะแนวแล้วพ่อแม่ก็อยากให้ไปเรียนปริญญา ถ้าเด็กรู้ตัวก็จะได้บอกพ่อแม่ได้” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สมัยเด็กๆ ตนจำได้ว่าโรงเรียนวัดนวลนรดิศ สอนตนมาเยอะเรื่องการเรียนรู้ วันนี้ตนเย็บผ้าเป็น ซ่อมกระดุมเองได้รีดผ้าก็เป็น อ๊อกเหล็กก็เป็น เพราะโรงเรียนสอนมาเคยตาแฉะด้วยเพราะไม่ใส่แว่น ครูให้ใส่แว่น ลุงก็ไม่ใส่ เลื่อยไม้ก็เป็น แกะสลักก็เป็น บางอย่างพอเป็นแล้วก็ชอบ เราก็ชอบเรื่องวิศกรรม พ่อแม่ก็อยากให้เป็นวิศกร แต่เราอยากเป็นทหาร ชะตาชีวิตก็เป็นแบบนี
“บางอย่างเราฝืนชะตาชีวิตได้ อย่าไปคิดว่าเขากำหนดไว้หมดแล้วทุกอย่างอยู่ที่ตัวเองทั้งสิ้นในการกำหนดอนาคตของตัวเอง วันนี้อยากเป็นหมอ พยาบาล ทหาร ตำรวจ มันก็เปลี่ยนได้ตลอดปีนี้อาจจะอยากเป็น ปีหน้าอาจจะไม่อยากเป็นซึ่งทุกคนมีการพัฒนาทางความคิดอยู่เสมอและสิ่งที่ผมเป็นห่วงขณะนี้ก็คือเด็กรุ่นหลังต้องคิดให้มันซับซ้อนนิดหนึ่ง จะมาคิด 1+1 เป็น 2 อย่างเดียวไม่พอ 1+1 ผลออกมาอาจจะเป็น 3 4 5 ซึ่งจะต้องคิดเป็นกระบวนการ วิชาที่หายไปเดี๋ยวนี้ คือคิดเลขในใจ เช่น ในรายการโทรทัศน์ที่จีนมีกระบวนการสอนบวกลบคูณหารในครั้งเดียวกัน เราต้องไปหาแบบนี้มา เราต้องดึงความฉลาด เพราะทุกคนไม่รู้หรอกว่า แต่ละคนมีความฉลาดมากแค่ไหน สมองส่วนหนึ่งจะเป็นเรื่องของความจำในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เช่น คนแก่จะถอยกลับมาอดีต อนาคตจะคิดไม่ไปแล้ว คนแก่ๆจะจำอดีตได้ พอวันนี้ก็ลืมแล้วก็ค่อยๆ ถอยกลับมาเป็นเด็ก ส่วนสมองอีกซีกจะควบคุมการสั่งการ การเดินนั่ง อะไรก็แล้วแต่ต้องไปดูให้มันลึกซึ้งจะได้รู้จักว่าจะใช้อะไรกับคนเราเอง ไม่ใช่คิดแต่จะบอกพ่อว่าโทรศัพท์ไอโฟนเปลี่ยนรุ่นแล้ว จะขอเงินซื้อหน่อย แต่พ่อก็ไม่มีรายได้ เงินก็ไม่มี พ่อก็ต้องไปกู้เงิน ตามมาด้วยหนี้สิน แล้ววันหน้าลูกจะเรียนหนังสือกันอย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลมีรายได้จำกัดพอสมควร มี 275,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบขาดดุลเพราะตั้งเกินรายได้ที่มี วันนี้รายได้ที่คาดไว้แล้วที่ต่ำอยู่แล้วยังไม่ได้อีก เพราะรายได้เข้าประเทศไม่มี ราคาน้ำมันก็ตก เราได้ภาษีจากน้ำมันเยอะ เมื่อน้ำมันลดราคาภาษีก็ตก สินค้าการเกษตรที่ส่งออก 70 เปอร์เซ็นต์เป็นวัตถุดิบทั้งสิ้นราคาตกภาษีก็ตก รายได้ก็ตก มันตกไปหมดทุกอย่าง มีแต่รายจ่ายอย่างเดียว แต่ละกระทรวงก็จะเอา นี่คือปัญหาด้านงบประมาณของประเทศ เพราะฉะนั้น ลุงถึงบอกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสอนเรื่องของความมีเหตุมีผล ความพอประมาณและการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีที่จะเดินไปข้างหน้า แล้วจะล้มเราก็ชะลอไว้ก่อนดูว่าแข็งแรงหรือไม่แล้วค่อยเดินต่อ การลงทุนอะไรก็หยุดไว้ก่อน จะเริ่มต้นเล็กๆ ก่อนดีไหม ไม่ใช่ทำอะไรก็เต็มที่ ใหญ่ๆ แล้วก็ล้ม แล้วก็ล้มละลาย นี่คือภูมิคุ้มกันที่ดีภายใต้ความรู้คู่คุณธรรม แบบสามห่วงสองเงื่อนไขนี่คือหลักการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างไรก็ตาม ให้ครูไปออกข้อสอบแบบนี้หนึ่งข้อเพราะเราจะรู้อะไรต้องรู้ให้ลึกซึ้ง การที่จะคุยกับคนได้จะต้องอ่านหนังสือทุกประเภท แต่เรื่องฉาวโฉ่ไม่ต้องไปศึกษา เราต้องหนังสืออ่านให้รู้ให้เข้าใจสังคมได้ จะไม่รู้สักเรื่องไม่ได้ เพราะไม่อ่านไม่คิดต่อ จะเอาแต่สอบอย่างเดียว วันหน้าจะอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่แข็งแรงเพียงพอ
“ผมในฐานะที่เป็นศิษย์เก่า สมัยนั้นเป็นเด็กต่างจังหวัด เรียน ม.ศ.1-3 แล้วเผอิญว่าเรียนดี เพราะอยู่ต่างจังหวัด ตอนนั้นยังเด็กอยู่ ยังไม่เกเร อายุประมาณ 14 ปี แล้วก็เรียนจบตอนอายุ 15 ปีตามเกณฑ์ แต่ลุงดันเรียน ม.ศ.1 ไป 2 ปีเพราะเรียนเร็วเกินไป จะมาสอบเข้าก็ไม่ได้เรียนเพราะขาดไป 11 เดือน ต้องกลับไปเรียนกับแม่ใหม่ แล้วกลับมาสอบใหม่อีกรอบ ซึ่งอาจจะดี แต่ไปสอบเตรียมทหาร โอ้โห ม.ศ.4-5 มาสอน เรียนไม่ทันเขา เกือบตาย กว่าจะฟื้นได้ก็ขึ้นนักเรียนนายร้อยแล้ว เรียนไป 7 ปีกว่าจะจบ เขาสอนจบมาให้เป็นทหาร ไม่ได้สอนให้เป็นนายกฯ แต่ที่ต้องเป็นเพราะบ้านเมืองเป็นแบบนี้ ลุงไม่ได้ว่าลุงดี ลุงเก่งเราเป็นประเทศประชาธิปไตย แต่เมื่อใดที่ประชาธิปไตยมันเสียหาย มีปัญหา ทหารเป็นอย่างเดียวเท่านั้นที่จะพิทักษ์ปกป้องได้ไม่ใช่ไปหวงความรับผิดชอบหรือความรักไว้ มันไม่ใช่ วันนี้ลุงทำงานเยอะมาก ใครที่อยากเป็นนายกฯ ต้องรู้งานทั้ง 19 กระทรวง แล้วมีกี่กิจกรรมที่ต้องรู้เพื่อสั่งงานเขาได้ กำกับติดตามดูแลเขาได้ลุงเคยสอนเรื่องนี้มาหรือเปล่า เศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจ ความมั่นคง นี่คือสิ่งที่ต้องเรียนรู้ ขอฝากอาจารย์ไว้ด้วย ต้องรู้สถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ ว่าโลกวันนี้เป็นอย่างไร ความมั่นคงไม่ใช่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ทหารตำรวจอย่างเดียวต้องเป็นหน้าที่ของคนทุกคน อย่าขัดแย้งกัน วันนี้เราทำสองอย่างคือ 1. ทำให้เด็กหรือคนในปัจจุบันอยู่ร่วมกันอย่างสันติ นี่คือหน้าที่ลุง หน้าที่ของทุกคนที่ต้องช่วยกัน ไม่ใช่ให้ลุงปฏิรูปคนเดียวปฏิรูปไม่เสร็จ เลือกตั้งไม่ได้ก็โดนอีก หรือประชามติไม่ผ่านก็โดนอีก ทั้งหมดกลับมาที่ลุงหมดเลย แล้วผมเข้ามาทำไมทำเพื่อใคร ในเมื่อผมไม่ได้อะไรสักอย่าง ไม่ได้ต้องการเป็นวีรบุรุษ ไม่ใช่ดารา เพราะฉะนั้น สิ่งที่วันนี้อยากได้คือความจริงใจและความเข้าใจจากทุกคน และเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต ขณะเดียวกัน ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีอนาคตมีเรื่องการศึกษา เราต้องมีการเตรียมการคนรุ่นใหม่ที่กำลังอยู่ในท้องเพื่อให้อีก 20 ปีข้างหน้าเราได้คนรุ่นใหม่จริงๆ ซึ่งเรียกว่าเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระยะยาว วันนี้กำลังแก้ปัญหาทั้งหมด เพื่อให้เรามีงานทำ มีการศึกษาที่ดีขึ้น”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากนายกฯ กล่าวให้โอวาทเสร็จ นายกฯ ก็ได้บันทึกภาพเป็นที่ระลึกร่วมครูและเด็กนักเรียนอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับให้เด็กๆ กล่าวคำขวัญวันเด็ก โดยนายกฯ ถามเด็กๆ ว่า “เด็กดีคืออะไร ไปหามา รู้ไหม เด็กดีคือไม่ทำเลวไง ให้คำขวัญวันเด็กแล้วให้คำขวัญวันครูด้วย อะไรดีล่ะ เด็กดี ครูดี มีคุณภาพ สู่อนาคต”