“ประยุทธ์” ดีใจพบปะชาวสุราษฎร์ฯ ย้ำลงมาฟังปัญหาไม่ได้หวังผล ยันเพิ่มขีดความสามารถประเทศ เร่งบรรเทาความเดือดร้อน แก้ปัญหายั่งยืน ชี้ทุกคนจะต้องแข็งแรงด้วยตัวเอง ต้องไม่ให้ขัดแย้ง แนะปลูกพืช-เลี้ยงสัตว์ แก้ราคายางตก ยันไม่เลิกสวัสดิการ 30 บ. อย่าฟังบิดเบือน ใส่ข้อมูลบัตร ปชช.เพื่อรับสิทธิ ชี้เลือกตั้งต้องให้ได้คนดีปกครอง การเมืองทำแบบเดิมชาติล่ม ถก กรอ.เร่งจัดงบลงใต้ หนุนท่องเที่ยว-ตลาดเกษตร
วันนี้ (28 ธ.ค.) เวลา 09.30 น. ที่ จ.สุราษฎร์ธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐนตรี และหัวหน้า คสช.พร้อมคณะเดินทางไปยังโรงเรียนบ้านหนองเรียน อ.บ้านเดิม จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเยี่ยมชมนิทรรศการโครงการประชารัฐ โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง พร้อมกับมอบเงินช่วยเหลือโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางจำนวน 50 ราย และมอบเงินช่วยเหลือโครงการฟื้นฟูกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองจำนวน 50 ราย จากนั้นนายกฯ ได้พบปะกับประชาชนมาต้อนรับกว่า 2 พันคน พร้อมกับกล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ตนและคณะดีใจที่ได้พบปะกับชาวสุราษฎร์ธานี ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ใน 4 อำเภอ จ.สงขลา ซึ่งถ้าตนเป็นนักการเมืองจะรู้สึกดีใจมากๆ เพราะคงได้คะแนนเสียงมาก แต่ตนมาเพื่อรับปัญหาจากทุกคน มารับฟังเพียงอย่างเดียว ไม่ได้หวังผลตอบแทน หวังผลเพื่อทำงานให้ประเทศชาติบ้านเมืองโดยส่วนรวมเพียงเท่านั้น เพื่อสร้างประเทศชาติให้เข้มแข็ง ประเทศเรามีปัญหาอยู่ไม่กี่อย่าง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่ขาดความเข้มแข็ง ในรอบ 20 ปีไม่ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างการค้าขายและการลงทุนเพื่อให้เดินกันต่อไป
ทั้งนี้ ต้องเพิ่มขีดความสามารถของประเทศโดยเริ่มจากชุมชนให้การพัฒนาส่งเสริมเกษตรกรรมเพื่อขยายไปยังตำบล อำเภอ กลุ่มจังหวัด ขยายสู่การค้าชายแดน การค้าระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ไปจนถึงประเทศอาเซียนไปจนถึงโลก วันนี้เราทุกคนต้องมาร่วมกันทบทวนแก้ปัญหาร่วมกันให้ได้ เพื่อให้ประเทศไทยมั่นคงและแข็งแรงก่อนที่จะก้าวเดินกันต่อไปโดยต้องเคารพกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้หลายคนเห็นด้วยและเข้าใจถึงปัญหา เพียงแต่จะสามารถพูดให้ทุกคนเห็นกันได้หรือไม่ เพราะการแก้ไขปัญหาจะต้องทำหลายอย่างไปพร้อมกันเหมือนที่รัฐบาลทำอยู่
นายกฯ กล่าวว่า โดยเรื่องแรกคือ การบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน ซึ่งมีอยู่หลายเรื่องไม่เฉพาะเรื่องการเกษตร แต่ยังมีเรื่องป่าไม้ ความเป็นอยู่ของประชาชน การทำกิน ราคายางพารา การขาดแคลนน้ำ เหล่านี้จะต้องแก้ปัญหาให้ได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีเรื่องความรักความสามัคคี การติดกับตัวเอง การศึกษา อาชีพ รายได้ ความไม่เป็นธรรม ความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งทุกอย่างคือปัญหาที่ต่อเนื่องเชื่อมโยง ทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าไม่ได้ นี่คือเหตุผล ที่รัฐบาลต้องมาอยู่ในวันนี้ ซึ่งมีความเสี่ยงสูง เพราะปัญหามีมาก ซับซ้อนและยาวนาน รัฐบาลพยายามจะแกะจะรื้อ แต่ยังไม่มีอะไรเสร็จสักอย่าง เพราะมีทั้งปัญหาหลักปัญหารอง ปัจจัยภายในภายนอกประเทศ กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ก็ต้องแก้ไขกันทั้งหมด ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีความสุข เพราะจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียวคงไม่ถูกต้อง จะต้องหาสมดุลให้ได้ว่า ทำอย่างไรกฎหมายที่ออกมานั้นจะทำให้สองฝ่ายไม่ขัดแย้ง
นายกฯ กล่าวต่อว่า ทุกคนจะต้องแข็งแรงด้วยตัวเอง คิดเป็น ทำเป็น และพยายามรวมกันให้ได้ อย่าไปหวั่นไหวต่อคนไม่ดีที่ ซึ่งจะเป็นใครตนไม่ทราบ อย่างที่ตนย้ำเสมอว่าทุกคนต้องเติบโตจากภายในคือ หัวใจและสติปัญหา เพื่อที่จะรวมกลุ่มไปกับคนอื่นพร้อมๆ กัน รวมกลุ่มในหมู่บ้าน อำเภอ ตำบล ดังนั้น หากมีใครมาพูดให้เกิดความขัดแย้ง พวกท่านก็ทบทวนเสียใหม่ จะต้องทำให้คนทั้งประเทศรักกันให้ได้ เหล่านี้ให้ถือเป็นหน้าที่ของผู้บริหารราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นระดับตำบลไปจนถึงระดับจังหวัด ต้องทำให้ได้ทั้ง 77 จังหวัดทั่วทุกภาค ขณะเดียวกัน ต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ได้ ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เมื่อทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง เราก็จะไม่ต้องใช้กฎหมายอะไรมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความรักความสามัคคี มีระบบเครือญาติเชื่อมโยงก็จะแก้ไม่ค่อยได้ ดังนั้น เราต้องใช้คนที่มีประสิทธิภาพได้เข้าไปทำงานไม่ว่า จะตำแหน่งใด ไม่ใช่เอาใครก็ได้เข้าไปนั่นทำงาน ถ้าอย่างนั้นก็แก้ปัญหาไม่ได้
นายกฯ กล่าวต่อว่า พื้นที่นี้โชคดีที่ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำ รายได้ต่อหัวถือว่าดีกว่าจังหวัดอื่นๆ มีปัญหาเรื่องเดียวคือราคายางตกต่ำ ซึ่งก็สามารถแก้ปัญหาได้โดยปลูกพืชอื่นเสริมไปพร้อมกันในสวนยาง หรือเลี้ยงสัตว์ไปในสวนยาง เพาะพันธุ์ยางใหม่หรืออาจจะหันไปทำยางถ้วย เพราะปัจจุบันนี้ราคาใกล้เคียงกับยางแผ่น ช่วยๆกันไปขยายแล้วรวมกลุ่มกันมา คนหนึ่งทำหน้าที่กรีดยาง คนหนึ่งทำหน้าที่ยางแผ่น รวมตัวในรูปสหกรณ์ขยายตลาดเรียนรู้ระบบการค้า ทำบัญชีให้เป็น รู้เรื่องภาษี ก็จะได้ช่วยยกฐานะยกระดับกันได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยมีคน 70 ล้านคน อยู่ในระบบภาษี 10 ล้านคน เหลือเสียภาษีประมาณ 4 ล้านคน อีก 6 ล้านคน ลดหย่อนตรงนั้นตรงนี้ ดังนั้น 4 ล้านคนคือ ถือเป็นหลักของประเทศ เพื่อนำมาขับเคลื่อนประเทศ และในส่วนของข้าราชการเขาก็เสียภาษี อย่าไปบอกว่าเขาไม่ได้เสียภาษี และข้าราชการโกงภาษีไม่ได้ อีกส่วนหนึ่งของการเสียภาษีคือภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ vat โดยบวกไปกับราคาสินค้าซึ่งเก็บ 7 เปอร์เซ็นต์มาหลายปีแล้วยังไม่สามารถขึ้นได้ เพราะบ้านเมืองเรายังไม่เข้มแข็ง ทั้งนี้ ทุกวันนี้ประเทศไทยงบประมาณขาดดุลเป็นอย่างนี้มาทุกปี เพราะรายจ่ายมากกว่ารายได้ จึงเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ดังนั้นจะยกเลิกเรื่องรัฐสวัสดิการไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี การศึกษาฟรี การรักษาพยาบาลฟรี เพราะฉะนั้นอย่าไปฟังใครบิดเบือน ตนไม่เคยคิดที่จะเลิก มีแต่จะคิดว่าหาเงินมาจากไหน แล้วทำให้ดีขึ้นอย่างไร
“อย่าออกมาเดินขบวนต่อต้านเรื่อง 30 บาทกับผมอีก ได้ยินกันทุกคนแล้วนะ ขอถือโอกาสชี้แจงเลย และต่อไปถ้าทุกคนสามารถมีหมายเลขของตัวเองได้ ไม่ได้จะเอามาประจานอะไรอย่างที่เขาเอาไปว่า บัตรประชาชนก็คือบัตรประชาชน แล้วยังจะต้องมีบัตรให้คนที่ไม่ได้เสียภาษี เพื่อเป็นข้อมูลเก็บเอาไว้เฉยๆ เพื่อให้เขาไปใช้รัฐสวัสดิการ ขึ้นรถเมล์ฟรี ขึ้นรถไฟฟรี หรือวันหน้าถ้าทำได้ ก็อาจจะเอาไปขึ้นรถไฟฟ้าฟรีก็ได้ และมีอีกหลายอย่างที่จะนำมาสู่ในเรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องของอนาคตที่รัฐบาลทำอยู่ ไม่มีการแบ่งชนชั้น อย่ากังวล ไม่ใช่เอามาเขียนประจานในบัตรอย่างที่เขาว่าเสียหน่อย ไม่ได้เขียนประจานบนบัตร ก็เหมือนแค่บัตรเครดิตใบหนึ่ง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนมีเวลาเหลืออีกแค่ 1 ปี 6 เดือน ทำงานตามโรดแมป ทำงานตามรัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งตนต้องการทำให้ประเทศชาติเข้มแข็ง เพื่อให้ทุกคนสามารถ กำหนดชะตาชีวิตหรืออนาคตของประเทศได้ด้วยตัวของทุกคน ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนทุกคนก็ทำอยู่แล้ว เพราะทุกคนเป็นคนลงคะแนนเลือกตั้งใช่หรือไม่ ดังนั้นพวกท่านเป็นคนเลือกตั้งเป็นคนลงประชามติ โดยต้องดูสาระข้างในว่ามันคืออะไร วันนี้หลายคนยังไม่ได้ดู ดูแต่เพียงว่าต้องเลือกตั้ง ซึ่งพอเพียงหรือไม่ จะทำอย่างไรเมื่อเลือกตั้งแล้วได้คนดีมาปกครองบ้านเมือง มีธรรมาภิบาล มีความหวังให้กับพวกเรา และมีกำหนดที่ชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในปีนี้ ปีหน้า 3 ปี หรือ 5 ปี หรือแผนการที่จะบอกได้ว่าอีก 20 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะมีอะไรบ้าง ไม่ว่าการคมนาคมหรือเรื่องน้ำ หรือเรื่องเศรษฐกิจ
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้คือการเริ่มต้นในช่วงที่หนึ่งของการปฏิรูปเท่านั้น รัฐบาลจะต้องปฏิรูปให้ได้ ใน 1 ปี 6 เดือน ถึงกรกฎาคมปี 60แล้วทุกอย่างต้องเริ่มต้นได้หมด ก่อนที่จะส่งไปยังรัฐบาลหน้า จากนั้นจะส่งแผนปฏิรูปไปให้รัฐบาลต่อไป ซึ่งประชาชนทุกคนจะต้องเลือกมาให้ดีๆก็แล้วกัน แต่ถ้าทุกคนทุกพรรคยังพูดแบบเดิมๆ อยู่ คงไม่มีทางทำได้ ผมบอกเอาไว้ได้เลย แต่ถ้าพวกเขามาพูดหรือว่ามาต่อว่าอะไรถึงผม ขอให้ถามกลับเขาไปได้เลยว่า แล้วเขามีแนวคิดอย่างไรในการพัฒนาบ้านเมือง ทำการปฏิรูปประเทศ แล้วปัญหาจะถูกลากโยงมาอีกเท่าไหร่ แล้วในวันหน้าประเทศเราจะล้มละลายหรือไม่ เพราะเงินทองไม่ได้หาง่ายๆ ทุกวันนี้รายได้และภาษีก็ลดลงไปจำนวนหนึ่ง ทั้งๆ ที่รัฐบาลก็อยากจะให้จัดเก็บได้สูงขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
ต่อมาเวลา 12.30 น. ที่อาคารกองบังคับการกองบิน 7 จ.สุราษฎร์ธานี นายกรัฐมนตรีนำ ครม.ร่วมประชุมหารือกับคณะกรรมการ กรอ.ส่วนกลางและคณะกรรมการกรอ.กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย โดยใช้เวลาประชุมชั่วโมงเศษ จากนั้นนายกฯแถลงว่า กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยนี้โชคดีไม่มีปัญหาเรื่องน้ำ แต่จะต้องแก้ปัญหา คือ จัดสรรงบประมาณลงมาภาคใต้ให้เพียงพอ เพื่อแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง บรรเทาความเดือดร้อน พร้อมกับการทำยุทธศาสตร์ 20 ปีข้างหน้า การลงพื้นที่วันนี้รู้ดีใจที่ชาวสุราษฎร์ฯ ทำการปลูกพืชเสริมกับสวนยางพาราไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวจะต้องดูเรื่องสถานการณ์การท่องเที่ยว จะเสริมเรื่องการหาลูกค้าให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น โดยมอบกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้ดำเนินการจัดการให้ และข้อสำคัญคือชุมชนจะต้องได้ประโยชน์จากการส่งเสริมการท่องเที่ยวนั้นด้วย
นายกฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในที่ประชุมยังมีการพูดคุยถึงเรื่องเร่งรัดในการก่อสร้างถนนเส้นทางคมนาคม เพื่อให้เป็นสองเลนและสี่เลน โดยถนนจะต้องดีก่อนแล้วรถไฟค่อยไปดูกันในระยะยาว นอกจากนี้ต้องส่งเสริมเรื่องการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งทางพื้นที่เขาต้องการเลี้ยงโคขุนศรีวิชัย ซึ่งเป็นพันธุ์ท้องถิ่น ตนจึงได้อนุมัติแล้ว เพื่อให้สามารถเลี้ยงกันได้มากขึ้น และจะต้องไปเน้นที่เรื่องการแปรรูปให้มากขึ้นด้วย เช่นทำเนื้อแผ่น เนื้อรมควันหรือไส้กรอก โดยนอกจากขายในพื้นที่แล้วก็พยายามหาตลาดขยายที่อื่นด้วย อีกทั้งจะต้องหาคนมาร่วมลงทุนในพื้นที่ให้เพิ่มจากท้องที่ที่มีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ทางด้านเศรษฐกิจจะต้องทำให้ประชาชนมีอาชีพเสริม ไม่ว่าจะด้านเกษตรกรรม หรือเลี้ยงสัตว์ เช่น เลี้ยงโค หรือแพะ